realme แบรนด์สมาร์ทโฟนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก เปิดตัวเรือธง realme GT 5G ในประเทศไทยแล้ว นับเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของแบรนด์ที่ได้รับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888 มาพร้อมสโลแกน “Sheer Speed Flagship” ให้ประสบการณ์การใช้งานระดับไฮเอนด์ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า ซึ่งทีมงาน @flashfly ได้รับเครื่องจริงมาแกะกล่องให้ได้ชมกันแล้ว
แกะกล่อง realme GT 5G
realme GT 5G ถูกเก็บมาในกล่องสีดำที่มีลวดลายแบบสปอร์ต สื่อถึงความแรงและเร็วของสมาร์ทโฟนที่อยู่ภายใน บนกล่องติดชื่อ realme ขนาดใหญ่ไว้ตรงขอบมุม เหนือขึ้นไปเป็นชื่อรุ่น GT และพบโลโก้ 5G ติดอยู่ที่มุมบน อย่างไรก็ตาม กล่องบรรจุภัณฑ์ realme GT 5G ที่ทีมงาน @flashfly ได้รับมารีวิว อาจมีความแตกต่างไปจากกล่องที่ทาง realme จะวางจำหน่ายในประเทศไทย
เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับซองเอกสารที่มีคู่มือแนะนำการใช้งาน และยังคงเป็นภาษาจีน มาพร้อมข้อมูลเกี่ยวกับการรับประกัน ซึ่งเวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในไทย เชื่อว่าจะถูกปรับเป็นภาษาไทยและอังกฤษ
นอกจากเอกสารต่างๆ ยังแนบเข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ดมาให้ด้วย
ภายในกล่องจะพบว่าแถมเคสมาให้แล้ว ขณะที่สมาร์ทโฟน realme GT 5G ก็ได้รับการติดฟิล์มป้องกันรอยหน้าจอมาให้เช่นกัน
ถัดลงมาจะพบกับสมาร์ทโฟน realme GT 5G ถูกห่อไว้ในซองอย่างดี
ช่องล่างเป็นที่เก็บสายเคเบิล USB-C
ข้างใต้สมาร์ทโฟนเป็นช่องเก็บอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ 65W SuperDart
ดีไซน์สปอร์ตสุดหรู
สมาร์ทโฟน realme GT 5G ใช้ความเป็นรถสปอร์ตมาอ้างอิงเพื่อสื่อให้เห็นถึงความแรงและเร็วตั้งแต่ตัวกล่อง จนมาถึงดีไซน์ของสมาร์ทโฟนก็ดูเหมือนจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากสนามแข่งรถด้วยเช่นกัน โดยใช้ดีไซน์ที่เรียกว่า Dual-tone Leather Design
ด้านหลังของ realme GT 5G ใช้วัสดุหนังวีแกนแบบ Dual-tone ที่ผลิตด้วยกระบวนการขึ้นรูปชิ้นเดียวทั้งฝาหลังและกรอบด้าน ทำให้หนังวีแกนกระชับยิ่งขึ้น และทนต่อรอยนิ้วมือ
หนังวีแกนสีเหลืองถูกเรียกว่า “Speedy Yellow” หมายถึง “รุ่งอรุณ” ของอนาคตที่สดใสในยามเช้า แสดงถึงความเป็นคนรุ่นใหม่ ที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วอย่างเต็มที่ ซึ่งมีความโดดเด่นสะดุดตา และยังถูกตัดด้วยแถบสีดำที่มีความมันวาว มองแล้วนึกถึงดีไซน์ของรถยนต์สปอร์ตบางรุ่น
นอกจากจะให้สัมผัสที่ดีเยี่ยมจากวัสดุคุณภาพสูง realme GT 5G ยังถูกออกแบบมาให้มีความบางเพียง 186 กรัม และบางเพียง 8.4 มิลลิเมตร ช่วยให้พกพาได้อย่างสบายมือ จับถือได้อย่างถนัด
จอ Super AMOLED รีเฟซ 120Hz
realme GT 5G มาพร้อมจอแสดงผล Super AMOLED ความละเอียด Full HD+ ขนาด 6.43 นิ้ว วางใจได้ในเรื่องความคมชัด และยังให้สัมผัสที่ลื่นไหลด้วยอัตราการรีเฟรชสูง 120Hz และให้อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate สูงสุดที่ 360Hz โดยสามารถปรับค่า Touch Sampling Rate ได้อัตโนมัติเพื่อจัดการประสิทธิภาพและพลังงานได้อย่างสมดุล
Snapdragon 888 5G
realme GT 5G เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ realme ที่ได้รับชิปประมวลผล Snapdragon 888 5G ซึ่งเป็นชิปที่ดีที่สุดในปัจจุบันนี้ของ Qualcomm ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี 5 นาโนเมตร ให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น 25% มาพร้อมจีพียู Adreno 660 ให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น 35% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน
นอกจากจะใช้ชิประดับไฮเอนด์ realme GT 5G ยังมาพร้อมเทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยของเหลว VC แบบเทมเปอร์ตัวแรก โดยใช้ทองแดงนำความร้อนที่ดีเยี่ยมและหุ้มด้วยเปลือกสแตนเลสเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ให้ความแข็งแรงสูงกว่าระบบทำความเย็นทองแดง VC แบบเดิมถึง 42% และมีการใช้แผ่นนำความร้อนกราไฟท์ 3 มิติแบบหลายชั้น ครอบคลุม 100% ส่งผลให้ realme GT 5G สามารถระบายความร้อนได้ดีขึ้นอย่างมาก
realme ได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าการระบายความร้อนของ realme GT 5G มีประสิทธิภาพสูงสุด จากการทดสอบ ระบบระบายความร้อน VC สเตนเลสสตีล 3D พบว่าช่วยระบายความร้อนเพิ่มขึ้น 50% และสามารถเข้าถึงอุณหภูมิคอร์ของ CPU ได้ถึง 15 องศาเซลเซียส
ชาร์จเร็ว 65W SuperDart
realme GT 5G ได้รับแบตเตอรี่ความจุ 4500mAh พร้อมสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart ที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 35 นาที โดยแถมอุปกรณ์ชาร์จเร็ว 65W SuperDart มาให้ในกล่อง ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
เตรียมเปิดตัวในประเทศไทยเร็วๆนี้
หลังจากใช้เวลาอยู่กับ realme GT 5G มาระยะหนึ่ง ก็สัมผัสได้ว่าสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ของ realme ให้ความรู้สึกดีเมื่อจับถืออยู่ในมือ ด้วยวัสดุหนังวีแกน ผสานกับดีไซน์บางเบา ส่วนการใช้งานเบิ้องต้นให้ความประทับใจตั้งแต่จอแสดงผล Super AMOLED ที่คมชัด ขนาด 6.43 นิ้ว และอัตราการรีเฟรช 120Hz ให้ประสบการณ์ที่ดีในการเล่นเกมและรับชมภาพยนตร์ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องประสิทธิภาพ เพราะเลือกใช้ชิปประมวลผลที่ดีที่สุดของ Qualcomm พร้อมด้วยระบบระบายความร้อนที่ปรับปรุงใหม่ และยังชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วทันใจ เหมาะกับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน สำหรับราคาที่เปิดตัวในต่างประเทศนั้นเริ่มต้นราว 16,990 บาทเท่านั้น ต้องมาลุ้นกันว่าราคาในประเทศไทยนั้นก็จะถูกใจแฟนๆหรือไม่