Xiaomi ก้าวหน้าไปอีกขั้น ในการพัฒนาสมาร์ทโฟน Mi 11 Ultra ที่สามารถพิชิตคู่แข่งจนทำคะแนนทดสอบกล้องของ DxOMark ได้สูงที่สุดในปัจจุบันนี้ ด้วยกล้องหลัง 3 ตัวที่ให้ประสิทธิภาพเทียบเท่ากล้องโปร อีกทั้งยังมาพร้อมจอแสดงผลที่ให้สีสันได้มากถึงพันล้านสี โดยมีขอบจอโค้งรอบด้าน ตอบสนองการใช้งานได้อย่างรวดเร็วด้วยชิปประมวลผล Snapdragon 888 และรองรับระบบชาร์จไว 67W ทั้งแบบใช้สายและไร้สาย
สเปก Mi 11 Ultra
- จอแสดงผลหลัก AMOLED Quad-curved DotDisplay ขนาด 6.81 นิ้ว
- ป้องกันรอยหน้าจอด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus
- จอแสดงผลรอง (ด้านหลัง) AMOLED ขนาด 1.1 นิ้ว
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888
- ความจำ RAM 12GB จับคู่กับ ROM 256GB
- กล้องหลัง 50MP + 48MP + 48MP (wide + ultra-wide + telephoto)
- กล้องหน้า 20MP In-display Selfie Camera
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6E / Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, NFC, IR blaster, USB Type-C
- วิธีปลดล็อค In-Display Fingerprint Scanner หรือ AI Face Unlock
- ลำโพงคู่ ปรับเสียงโดย Harman Kardon รองรับ Hi-Res Audio
- ระบบปฏิบัติการ MIUI 12 บนพื้นฐาน Android 11
- แบตเตอรี่ 5,000mAh
- ชาร์จเร็วแบบใช้สาย 67W ชาร์จเร็วแบบไร้สาย 67W
- รองรับ 10W Reverse Charging
- ขนาด 164.3 x 74.6 x 8.38 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 234 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี Ceramic White และ Ceramic Black
แกะกล่อง
Mi 11 Ultra ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีดำที่เรียบง่าย หน้ากล่องติดโลโก้ Xiaomi ไว้ที่มุมบนขวามือ กึ่งกลางติดเลข 11 ขนาดใหญ่ และส่วนล่างจึงติดชื่อรุ่น Mi 11 Ultra ถัดลงมาบอกว่าเรือธงรุ่นนี้ได้รับการปรับแต่งเสียงโดย Harman Kardon และสนับสนุน 5G ข้างกล่องติดชื่อรุ่น Mi 11 Ultra พร้อมข้อความบอกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ สามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นของ Google ได้อย่างง่ายดาย
ภายในกล่องประกอบไปด้วย สมาร์ทโฟนที่มีแบตเตอรี่ในตัว, เคสใส, สายเคเบิล USB Type-C, อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ 67W Power Adapter, ตัวแปลงแจ็คหูฟัง USB Type-C เป็น 3.5 มม., เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด, คู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น และ บัตรรับประกัน
ดีไซน์พรีเมียมทนทานด้วยเซรามิก
Mi 11 Ultra เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงระดับไฮเอนด์ที่อยู่บนสุดของ Mi 11 Series จึงมาพร้อมดีไซน์ที่พรีเมียมกว่ารุ่นอื่นๆ ใน Series เดียวกันโดยเฉพาะวัสดุด้านหลังเป็นแบบเซรามิก ให้ความรู้สึกหรูหรา ขับถือได้อบ่างสบายมือ และมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว Ceramic White และ สีดำ Ceramic Black
นอกจากวัสดุพรีเมียม จอแสดงผลของ Mi 11 Ultra ก็ถือเป็นอีกจุดเด่นในด้านดีไซน์ โดยออกแบบมาให้มีขอบมุมโค้งทั้ง 4 ด้าน เรียกว่าดีไซน์ Quad-curved DotDisplay โดยมีความละเอียด WQHD+ ขนาด 6.81 นิ้ว และได้รับการป้องกันด้วยกระจก Gorilla Glass Victus
