Apple สร้างเซอร์ไพรส์ ในกิจกรรม Spring Loaded เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยการเปิดตัว iPhone 12 และ iPhone 12 mini สีม่วง จากเดิมที่มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน, สีเขียว, สีดำ, สีขาว, สีแดง (PRODUCT)RED และตอนนี้สีสันใหม่ล่าสุด ก็ได้เดินทางมาอยู่ในมือของทีมงาน @flashfly เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราก็ไม่รอช้ารีบจัดการแกะกล่องมาให้ชมทันที
แกะกล่อง iPhone 12 สีม่วง
iPhone 12 สีม่วง ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีขาวตามสไตล์ Apple บนกล่องพิมพ์รูปภาพด้านหน้าของ iPhone 12 สีม่วง ไว้เกือบเต็มพื้นที่ ซึ่งสีสันของรูปภาพ iPhone 12 บนกล่องจะแตกต่างกันไปตามสีที่เลือกซื้อ และปัจจุบันมีให้เลือกถึง 6 สีแล้ว
ข้างกล่องที่เป็นด้านยาวจะพบชื่อ iPhone แต่ไม่ได้ระบุชื่อรุ่นต่อท้าย ส่วนด้านข้างที่แคบกว่าจะพบโลโก้ Apple
ด้านหลังระบุว่าภายในกล่องมีอะไรมาให้บ้าง พร้อมให้รายละเอียดเครือข่ายที่รองรับ การเชื่อมต่อไร้สาย รวมถึงอุปกรณ์เครื่องช่วยฟังที่เข้ากันได้ ส่วนฉลากด้านล่างมีการระบุสีสัน และพื้นที่เก็บข้อมูลในตัว
เมื่อยกฝากล่องออกไป ก็จะพบกับ iPhone 12 สีม่วง นอนคว่ำหน้าอยู่ โดยมีแผ่นกระดาษช่วยดึง iPhone ออกจากกล่อง
กระดาษที่ช่วยดึง iPhone 12 ให้ออกมาจากกล่องได้อย่างง่ายดาย เป็นส่วนหนึ่งของแผ่นกระดาษป้องกันหน้าจอ และถือเป็นครั้งแรกที่ Apple เปลี่ยนมาใช้แผ่นกระดาษแทนที่แผ่นพลาสติก แผ่นกระดาษป้องกันหน้าจอ ยังพิมพ์รูปภาพสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการทำงานของปุ่มกดด้านข้างด้วย ทั้งปุ่มปิด/เปิดเสียง, ปุ่มเพิ่มเสียง, ปุ่มลดเสียง และ ปุ่มเพาเวอร์
หลังจากหยิบ iPhone 12 ขึ้นมา จะพบซองเอกสารขนาดเล็กที่ภายในจะใส่เอกสาร เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด เอกสารการการรับประกัน การใช้งานเบื้องต้นในรูปแบบภาษาไทย เอกสารจาก กสทช. และสติกเกอร์โลโก้ Apple มาให้เพียงชิ้นเดียว จากที่เคยแถมมาให้ 2 ชิ้น
และสุดท้ายเป็นอุปกรณ์เสริมเพียงชิ้นเดียวที่มาพร้อม iPhone 12 ได้แก่ สายเคเบิล USB-C to Lightning
ทั้งนี้ Apple ไม่ได้แถมอะแดปเตอร์แปลงไฟ และหูฟัง EarPods มาให้อีกแล้ว เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้กล่องบรรจุภัณฑ์บางลงมาก
Apple ยืนยันว่าขนาดกล่องบรรจุภัณฑ์ iPhone ที่บางลงกว่าเดิม ทำให้การขนส่งสามารถเพิ่มจำนวนกล่องที่จัดส่งต่อหนึ่งพาเลทได้มากขึ้นถึง 70% ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อปีได้ถึง 2 ล้านตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการนำรถยนต์ออกจากท้องถนน 450,000 คันในแต่ละปี
สัมผัส iPhone 12 สีม่วง
