เมื่อเร็วๆนี้ realme แบรนด์สมาร์ทโฟนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ได้ตัวสมาร์ทโฟน realme 8 และ realme 8 5G ครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งทีมงาน @flashfly เคยนำเสนอรีวิวให้อ่านกันไปแล้วก่อนหน้านี้ และในกิจกรรมดังกล่าวทาง realme ยังถือโอกาสแนะนำหูฟังไร้สายแบบ TWS (True Wireless Stereo) รุ่นใหม่ ได้แก่ realme Buds Air 2 กับ realme Buds Air 2 Neo และทีมงาน @flashfly ก็ไม่พลาดที่จะนำมารีวิวให้ได้อ่านพร้อมกันทั้ง 2 รุ่น
realme Buds Air 2 Neo
realme Buds Air 2 Neo มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation พร้อม Bass Boost Driver ขนาดใหญ่ 10 มิลลิเมตร เล่นเพลงต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 28 ชั่วโมง
สเปก realme Buds Air 2 Neo
- เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบ ANC (Active Noise Cancellation)
- ตัดเสียงรบกวนระหว่างสนทนาด้วยระบบ Dual Mic Noise Cancellation
- โหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency Mode)
- โหมดเกม ลดการดีเลย์ของเสียงลงให้ต่ำที่สุดเพียง 88 มิลลิวินาที
- ลำโพงขนาด 10 มิลลิเมตร (Bass Boost Driver)
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2
- ตรวจจับการสวมใส่หูฟังแบบเรียลไทม์ (Smart Wear Detection)
- ป้องกันน้ำตามมาตรฐาน IPX5
- เล่นเพลงต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 28 ชั่วโมง
- รองรับชาร์จเร็ว ชาร์จเพียง 10 นาที สามารถฟังเพลงได้นานกว่า 3 ชั่วโมง
- ขนาดเคสชาร์จ 60.34 x 44.57 x 32.96 มิลลิเมตร
- น้ำหนักเคสชาร์จ 45 กรัม, น้ำหนักหูฟัง ข้างละ 4.5 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี Active Black และ Calm Gray
แกะกล่อง
ภายในกล่อง จะพบเคสชาร์จ ภายในเคสมีหูฟัง realme Buds Air 2 Neo พร้อมจุกหูฟัง ขนาด M โดยมีขนาด S กับ L แถมมาให้ สำหรับเปลี่ยนเพื่อให้พอดีกับขนาดของหูแต่ละคน และมีสายเคเบิล USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ของตัวเคส ส่วนเอกสารต่างๆ ได้แก่ คู่มือแนะนำการใช้งาน ข้อมูลด้านความปลอดภัย และ บัตรรับประกัน
ดีไซน์แห่งโลกอนาคต
realme Buds Air 2 Neo ใช้ดีไซน์แบบ Futuristic สะท้อนความล้ำหน้าจากอนาคต เพิ่มความโดดเด่นให้กับด้านบนของตัวหูฟัง ด้วยการใช้ฟิล์มพลาสติกที่ผ่านกระบวนการ Lamination Process นำฟิล์มพลาสติกหลายๆ ชั้น มาเคลือบติดเข้าด้วยกันเป็นฟิล์มแผ่นเดียว ส่วนอื่นของหูฟังใช้กระบวนการ Matte Process ทำให้เกิดพื้นผิวด้าน
หูฟังทั้ง 2 ข้าง ถูกออกแบบมาให้มีความโค้งมนเป็นพิเศษ เพื่อให้สวมใส่ได้อย่างสบาย โดยบริเวณด้านบนมีความโค้ง 48 องศา และบริเวณส่วนล่างมีความโค้ง 72 องศา
หูฟังแต่ละข้างใช้สีเดียวกับเคสชาร์จ มีน้ำหนักเบาเพียง 4.5 กรัม จึงสามารถสวมใส่ได้อย่างสบายตลอดทั้งวัน
ตัวเคสชาร์จมีขนาดเล็ก ดีไซน์คล้ายก้อนหินตามธรรมชาติ โดยมีน้ำหนักเบาเพียง 45 กรัม สามารถพกพาได้อย่างสะดวก และมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Active Black และ สีเงิน Calm Gray
ควบคุมด้วยระบบสัมผัส
ที่ด้านหลังของหูฟังทั้ง 2 ข้าง มาพร้อมเซ็นเซอร์รับการสัมผัส เพื่อความสะดวกในการควบคุมระหว่างสวมหูฟัง โดยรองรับคำสั่งต่อไปนี้
- แตะ 2 ครั้ง เพื่อเล่นเพลง / หยุดเล่นชั่วคราว / รับสาย / วางสาย
- แตะ 3 ครั้ง เพื่อเล่นเพลงถัดไป
