หลังจากทีมงาน @flashfly ได้นำเสนอพรีวิวพร้อมแกะกล่อง realme 8 และ realme 8 5G ไปแล้วก่อนหน้านี้ ก็ถึงเวลาที่เราจะพาไปทำความรู้จักกับสมาร์ทโฟน realme 8 Series ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อสำรวจดูว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นแตกต่างกันอย่างไร หรือมีฟีเจอร์ใดที่เหมือนกันบ้าง
realme 8 5G “ความเร็วไร้ขีดจำกัด”
realme 8 5G มาพร้อมสโลแกน “ความเร็วไร้ขีดจำกัด” จึงมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพของชิปประมวลผลระดับ 7 นาโนเมตร ที่มีชิปโมเด็ม 5G ในตัว รองรับการใช้งานยาวนานเป็นพิเศษด้วยโหมด Smart 5G Power Saving และความจุแบตเตอรี่ 5000mAh อีกทั้งยังมีจุดเด่นที่จอแสดงผล 90Hz Ultra Smooth Display ขนาด 6.5 นิ้ว
สเปก realme 8 5G
- จอแสดงผล 90Hz Ultra Smooth Display ขนาด 6.5 นิ้ว
- สแกนนิ้วด้านข้าง Side-Mounted Fingerprint Scanner
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 700 5G
- ความจำ RAM 6GB / 8GB แบบ LPDDR4x
- ความจุในตัว 64GB / 128GB แบบ UFS 2.1
- รองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 1TB
- กล้องหลัง 48MP Nightscape Camera
- กล้องหน้า 16MP AI Beauty Selfie Camera
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5GHz), Bluetooth 5.1, USB Type-C, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- เซ็นเซอร์ Magnetic Induction Sensor, Light Sensor, Proximity Sensor, Gyro-meter, Acceleration Sensor
- ระบบนำทาง GPS, AGPS, GLONASS, BeiDou, Galileo, QZSS
- ระบบปฏิบัติการ realme UI 2.0 บนพื้นฐาน Android 11
- แบตเตอรี่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 18W Quick Charge
- ขนาดบอดี้ 162.5 x 74.8 x 8.5 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 185 กรัม
ดีไซน์สวยเอฟเฟกต์สะท้อนแสง Dynamic Speed Light
realme 8 5G ได้รับการออกแบบมาให้มีความบาง 8.5 มิลลิเมตร น้ำหนักเบาเพียง 185 กรัม เพื่อให้ความสะดวกสบายในทุกครั้งที่ได้สัมผัส ด้านหลังโดดเด่นด้วยเอฟเฟกต์สะท้อนแสง Dynamic Speed Light มาจากเส้นแสงไฟหน้ารถที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงแบบไดนามิกของแสงเมื่อแสงตบกระทบไปยังพื้นผิวของสมาร์ทโฟน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ Fast and Furious
realme 8 5G ผลิตออกมาให้เลือก 2 สี ได้แก่ Supersonic Blue ใช้กระบวนการชุบอินเดียมไฮกลอส เพื่อคืนความสว่างเป็นประกาย และ Supersonic Black ใช้กระบวนการรูปแบบ Lenticular เพื่อนำเสนอเอฟเฟกต์กระจกเงาระดับพรีเมี่ยม เพื่อดึงความรู้สึกของแสงออกมาให้ดีขึ้น
ด้านหน้าดูคล้ายกับ realme 8 แต่มีขนาดหน้าจอใหญ่กว่าเล็กน้อย โดยใช้จอแสดงผล ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอ 90Hz
เหนือจอแสดงผล จะพบตะแกรงลำโพงหูฟัง ติดตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางสุดขอบด้านบนมุมบนหน้าจอถูกเจาะหลุมไว้เช่นเดียวกับ realme 8 สำหรับติดตั้งกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล แต่ดูเหมือนจะมีขนาดหลุดใหญ่กว่าเล็กน้อย
ด้านหลังมีพื้นผิวสะท้อนเงิน ไม่มีแถบสโลแกน Dare to Leap มาพร้อมระบบกล้องหลัง 3 ตัว 48MP AI Camera จัดวางแบบตาราง 2 x 2 โดยตำแหน่งมุมบนขวามือไม่ใช่เลนส์กล้อง แต่เป็นสัญลักษณ์ AI
ขอบด้านข้างมีความบาง 8.5 มิลลิเมตร ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วรวมกับปุ่มเพาเวอร์
อีกข้างจะพบถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple Slot สามารถใส่ซิมการ์ดได้ 2 ช่อง (Dual Nano-SIM) และอีกช่องสำหรับการ์ด MicroSD รองรับความจุสูงสุด 1TB ถัดลงมาเป็นปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านบนไม่มีไมโครโฟนตัวที่สอง
ด้านล่างประกอบไปด้วยช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และ ลำโพง