Xiaomi เจาะหลุมขนาดเล็กไว้ที่มุมบนหน้าจอ สำหรับติดตั้งกล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล และยังฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผลด้วย
ด้านหลังสะดุดตากับกรอบกันชนกล้องขนาดใหญ่ ซึ่งมีกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก, กล้อง Ultra-wide และกล้อง Telephoto ที่มีตัวเลข 120X บอกถึงประสิทธิภาพการซูม
ถัดจากแฟลช LED เป็นพื้นที่ของจอแสดงผลรอง AMOLED ขนาด 1.1 นิ้ว ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหลังได้ และยังแสดงเวลา รวมถึงการแจ้งเตือนต่างๆ ได้อีกด้วย
ขอบด้านข้างมีความบางไม่ถึง 8.4 มิลลิเมตร ติดตั้งปุ่มปรับระดับเสียง กับ ปุ่มเพาเวอร์ ไว้ฝั่งเดียวกัน
เนื่องจาก ปุ่มปรับระดับเสียง กับ ปุ่มเพาเวอร์ อยู่ฝั่งเดียวกัน อีกทั้งถาดใส่ซิมการ์ดก็อยู่ด้านล่าง ทำให้ขอบด้านข้างทางฝั่งซ้ายมือถูกปล่อยให้ว่าง แต่ก็เผยให้เห็นดีไซน์ด้านข้างชัดเจน ซึ่งมีขอบหน้าจอที่โค้งรับกับแถบโลหะ และแผ่นหลังก็มีขอบมุมโค้งมนเช่นกัน
ด้านบนจะพบกับ IR blaster ที่หาได้ยากในสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่น ถัดมาเป็นรูไมโครโฟนตัวที่สอง และ ลำโพง ที่มาพร้อมโลโก้ Harman Kardon
ด้านล่างประกอบด้วย ถาดใส่ซิมการ์ด (รองรับ 2 ซิม), พอร์ต USB Type-C, รูไมโครโฟน และ ลำโพงอีกตัว ขับเสียงร่วมกับลำโพงด้านบน นอกจากนี้ Mi 11 Ultra ยังได้รับการออกแบบมาให้ป้องกันน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP68 ผ่านการทดสอบความทนทานในน้ำจืดที่ความลึก 1.5 เมตร ภายในเวลา 30 นาที
จอ 6.81 นิ้วแสดงผลพันล้านสี รีเฟรช 120Hz
Mi 11 Ultra มาพร้อมจอแสดงผลแบบ Quad-curved DotDisplay ซึ่งหมายถึงมีขอบมุมโค้งทั้ง 4 ด้าน จากปกติสมาร์ทโฟนเรือธงทั่วไปจะมีขอบมุมโค้งที่ด้านข้างเท่านั้น แต่ Mi 11 Ultra ทำขอบด้านบนกับด้านล่างให้โค้งมนด้วย ส่วน DotDisplay หมายถึงการเจาะหลุมที่มุมบนหน้าจอ เพื่อติดตั้งกล้องหน้า
จอแสดงผลของ Mi 11 Ultra เป็นแบบ AMOLED ผลิตจากวัสดุแบบ E4 ความละเอียด WQHD+ (3200 x 1440) ขนาด 6.81 นิ้ว แสดงสีสันถึง 1.07 พันล้านสี ให้สีสันนุ่มนวล เป็นธรรมชาติ ความสว่างสูงสุด 1,700 nits รองรับทั้งเทคโนโลยี Dolby Vision และ HDR10+ เพื่อการแสดงผลที่ดีที่สุด การันตีด้วยคะแนน A+ จาก DisplayMate
รับชมภาพยนตร์และเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลด้วยอัตรารีเฟรชหน้าจอ 120Hz ส่วนอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate อยู่ที่ 480Hz อีกทั้งยังผ่านการรับรองด้านถนอมด้วยตาจาก SGS Eye Care และเพิ่มความทนทานด้วยกระจก Gorilla Glass Victus ซึ่งเป็นกระจกสำหรับสมาร์ทโฟนที่มีความทนทานที่สุดของ Corning ในปัจจุบันนี้
จอแสดงผลที่ 2 มาพร้อมโหมด Always On Display
ภายในกรอบกันชนของกล้องหลัง Xiaomi ได้ติดตั้งจอแสดงผลรองมาให้ด้วย โดยใช้จอสัมผัส AMOLED ความละเอียด 126 x 294 พิกเซล ขนาด 1.1 นิ้ว ให้ความสว่างสูงสุด 450 nits และรองรับโหมด Always On Display
นอกจากโหมด Always On Display จอแสดงผลรองยังช่วยให้ผู้ใช้งานใช้กล้องหลังถ่ายเซลฟี่ได้อย่างคมชัด เพราะสามารถดูตัวอย่างภาพได้ทันทีจากจอแสดงผลด้านหลัง นออกจากนี้ ยังแสดงข้อมูลที่จำเป็น เช่น วันที่ เวลา และ การแจ้งเตือนต่างๆ โดยไม่ต้องดูผ่านจอแสดงผลหลัก ถือว่ามีส่วนช่วยให้ประหยัดพลังงานอีกทางหนึ่ง
ระบบความปลอดภัย