- แตะหูฟังค้างไว้ (ข้างใดก็ได้) เพื่อปฏิเสธสายเรียกเข้า
- แตะหูฟังค้างไว้ทั้ง 2 ข้าง เพื่อสลับระหว่างโหมดตัดเสียงรบกวน กับโหมดฟังเสียงภายนอก
realme Buds Air 2 Neo ยังมีเทคโนโลยีตรวจจับการสวมใส่หูฟังแบบเรียลไทม์ (Smart Wear Detection) เมื่อพบว่าผู้สวมใส่ถอดหูฟังออกทั้ง 2 ข้าง จะหลุดเล่นเพลงทันที แต่ถ้าถอดออกเพียงข้างเดียว จะเปิดโหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency Mode) โดยอัตโนมัติ
ระบบตัดเสียงรบกวน
ปกติแล้วเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบ ANC (Active Noise Cancellation) จะพบได้ในหูฟังระดับพรีเมียมเท่านั้น แต่ realme Buds Air 2 Neo ที่เปิดราคามาเพียงพันบาทต้นๆ กลับใส่ ANC มาให้ด้วย และสามารถตัดเสียงรบกวนได้ถึง 25 เดซิเบล ช่วยให้การฟังเพลงในที่กลางแจ้งมีความสุขมากยิ่งขึ้น
โหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency Mode)
โหมดฟังเสียงภายนอก เป็นฟีเจอร์ที่มาคู่กับระบบตัดเสียงรบกวน ช่วยให้ผู้สวมใส่ได้ยินเสียงจากภายนอก ได้โดยไม่ต้องถอดหูฟังออก เพียงแตะหูฟังค้างไว้ทั้ง 2 ข้าง เพื่อสลับระหว่างโหมดตัดเสียงรบกวน กับโหมดฟังเสียงภายนอก หรือ จะถอดหูฟังออก 1 ข้าง ก็จะเปิดโหมดฟังเสียงภายนอกได้เช่นกัน
ตัดเสียงรบกวนระหว่างสนทนา
ฟังเพลงได้อย่างเต็มอิ่มแล้ว การสนทนาก็ยังชัดเจน โดย realme Buds Air 2 Neo ใช้ไมโครโฟนคู่ Dual Mic Noise Cancellation พร้อมด้วยอัลกอริทึมการตัดเสียงรบกวนสภาพแวดล้อมภายนอก ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างมากในระหว่างการโทร ทำให้เสียงสนทนาคมชัด
คุณภาพเสียง
realme Buds Air 2 Neo มาพร้อม ไดร์เวอร์ Bass Boost ขนาด 10 มิลลิเมตร พร้อมด้วยอัลกอริทึมคอมโพสิตใหม่กับ realme Bass ที่จะช่วยปรับเสียงเบส ทำให้เสียงเบสมีความลึกและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และยังมีการปรับปรุงไดอะแฟรมจาก PU + Graphene เป็น Liquid Crystal Polymer (LCP) Diaphragm ทำให้ประสบการณ์การฟังยอดเยี่ยมกว่าหูฟัง TWS รุ่นก่อนของ realme
แบตเตอรี่
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ ถือเป็นอีกจุดเด่นของ realme Buds Air 2 Neo เมื่อปรับระดับเสียงที่ 50% และปิดระบบตัดเสียงรบกวน ตัวหูฟังจะให้อายุการใช้งานยาวนาน 7 ชั่วโมง หรือ 5 ชั่วโมง ถ้าเปิดระบบตัดเสียงรบกวน อย่างไรก็ตาม เคสชาร์จ ช่วยขยายระยะเวลาได้นานถึง 28 ชั่วโมง โดยปิดระบบตัดเสียงรบกวน (เพิ่มขึ้น 65% จากรุ่นก่อนหน้า) หรือ 20 ชั่วโมง เมื่อเปิดระบบตัดเสียงรบกวน
สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ทั้งเคสและหูฟังพร้อมกันจะใช้เวลา 2 ชั่วโมง แต่กรณีชาร์จหูฟังอย่างเดียว ใช้เวลา 1.5 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังรองรับชาร์จเร็ว ชาร์จเพียง 10 นาที สามารถใช้ฟังเพลงได้นาน 3 ชั่วโมง เมื่อปรับความดังเสียงที่ 50%
realme Buds Air 2
realme Buds Air 2 รองรับเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation มาพร้อม Hi-Fi Bass Boost Driver ขนาดใหญ่ 10 มิลลิเมตร เล่นเพลงได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 25 ชั่วโมง และมีโหมด Bass Boost+ ที่ทำงานร่วมกับคู่หูดีเจระดับโลก The Chainsmokers
สเปก realme Buds Air 2
- เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบ ANC (Active Noise Cancellation)