นอกจากสีสันแล้ว iPhone 12 สีม่วง ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจาก iPhone 12 สีสันอื่นๆ ที่เปิดตัวในปลายปีที่แล้ว โดยมีความโดดเด่นที่บอดี้อะลูมิเนียบขอบแบน และ Apple กล่าวว่า สีม่วงใหม่ล่าสุดนี้ จะช่วยขับเน้นขอบอะลูมิเนียมของ iPhone 12 ให้โดดเด่นมากขึ้น ซึ่งเข้ากับสีกระจกด้านหลังที่ได้รับการตัดแต่งอย่างแม่นยำอย่างลงตัว
ด้านหน้าของ iPhone 12 ได้รับการป้องกันด้วย Ceramic Shield ที่มีความทนทานต่อการตกกระแทกได้มากขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับ iPhone 11 และได้รับการออกแบบมาให้ป้องกันน้ำในระดับ IP68 (ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที)
iPhone 12 มาพร้อมจอแสดงผล OLED ซึ่งทาง Apple เรียกว่า Super Retina XDR ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล ขนาด 6.1 นิ้ว ความหนาแน่นพิกเซล 460ppi อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 ความสว่างสูงสุด 625 นิต (ทั่วไป) หรือสูงสุด 1,200 นิต (HDR) สนับสนุนการแสดงผลแบบ True Tone ขอบเขตสีกว้าง (P3) สนับสนุนการแตะค้างแบบสั่น และได้รับการเคลือบสารกันรอยนิ้วมือ
กล้องหน้า TrueDepth ของ iPhone 12 ถูกติดตั้งไว้ในรอยบาก ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 รองรับโหมดถ่ายภาพ Portrait พร้อมเอฟเฟกต์โบเก้ที่ควบคุมระยะชัดลึกได้ รวมถึงโหมด Portrait Lighting อีกทั้งยังสนับสนุนฟีเจอร์ Face ID, Animoji และ Memoji
iPhone 12 ได้รับกล้องหลัง 2 ตัว ประกอบด้วยกล้อง Wide และ Ultra Wide ความละเอียดเท่ากัน 12 ล้านพิกเซล กล้อง Wide มีขนาดรูรับแสง f/1.6 มาพร้อมระบบกันสั่น OIS ส่วนกล้อง Ultra Wide มี ขนาดรูรับแสง f/2.4 สามารถเก็บภาพในมุมมองกว้าง 120 องศา
ระบบกล้องคู่หลังของ iPhone 12 รองรับการซูมออปติคอล 2 เท่า สามารถถ่ายภาพ Portrait Mode พร้อมเอฟเฟกต์โบเก้ที่ควบคุมระยะชัดลึกได้ รวมถึงโหมด Portrait Lighting พร้อมเอฟเฟ็กต์ 6 แบบ (Natural, Studio, Contour, Stage, Stage Mono, High‑Key Mono) กล้องคู่หลังของ iPhone 12 ยังรองรับโหมด Panorama (63 ล้านพิกเซล), Night Mode (ใช้ได้ทั้ง 2 กล้อง), Deep Fusion (ใช้ได้ทั้ง 2 กล้อง), Smart HDR 3, ถ่ายวิดีโอรูปแบบ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุด 30 เฟรมต่อวินาที, บันทึกวิดีโอที่ระดับ 4K สูงสุด 60 เฟรมต่อวินาทีำพ
iPhone 12 สีม่วง ได้รับชิปประมวลผล A14 Bionic ซึ่งเป็นชิปตัวแรกในวงการสมาร์ทโฟนที่สร้างขึ้นด้วยกระบวนการผลิตแบบ 5 นาโนเมตร มาพร้อม CPU และ GPU ที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน ให้ประสบการณ์การเล่นเกมในระดับคอนโซล โดยที่แบตเตอรี่ยังคงใช้งานได้ยาวนาน