นอกจากระบบรักษาความปลอดภัยขั้นพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Mi 11 Ultra ยังได้รับการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย โดยฝังไว้ใต้จอแสดงผล สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย อีกทั้งยังสะดวกกว่าการสแกนใบหน้า ในเวลาที่ต้องสวมหน้ากากอนามัยออกจากบ้าน
อย่างไรก็ตาม Mi 11 Ultra ยังรองรับฟีเจอร์ปลดล็อคด้วยการสแกนใบหน้าด้วย โดยใช้เทคโนโลยี AI มาช่วยจดจำใบหน้า เพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น สะดวกเมื่อใช้งานสมาร์ทโฟนภายในบ้าน หรือในห้องส่วนตัวที่ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากป้องกัน
กล้องหน้า In-display Selfie Camera
Xiaomi ติดตั้งกล้องหน้าไว้ในหลุมบนหน้าจอ โดยมีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ขนาดพิกเซล 0.8 ไมครอน (1.6 ไมครอน 4-in-1 Super Pixel) ให้มุมมองกว้าง 78 องศา แต่ถ้าต้องการถ่ายเซลฟี่ร่วมกับเพื่อนๆ หรือ อยากเก็บภาพมุมกว้างกว่านี้ สามารถใช้กล้อง Ultra Wide ด้านหลัง ช่วยถ่ายเซลฟี่ได้ โดยมีจอแสดงผลรองติดตั้งไว้ใกล้กัน สามารถมองตัวอย่างภาพได้แบบเรียลไทม์ นั่นหมายความว่า กล้องด้านหน้า อาจไม่ได้ถูกใช้ถ่ายภาพสักเท่าไร แต่มีไว้ใช้สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคสมาร์ทโฟนมากกว่า
อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่ไม่ได้เน้นว่าจะต้องใช้ความละเอียดสูงสุดจากกล้องหลัง กล้องหน้าของ Mi 11 Ultra ก็ถือว่ามีความคมชัดใช้ได้ โดยมีโหมด Selfie Night มาช่วยถ่ายภาพในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อย สามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด Full 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที มีโหมด Slow motion ความละเอียด HD 720p ที่ 120 เฟรมต่อวินาที และยังสามารถถ่ายวิดีโอแบบ HDR เพิ่มความคมชัดในสภาพแสงจ้าหรือย้อนแสง
กล้องหลัง 3 ตัว 50MP ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.12″
ระบบกล้องหลังถือเป็นอีกจุดเด่นของ Mi 11 Ultra โดยติดตั้งมาให้ 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก, กล้อง Ultra-wide และกล้อง Telephoto ทั้งหมดวางอยู่ในกรอบกันชนกล้องขนาดใหญ่และนูนขึ้นมาจากพื้นผิวด้านหลังพอสมควร แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เมื่อสวมใส่เคส ทั้งนี้ กล้องแต่ละตัวมีรายละเอียดแตกต่างกันดังนี้…
กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล (Samsung GN2) ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.12″ รูรับแสง f/1.95 ขนาดพิกเซล 1.4 ไมครอน (2.8 ไมครอน 4-in-1 Super Pixel) เลนส์ 8P
กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (Sony IMX586) ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.0″ รูรับแสง f/2.2 มุมมองกว้าง 128 องศา ขนาดพิกเซล 0.8 ไมครอน (1.6 ไมครอน 4-in-1 Super Pixel) เลนส์ 7P ระบบโฟกัส PDAF
กล้อง Telephoto ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (Sony IMX586) ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.0″ รูรับแสง f/4.1 ขนาดพิกเซล 0.8 ไมครอน (1.6 ไมครอน 4-in-1 Super Pixel) รองรับซูมออปติคอล 5 เท่า, ซูมไฮบริด 10 เท่า และ ซูมดิจิตอล 120 เท่า