- ตัดเสียงรบกวนระหว่างสนทนาด้วยระบบ Dual Mic Noise Cancellation
- โหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency Mode)
- โหมดเกม ลดการดีเลย์ของเสียงลงให้ต่ำที่สุดเพียง 88 มิลลิวินาที
- ลำโพงขนาด 10 มิลลิเมตร (Diamond-like Carbon Driver)
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2
- ตรวจจับการสวมใส่หูฟังแบบเรียลไทม์ (Smart Wear Detection)
- ป้องกันน้ำตามมาตรฐาน IPX5
- เล่นเพลงต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 25 ชั่วโมง
- รองรับชาร์จเร็ว ชาร์จเพียง 10 นาที สามารถฟังเพลงได้นานกว่า 2 ชั่วโมง
- ขนาดเคสชาร์จ 60.3 x 57 x 24 มิลลิเมตร
- น้ำหนักเคสชาร์จ 34.5 กรัม, น้ำหนักหูฟัง ข้างละ 4.1 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี (ในรูปแบบทูโทน) Closer Black และ Closer White
แกะกล่อง
ภายในกล่อง จะพบเคสชาร์จที่มีหูฟัง realme Buds Air 2 อยู่ภายใน มีสายเคเบิล USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ของตัวเคส จุกหูฟังขนาด S กับ L (ขนาด M ติดตั้งมาให้อยู่แล้ว) นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเอกสารต่างๆ ได้แก่ คู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น ข้อมูลด้านความปลอดภัย และ บัตรรับประกัน
ดีไซน์แบบทูโทน
realme Buds Air 2 ใช้ดีไซน์ที่แตกต่างไปจากรุ่น Neo ทั้งตัวเคสชาร์จและหูฟัง โดยหูฟังยังคงมีก้านยืดออกมา และเลือกใช้ดีไซน์แบบทูโทน มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Closer Black หูฟังสีดำ ก้านสีน้ำเงิน เคสชาร์จสีดำ และ Closer White หูฟังสีขาว ก้านสีเงิน เคสชาร์จสีขาว
หูฟังแต่ละข้าง มีน้ำหนักเบาเพียง 4.1 กรัม (เบากว่าแผ่นกระดาษ A4) ให้ความรู้สึกสบายแม้สวมใส่เป็นเวลานาน มาพร้อมจุกหูฟังซิลิโคน 3 ขนาด S M L สามารถถอดเปลี่ยนเพื่อให้พอดีกับขนาดของหูมากที่สุด (ขนาด M ถูกติดตั้งมาให้แล้ว)
สำหรับเคสชาร์จมีน้ำหนักเพียง 34.5 กรัม เมื่อรวมกับน้ำหนักของหูฟังทั้ง 2 ข้าง จะอยู่ที่ 42.7 กรัม ซึ่งถือว่าเบามาก จึงสามารถพกพาได้อย่างสบาย
realme Buds Air 2 (เฉพาะตัวหูฟัง) ยังได้รับการออกแบบมาให้สามารถป้องกันน้ำได้ในระดับ IPX5 สามารถต้านทานละอองน้ำและเหงื่อได้อย่างดี และผ่านการทดสอบปุ่มสัมผัสแบบกันน้ำมากกว่า 2,500 ครั้ง ส่วนเคสชาร์จก็ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด ทั้งการการเปิด-ปิดฝามากกว่า 10,000 ครั้ง ทดสอบการเสียบสายชาร์จมากกว่า 5,000 ครั้ง ทดสอบความเสถียรของพอร์ตชาร์จมากกว่า 2,000 ครั้ง และทดสอบการใช้งานในอุณหภูมิติดลบ 20 องศา หรือ สูงถึง 60 องศา
ควบคุมด้วยระบบสัมผัส
หูฟัง realme Buds Air 2 ทั้ง 2 ข้าง มาพร้อมเซ็นเซอร์รับการสัมผัส เพื่อความสะดวกในการควบคุมระหว่างสวมหูฟัง โดยรองรับคำสั่งต่อไปนี้
- แตะ 2 ครั้ง เพื่อเล่นเพลง / หยุดเล่นชั่วคราว / รับสาย / วางสาย
- แตะ 3 ครั้ง เพื่อเล่นเพลงถัดไป
- แตะหูฟังค้างไว้ (ข้างใดก็ได้) เพื่อปฏิเสธสายเรียกเข้า
- แตะหูฟังค้างไว้ทั้ง 2 ข้าง เพื่อสลับระหว่างโหมดตัดเสียงรบกวน กับโหมดฟังเสียงภายนอก
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนแปลงคำสั่งต่างๆ ได้จากแอพพลิเคชั่น reamle Link บนสมาร์ทโฟนที่จับคู่กับหูฟัง
ระบบตัดเสียงรบกวน