นอกจากความสวยงาม realme ยังใส่ใจในคุณภาพการผลิต โดยเทคนิคพิเศษกับกระบวนการ Microcrack หล่อขอบตัวเครื่อง ช่วยให้วัสดุยืดหยุ่น ขอบข้างไร้รอยต่อช่วย และเพิ่มความแข็งแรง หลังจากบดแผงกระจกหน้าจอด้วยแกนล้อเจียร CNC แล้วจะมีรอยแตกเล็กๆ มากมายบนพื้นผิวกระจก ซึ่งหากไม่ได้ลบ Microcrack ออกไป ความเข้มข้นของความเค้นของ Microcrack เหล่านี้ จะทำให้หน้าจอแตกได้ง่ายเมื่อหน้าจอถูกแรงกระแทกจากภายนอก
realme 8 5G ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันมุม ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับมุมของตัวเครื่อง ลดความเสี่ยงของหน้าจอแตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งอินเทอร์เฟซทั้งหมด ยังได้รับการจัดวางด้วยมาตรการป้องกันน้ำอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากน้ำหกอย่างมีประสิทธิภาพ (แต่ไม่สามารถนำไปแช่น้ำได้)
จอแสดงผล 90Hz Ultra Smooth Display
realme 8 5G มาพร้อมจอแสดงผล 90Hz Ultra Smooth Display ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอ 90Hz อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 180Hz มอบประสบการณ์การรับชมที่ราบรื่น โดยมีความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.5 นิ้ว แสดงสีสัน 16.7 ล้านสี และให้ความสว่างสูงสุด 600 nits
สแกนนิ้วมือที่ขอบด้านข้าง
realme 8 5G ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ที่ขอบด้านข้าง (Side-Mounted Fingerprint Scanner) รวมกับปุ่มเพาเวอร์ ซ่งเป็นดีไซน์ที่กำลังได้รับความนิยม ช่วยให้การสแกนลายนิ้วมือทำได้ง่ายกว่าการติดตั้งไว้ที่ด้านหลัง และยังใช้เวลาปลดล็อคได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัย ะรวดเร็ว โดยใช้เวลาในการปลดล็อคเพียง 0.3 วินาที หรือจะใช้วิธีการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อค ก็ทำได้เช่นกัน รวมถึงวิธีการยืนยันตัวตนขั้นพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ
กล้องหน้า AI Beauty ความละเอียด 16MP
กล้องหน้าของ realme 8 5G ถูกซ่อนไว้ในหลุมบนหน้าจอ ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.1 ประกอบด้วยเลนส์ 5P รองรับโหมดถ่ายภาพ AI Beauty ที่มาพร้อมอัลกอริทึมความงามใหม่ล่าสุด พัฒนาขึ้นมาสำหรับการถ่ายภาพใบหน้าทุกเพศ ซึ่งมีสภาพผิวและรูปทรงใบหน้าที่แตกต่างกัน ช่วยให้ภาพถ่ายเซลฟี่ดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
กล้องหน้ายังรองรับโหมดถ่ายภาพ Portrait ถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลายด้วยเอฟเฟกต์โบเก้, โหมด Nightscape สำหรับถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อย และสามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด 1080P ที่ 30 เฟรมต่อวินาที พร้อมรองรับโหมด Time-lapse
กล้องหลัง 3 ตัวความละเอียด 48MP
ระบบกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยกล้องถ่ายภาพระยะใกล้ และกล้องถ่ายภาพบุคคล โดยกล้องแต่ละตัวให้รายละเอียดแตกต่างกันดังนี้
- กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 ประกอบด้วยเลนส์ 6P มุมมองกว้าง 80 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 มุมมองกว้าง 89 องศา รองรับการถ่ายภาพในระยะใกล้ 4 เซนติเมตร
- กล้อง B&W Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 มุมมองกว้าง 89 องศา ฟิลเตอร์สีใหม่ช่วยให้เลนส์ถ่ายภาพบุคคลสามารถตรวจจับแสงได้กว้างขึ้น เหมาะสำหรับสร้างภาพถ่าย Portrait สไตล์ย้อนยุค
กล้องหลังของ realme 8 5G รองรับฟีเจอร์ Nightscape ที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือในเวลากลางคืน ด้วยเทคโนโลยีเอ็นจิ้นการสังเคราะห์หลายเฟรมจะถ่ายชุดภาพถ่ายที่มีการเปิดรับแสงที่แตกต่างกันพร้อมกัน แล้วรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียว นอกจากรักษาระดับแสงที่ดีด้วยจุดไฮไลต์แล้ว ยังสามารถเพิ่มแสงในที่มืดเพื่อให้รายละเอียดชัดเจนขึ้น