นอกจากกล้องหลัง 3 ตัว Mi 11 Ultra ยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ Xiaomi ที่รองรับระบบเลเซอร์ Time-of-Flight แบบหลายจุด เพื่อช่วยคำนวณค่าความชัดลึกได้สูงสุดถึง 64 โซน จึงสามารถโฟกัสได้แม่นยำและให้มุมมองภาพที่กว้างขึ้น
กล้องหลักยังมาพร้อมเทคโนโลยี Ultra Night Photo ซึ่งเป็นอัลกอริทึมการถ่ายภาพกลางคืนที่ Xiaomi พัฒนาขึ้นมาใหม่ ทำงานร่วมกับ Night Mode 2.0 ช่วยให้กล้องหลักของ Mi 11 Ultra ถ่ายภาพในเวลากลางคืนได้อย่างสว่างคมชัดและให้รายละเอียดที่ครบถ้วน แม้ถ่ายภาพในบริเวณที่มีแสงน้อยเพียง 0.02 ลักซ์
ระบบกล้องหลังของ Mi 11 Ultra ถือเป็นความภาคภูมิใจของ Xiaomi เนื่องจากปัจจุบันถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีคุณภาพสูงที่สุดจากการทดสอบของ DxOMark ผู้เชี่ยวชาญในการทดสอบกล้อง โดยทำได้ถึง 143 คะแนน ทิ้งห่างอันดับ 2 ที่ทำได้ 139 คะแนน
ตัวอย่างภาพถ่ายของ Mi 11 Ultra
ถ่ายวิดีโอความละเอียด 8K รองรับ HDR 10+
การถ่ายวิดีโอด้วยกลัองหลัง ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมาก โดยกล้องตัวหลักสามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 8K ที่ 24 เฟรมต่อวินาที รองรับการบันทึกแบบ HDR 10 หรือ ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที รองรับการบันทึกแบบ HDR 10+ และถ่ายวิดีโอในโหมด Slow motion ความละเอียด Full HD 1080p ที่ 1920 เฟรมต่อวินาที
กล้อง Ultra-wide และ Telephoto ก็สามารถถ่ายวิดีโอได้เช่นกัน รองรับความละเอียดสูงสุด 8K ที่ 24 เฟรมต่อวินาที และถ่ายวิดีโอในโหมด Slow motion ความละเอียด Full HD 1080p ที่ 1920 เฟรมต่อวินาที
ที่น่าสนใจก็คือ Mi 11 Ultra มาพร้อมฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอ MultiCam Mode สามารถใช้กล้อง 2 ตัว ถ่ายวิดีโอได้พร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้กล้องหน้าพร้อมกล้องหลัง หรือใช้กล้องหลักคู่กับกล้อง Telephoto และสามารถเลือกได้ว่าอยากได้คลิปวิดีโอหนึ่งคลิปหรือสองคลิป จึงสามารถสร้างสรรค์วิดีโอสนุกๆ ที่เหมือนใครได้
Snapdragon 888 แรม 12GB
เรื่องประสิทธิภาพไม่มีอะไรต้องกังวล เนื่องจาก Mi 11 Ultra ใช้ชิปประมวลผลที่ดีที่สุดในปัจจุบันนี้ของ Qualcomm นั่นคือ Snapdragon 888 ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีการผลิต 5 นาโนเมตร ประกอบด้วยซีพียูแบบ Octa Core ความเร็วสูงสุด 2.84GHz ที่มีเทคโนโลยี Arm Cortex-X1 ให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น 25% พร้อมด้วยจีพียู Adreno 660 ให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น 35% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน
ชิปประมวลผล Snapdragon 888 ยังมาพร้อม AI Engine รุ่นที่ 6 สำหรับจัดการฟีเจอร์ต่างๆ ที่ต้องอาศัย AI และมีชิปโมเด็ม 5G ในตัว (Snapdragon X60) รวมถึงสนับสนุนการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6E / Wi-Fi 6 มาตรฐานใหม่ล่าสุด
เพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานคงที่ Xiaomi จึงเพิ่มระบบระบายความร้อนมาให้กับ Mi 11 Ultra โดยใช้เทคโนโลยีระบายความร้อนแบบ 3 เฟส (three-phase cooling technology) สามารถระบายความร้อนได้ดีขึ้นและเพิ่มความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิได้มากขึ้นถึง 100% และยังมาพร้อม GameTurbo 4.0 ช่วยให้การเล่นเกมได้อย่างไหลลื่น ไม่มีสะดุด