realme Buds Air 2 ยังมีเทคโนโลยีตรวจจับการสวมใส่หูฟังแบบเรียลไทม์ (Smart Wear Detection) เมื่อพบว่าผู้สวมใส่ถอดหูฟังออกทั้ง 2 ข้าง จะหลุดเล่นเพลงทันที แต่ถ้าถอดออกเพียงข้างเดียว จะเปิดโหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency Mode) โดยอัตโนมัติ
หูฟัง realme Buds Air 2 มีจุดเด่นที่เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบ ANC (Active Noise Cancellation) สามารถกรองเสียงรบกวนความถี่ต่ำ อย่างเสียงของเครื่องยนต์ เสียงรถไฟ เครื่องบิน รวมถึงเสียงรบกวนต่างๆ ที่อยู่รอบข้าง โดยสามารถตัดเสียงรบกวนได้ถึง 25 เดซิเบล เพื่อให้ผู้สวมใส่รับฟังเสียงเพลงได้อย่างเต็มอิ่ม
โหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency Mode)
ขณะฟังเพลงผ่านหูฟัง และต้องการสนทนากับคนข้างๆ สามารถเปิดโหมด Transparency เพื่อฟังเสียงภายนอกได้ทันที โดยไม่ต้องถอดหูฟังออกจากหู สำหรับวิธีเปิดโหมด Transparency ทำได้ง่ายๆ เพียงแตะหูฟังค้างไว้ทั้ง 2 ข้าง เพื่อสลับระหว่างโหมด Active Noise Cancellation (ตัดเสียงรบกวน) กับโหมด Transparency (ฟังเสียงภายนอก)
ตัดเสียงรบกวนระหว่างสนทนา
นอกจากจะมีระบบตัดเสียงรบกวนระหว่างฟังเพลง realme Buds Air 2 ยังมาพร้อมไมโครโฟนคู่ Dual Mic Noise Cancellation พร้อมด้วยอัลกอริทึมการตัดเสียงรบกวนสภาพแวดล้อมภายนอก สามารถลดเสียงรบกวนรอบข้างในระหว่างการโทร ทำให้เสียงสนทนาคมชัดมากยิ่งขึ้น
โหมดเกม
โหมดเกม Super Low Latency เหมาะสำหรับใช้งานในระหว่างเล่นเกม หรือรับชมภาพยนตร์ เพราะสามารถลดความหน่วงได้ถึงระดับต่ำเพียง 88 มิลลิวินาที ลดลงถึง 35% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และเป็นระดับความหน่วงที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม ทำให้ภาพและเสียงตรงกันมากที่สุด
คุณภาพเสียง
หูฟัง realme Buds Air 2 ทั้ง 2 ข้าง มาพร้อมกับไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 10 มิลลิเมตร ที่ได้รับการเคลือบสารคาร์บอนคล้ายเพชร (Diamond-like Carbon) ซึ่งมีความแข็งและความต้านคล้ายกับเพชร
ส่วนขยายด้านหน้าและด้านหลังที่โดดเด่น มีความไวต่อการตอบสนองที่มีคุณภาพ ช่วยเพิ่มประสบการณ์การรับฟังของเสียง ด้วยคุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ นอกจากนี้ อัตราการบิดเบือนของ realme Buds Air 2 ยังลดลงเหลือน้อยกว่า 0.5% ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของอุตสาหกรรม
จับคู่ได้อย่างง่ายดาย
realme Buds Air 2 และ realme Buds Air 2 Neo รองรับ Google Fast Pair ช่วยให้การจับคู่ครั้งแรกระหว่างสมาร์ทโฟนกับหูฟังเป็นเรื่องง่าย เพียงเปิดฝาเคสชาร์จใกล้กับสมาร์ทโฟน และในการเชื่อมต่อครั้งถัดไปก็แค่เพียงเปิดฝาเคสชาร์จเท่านั้น
ทั้งนี้ realme Buds Air 2 มาพร้อมชิป R2 และการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 ทำให้การเชื่อมต่อมีความเสถียร ประหยัดพลังงานมากขึ้น และสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้หลายเครื่อง โดยมีระยะการรับ-ส่งข้อมูลสูงสุด 10 เมตร
แอพ realme Link
เมื่อจับคู่ realme Buds Air 2 กับสมาร์ทโฟนที่มีแอพพลิเคชั่น realme Link ผู้ใช้งานจะสามารถตั้งค่าการใช้งานหูฟังได้อย่างเต็มรูปแบบ รวมไปถึงการปรับเสียง EQ, เปลี่ยนแปลงการควบคุมระบบสัมผัส, การตั้งค่าโหมดเกม, เปิดใช้งานโหมดต่างๆ รวมไปถึงเปิดใช้งานโหมด Bass Boost+
ปรับแต่งเสียงโดย The Chainsmokers