อีกทั้งยังมีโหมดถ่ายภาพ 48M Mode, Pro Mode, Panorama, Portrait, Super Text, AI Scan, Super Macro และ Video ซึ่งสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080P ที่ 30 เฟรมต่อวินาที พร้อมรองรับโหมด Time-lapse และ Slow Motion ความละเอียด 720P ที่ 120 เฟรมต่อวินาที
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ชิป Dimensity 700 5G
realme 8 5G ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 700 5G ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตร ประกอบด้วยซีพียูแบบ Octa Core ที่มีคอร์ขนาดใหญ่ Arm Cortex-A76 ความเร็วสูงสุด 2.2GHz กับ Arm Cortex-A55 ความเร็วสูงสุด 2GHz
ชิป Dimensity 700 ยังมาพร้อมจีพียู Arm Mali-G57 MC2 ความเร็วสูงสุด 950MHz และเมื่อเล่นเกมบนจอแสดงผล 90Hz Ultra Smooth ของ realme 8 5G ก็ยิ่งทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมลื่นไหลมายิ่งขึ้น
ด้านความจำใช้ RAM แบบ LPDDR4x dual-channel สูงสุด 8GB พื้นที่ความจำภายในสูงสุด 128GB แบบ UFS 2.1 และสนับสนุนการ์ด MicroSD รองรับความจุสูงสุด 1TB
Dual 5G Dual Standby
แน่นอนว่า ใช้ชื่อ realme 8 5G ก็ต้องสนับสนุนเทคโนโลยี 5G ซึ่งชิปแบบ SoC ของ MediaTek Dimensity 700 ก็มาพร้อมชิปโมเด็มในตัว สนับสนุน 5G Carrier Aggregation (2CC 5G-CA) และ 5G dual SIM dual standby (DSDS) ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงความเร็วที่เร็วที่สุด และบริการ Voice over New Radio (VoNR) สำหรับ 5G โดยเฉพาะ จึงสามารถใช้งาน 5G ได้ทันทีตั้งแต่แกะกล่อง แต่ต้องใส่ซิมการ์ดที่รองรับ 5G และอยู่ในพื้นที่ให้บริการของสัญญาณ 5G ด้วย
แบตเตอรี่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 18W
realme 8 5G รองรับชาร์จเร็ว 18W โดยมีความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ให้อายุการใช้งานยาวนาน 529 ชั่วโมง (ราว 22 วัน) สำหรับการสแตนด์บาย, สนทนานานสูงสุด 31 ชั่วโมง, ฟังเพลงนาน 153 ชั่วโมง และดูวิดีโอนานสูงสุด 21 ชั่วโมง
ถึงแม้การใช้งานบนเครือข่าย 5G อาจส่งผลให้แบตเตอรี่ของ realme 8 5G หมดเร็วกว่าสมาร์ทโฟน 4G แต่ทาง realme ก็หาทางแก้ไขไว้แล้ว ด้วยการเพิ่มเทคโนโลยี Smart 5G สามารถตรวจจับสภาพแวดล้อมของสัญญาณโดยรอบได้อย่างชาญฉลาดและจะสลับการใช้งานระหว่าง 4G และ 5G อย่างอัตโนมัติ ซึ่งใช้พลังงานน้อยกว่า 30% เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนที่ไม่มี Smart 5G
ระบบปฏิบัติการ realme UI 2.0
realme 8 และ realme 8 5G ทำงานบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 11 สวมทับด้วย realme UI 2.0 ที่ได้รับการออกแบบ User Interface โดยคำนึงถึงความชอบและความสะดวกสบายของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ใช้งานได้อย่างราบรื่น เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่สนุกมากยิ่งขึ้น
realme UI 2.0 ได้รับการปรับปรุงการใช้ทรัพยากรระบบ 45% ส่งผลให้ความเร็วของระบบเพิ่มขึ้น 32% ความเสถียรของอัตราเฟรมเพิ่มขึ้น 17% และยังปรับปรุงความเร็วในการเปิดแอพพลิเคชั่นให้เหลือเวลาสั้นๆ เพียง 23.63% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน นอกจากนี้ realme UI 2.0 ยังออกแบบมาเพื่อการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ AIoT ของ realme ผ่านแอพ realme Link ทำให้ realme 8 Series สามารถเชื่อมต่อกับระบบนิเวศ AIoT และจัดการอุปกรณ์ AIoT ได้ง่ายขึ้น
realme 8 “เก็บภาพไม่มีที่สิ้นสุด“
realme 8 มาพร้อมสโลแกน “เก็บภาพไม่มีที่สิ้นสุด” ซึ่งหมายถึงมีความโดดเด่นด้านการถ่ายภาพ โดยได้รับระบบกล้องหลัง 64MP AI Quad Camera ตอบสนองการทำงานด้วยชิปประมวลผล MediaTek Helio G95 ใช้จอแสดงผล Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30W Dart Charge แบตเตอรี่ก้อนใหญ่ 5000mAh บนดีไซน์บางเบา