ชิป A14 Bionic ยังมี Neural Engine แบบ 16-core ที่จะยกระดับ ML ให้เหนือชั้นขึ้นไปอีก ด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้น 80% และสามารถประมวลผลได้ถึง 11 ล้านล้านรายการต่อวินาที จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้แม้แต่โมเดล ML ที่สลับซับซ้อน
ฟีเจอร์อื่นที่น่าสนใจ
iPhone 12 สนับสนุน 5G (sub-6 GHz), 4G LTE ระดับ Gigabit, Wi‑Fi 6 (มาตรฐาน 802.11ax), Bluetooth 5.0, Ultra Wideband (ทำงานร่วมกับ AirTag), NFC, Lightning ระบบนำทาง GPS, GLONASS, Galileo, QZSS และ BeiDou
ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 50 ชั่วโมง สำหรับการฟังเพลง, 15 ชั่วโมง สำหรับการเล่นวิดีโอ หรือ 10 ชั่วโมง สำหรับการเล่นวิดีโอผ่านการสตรีม รองรับชาร์จเร็ว ชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 30 นาที ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 20W ขึ้นไป และสนับสนุนการชาร์จไร้สายผ่านอุปกรณ์ MagSafe สูงสุด 15W หรือแบบ Qi สูงสุด 7.5W
มาพร้อม iOS 14.5
iPhone 12 และ iPhone 12 mini สีม่วงจัดส่งพร้อมกับ iOS 14.5 ในตัว ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่นคือสามารถปลดล็อค iPhone ด้วย Apple Watch ขณะกำลังสวมหน้ากากได้ อีกทั้งยังมีแอป Apple Podcasts ที่มาพร้อมกับรายการรูปโฉมใหม่และหน้าของตอนต่างๆ แท็บค้นหา รวมถึงอิโมจิใหม่ นอกจากนี้ Siri® จะไม่ได้มีแต่เสียงพูดที่มาแต่เริ่มต้นอีกต่อไป เพราะจะมีเสียงพูดให้เลือกหลากหลายยิ่งขึ้นในภาษาอังกฤษ การอัปเดตซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุดนี้พัฒนาต่อยอดจาก iOS 14 ที่ได้เปลี่ยนแปลงโฮมสกรีนครั้งใหญ่ด้วยวิตเจ็ตและคลังแอปที่ออกแบบมาใหม่อย่างสวยงาม วิธีการใช้แอปในรูปแบบใหม่ด้วยแอปคลิป และการอัปเดตแอปข้อความให้ทรงพลังยิ่งขึ้น
เปรียบเทียบกับ iPhone 11 สีม่วง
เมื่อนำ iPhone 12 สีม่วงมาเปรียบเทียบกับ iPhone 11 สีเดียวกันจะเห็นว่าสีม่วงของ iPhone 12 นั้นดูสดใสกว่าคนละเฉดสีอย่างชัดเจน
สรุป
iPhone 12 สีม่วง ยังคงใช้สเปกเดียวกับสีสันอื่นๆ ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ แต่มีความโดดเด่นที่สีสันใหม่ ซึ่งอาจถูกใจใครหลายคน อีกทั้งการออกแบบก็ยังเป็นจุดเด่นที่ไม่ได้จากสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ทั้งวัสดุคุณภาพสูง มาตรฐานป้องกันน้ำ และซอฟต์แวร์ที่วางใจได้ อีกจุดเด่นของ iPhone 12 คือ ประสิทธิภาพที่ทรงพลัง ด้วยชิปประมวลผล A14 Bionic ที่ Apple กล้ารับประกันว่ามีความเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนของปัจจุบันนี้
ทั้งนี้ iPhone 12 สีม่วง จะเปิดรับจองพร้อมกับ iPhone 12 mini สีม่วง ในวันที่ 23 เมษายนนี้ เวลา 19:00 น. เป็นต้นไป ก่อนจะเริ่มสินค้าจะวางจำหน่ายทางการ ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2564 ป็นต้นไป ราคาเริ่มต้น 25,900 บาท