โหมด Bass Boost+ ใน realme Buds Air 2 ได้รับการอัพเกรดใหม่ โดยได้รับการพัฒนาร่วมกันระหว่าง realme Music Studio กับ The Chainsmokers ดีเจชาวอเมริกัน ที่ทำงานกัน 2 คน คือ Alex Pall กับ Andrew Taggart ปัจจุบันทั้งคู่ถือเป็นดีเจในอันดับที่ 27 จากการจัดอันดับสุดยอดดีเจ 100 อันดับแรกของโลก และมีเพลงฮิตอย่าง “Closer” และ “Something Just Like This” ที่ติดชาร์ททั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา
โหมด Bass Boost+ ช่วยให้ผู้ใช้งาน สามารถเพิ่มเสียงเบสสำหรับการบันทึกดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ร็อค และเสียงอื่นๆ ที่ชื่นชอบได้ โดยเปิดใช้งานผ่านแอพ realme Link และเลือกโหมด Bass Boost+ ที่ต้องการระหว่าง โหมด Dynamic กับ โหมด Bright
- โหมด Dynamic จะมีการปรับสมดุลของเสียงเบส และเสียงในย่านแหลมและกลาง
- โหมด Bright ช่วยเพิ่มเสียงพูดของมนุษย์ เหมาะสำหรับการฟัง Podcasts หรือ Audiobooks
แบตเตอรี่
หูฟัง realme Buds Air 2 ให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 5 ชั่วโมง จากการฟังเพลงในรูปแบบ AAC ปรับความดังของหูฟังไว้ที่ 50% และปิดระบบตัดเสียงรบกวน กรณีเปิดระบบตัดเสียงรบกวน จะให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 4 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม เมื่อพกพาเคสชาร์จที่มีแบตเตอรี่เต็มติดตัวไปด้วย จะช่วยให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 25 ชั่วโมง จากการฟังเพลงในรูปแบบ AAC ปรับความดังของหูฟังไว้ที่ 50% และปิดระบบตัดเสียงรบกวน กรณีเปิดระบบตัดเสียงรบกวน จะให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 22.5 ชั่วโมง
สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ทั้งเคสและหูฟังพร้อมกันจะใช้เวลา 2 ชั่วโมง แต่กรณีชาร์จหูฟังอย่างเดียว ใช้เวลา 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังรองรับชาร์จเร็ว ชาร์จเพียง 10 นาที สามารถใช้ฟังเพลงได้นาน 120 นาที เมื่อปรับความดังเสียงที่ 50% ปิดระบบตัดเสียงรบกวน และเล่นเพลงในรูปแบบ AAC
สรุป
realme Buds Air 2 Neo ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามทันสมัยไร้ก้าน มีจุดเด่นที่ระบบตัดเสียงรบกวน โหมดฟังเสียงภายนอก สนทนาชัดเจน และให้อายุการใช้งานนานสูงสุดถึง 28 ชั่วโมง ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า ขณะที่ realme Buds Air 2 เน้นความเรียบหรูพรีเมียม เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติทุกอย่างที่พบใน realme Buds Air 2 Neo แต่เหนือกว่าที่คุณภาพเสียง
สรุปแล้ว realme Buds Air 2 Neo เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่เน้นอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ส่วน realme Buds Air 2 เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่เน้นฟังเพลงเป็นพิเศษ
realme Buds Air 2 Neo พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ มาในราคาเพียง 1,299 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Active Black และ Calm Grey สามารถเป็นเจ้าของได้ผ่านช่องทาง E-Commerce เท่านั้น
realme Buds Air 2 วางจำหน่ายแล้วเช่นกัน สามารถหาซื้อได้ที่ realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ราคา 2,499 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Closer Black และ Closer White