ด้านความจำ มาพร้อม RAM 12GB แบบ LPDDR5 จับคู่กับ ROM 256GB แบบ UFS 3.1 ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ ช่วยให้การอ่าน-เขียนข้อมูลมีความเร็วขึ้น ส่งผลให้การโหลดเกมหรือเปิดแอพต่างๆ รวดเร็วทันใจ รวมถึงช่วยให้การใช้งานหลายแอพพร้อมกันราบรื่นขึ้น
ระบบเสียงคุณภาพสูง Harman Kardon
Mi 11 Ultra ให้เสียงสเตอริโอด้วยลำโพงมาให้ 2 ตัว ติดตั้งไว้ที่ด้านบนและด้านล่าง โดยใช้ลำโพง 1216P แบบ super-linear ที่ปรับแต่งขึ้นเป็นพิเศษ มีค่าแอมพลิจูดสูงสุดที่ 0.8 มิลลิเมตร ให้เสียงดังที่สุดในวงการสมาร์ทโฟน อีกทั้งยังได้รับการปรับแต่งเสียงโดย Harman Kardon และยังรองรับไฟล์เสียงคุณภาพสูง Hi-Res Audio ทำให้ Mi 11 Ultra เป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่ให้เสียงทรงพลัง
แบตใหญ่ 5,000mAh ชาร์จเร็ว 67W ทั้งแบบใช้สายและไร้สาย
Xiaomi ให้ความจุแบตเตอรี่มาสูงทีเดียว เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนเรือธงในระดับเดียวกัน โดย Mi 11 Ultra ได้รับแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh และยังสนับสนุยเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67W ทั้งการชาร์จแบบไร้สายหรือใช้สาย โดยภายในกล่องแถมอุปกรณ์ชาร์จ 67W Power Adapter มาให้ด้วย
ด้วยเทคโนโลยีาร์จเร็ว 67W ทำให้ Mi 11 Ultra สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 – 100% ภายในเวลาเพียง 36 นาที นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์ Reverse Charging สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์อื่นได้ที่กำลังไฟ 10W และยังมีระบบแจ้งเตือน หากพบความชื้นที่พอร์ต USB-C มั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย
สรุป
ในแผนการตลาดนั้น Xiaomi บอกว่า Mi 11 Ultra เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่จะมาปฏิวัติวงการภาพถ่ายและวิดีโอ ซึ่งหมายความว่า Mi 11 Ultra เป็นสมาร์ทโฟนที่ให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพกล้องเป็นหลัก จึงไม่น่าแปลกใจที่สามารถก้าวขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดในการทดสอบกล้องจาก DxOMark และสรุปได้ว่า Mi 11 Ultra เป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะสำหรับผู้รักการถ่ายภาพและสร้างคอนเท้นต์วิดีโอ
อย่างไรก็ตาม Mi 11 Ultra ยังมีจุดเด่นอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นจอแสดงผลระดับพันล้านสี มีจอรองที่มาพร้อมโหมด Always On Display มีชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูงตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ให้เสียงคุณภาพสูงด้วยลำโพงคู่ และยังให้แบตเตอรี่มาถึง 5,000mAh สามารถชาร์จเร็ว 67W ไม่ว่าจะเป็นการชาร์จแบบใช้สายหรือไร้สาย
Mi 11 Ultra มีขนาดความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในประเทศไทยแบบเอ็กซ์คลูซีฟเพียง 100 เครื่อง มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Ceramic White และ Ceramic Black ในราคา 33,990 บาท วางจำหน่าย วันที่ 5 พฤษภาคม 2564 เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ผ่านทาง JD Central เท่านั้น
พิเศษ! สำหรับผู้ซื้อ Mi 11 Ultra รับของสมนาคุณ ดังนี้ ลำโพง Harman Kardon Onyx Studio 5 มูลค่า 9,990 บาท, Mi Band 5 มูลค่า 1,090 บาท และหูฟัง Mi True Wireless Earphone Basic 2 ราคา 999 บาท