สเปกสำคัญของ realme 8
- จอแสดงผล Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว
- สแกนนิ้วบนหน้าจอ Ultra-fast In-display Fingerprint Sensor
- ชิปประมวลผล MediaTek Helio G95
- ความจำ RAM 4GB / 8GB แบบ LPDDR4x
- ความจุในตัว 128GB แบบ UFS 2.1
- รองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 256GB
- กล้องหลัง 64MP AI Quad Camera
- กล้องหน้า 16MP In-display Selfie Camera
- การเชื่อมต่อ 4G, Wi-Fi, Bluetooth, USB Type-C, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- เซ็นเซอร์ Light sensor, Proximity sensor, Magnetic induction sensor, Acceleration sensor, Gyro-meter sensor
- ระบบนำทาง GPS, AGPS, GLONASS, BeiDou, Galileo
- ระบบปฏิบัติการ realme UI 2.0 บนพื้นฐาน Android 11
- แบตเตอรี่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 30W Dart Charge
- ขนาดบอดี้ 160.6 x 73.9 x 7.99 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 177 กรัม
ดีไซน์ล้ำสมัยแรงบันดาลใจยุคดิจิตอล
realme 8 ถูกสร้างมาให้มีความบางเบา จับถือได้อย่างสบาย ด้วยน้ำหนักเพียง 177 กรัม และมีความบางไม่ถึง 8 มิลลิเมตร มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Cyber Silver กับ Cyber Black ดีไซน์ด้านหลังได้รับแรงบันดาลใจมาจากความเป็นยุคดิจิตอลและความล้ำสมัย ทำให้พื้นผิวถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยมีแถบคาดสโลแกน Dare to Leap ของ realme ซึ่งมีเอฟเฟกต์สีรุ้งบนพื้นผิว (สี Cyber Silver จะมองเห็นเอฟเฟกต์ได้ชัดเจนกว่า) ขณะที่อีกส่วนจะมีพื้นผิวด้านกว่า
ด้านหน้าเต็มไปด้วยพื้นที่ของจอแสดงผล Super AMOLED ความละเอียด Full HD+ ขนาด 6.4 นิ้ว พร้อมติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอ Ultra-fast In-display Fingerprint Sensor
เหนือจอแสดงผล จะพบตะแกรงลำโพงหูฟัง ติดตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางสุดขอบด้านบน มุมบนของจอแสดงผล ถูกเจาะหลุมสำหรับวางกล้องหน้าแบบ In-display Selfie Camera ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
กล้องหลัง 4 ตัว จัดวางแบบตาราง 2 x 2 ไว้ในกรอบสี่เหลี่ยม ถัดลงมาติดแฟลช LED ไว้หน้าข้อความ 64MP Quad Camera
ขอบด้านข้างมีความบางเพียง 7.99 มิลลิเมตร วางปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่มเพาเวอร์ไว้ทางฝั่งเดียวกัน
อีกข้างมีถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple Slot สามารถใส่ซิมการ์ดได้ 2 ช่อง (Dual Nano-SIM) และอีกช่องสำหรับการ์ด MicroSD รองรับความจุสูงสุด 256GB
ด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่สอง ช่วยลดเสียงรบกวน
ด้านล่างประกอบไปด้วยช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และ ลำโพง
จอ Super AMOLED 6.4 นิ้ว
realme 8 มาพร้อมจอแสดงผล Super AMOLED วางใจได้ในเรื่องของสีสันที่คมชัดสวยงาม มีความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.4 นิ้ว ความหนาแนบพิกเซล 409 PPI ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้ 90.8% และให้อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 180Hz
จอแสดงผลของ realme 8 มีโหมดแสงแดด ที่ให้ความสว่างสูงสุด 1000 nits สามารถมองเห็นหน้าจอได้อย่างชัดเจนแม้ใช้งานในบริเวณที่มีแสงแดดจัด และยังรองรับโหมดป้องกันดวงตา ช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
realme 8 ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล ซึ่งพบได้ในสมาร์ทโฟนเรือธง สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และ ง่ายดาย อีกทั้งยังรองรับการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคสมาร์ทโฟนได้เช่นกัน รวมไปถึงวิธีการยืนยันตัวตนขั้นพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ
กล้องหน้า 16MP In-display Selfie Camera
realme 8 ซ่อนกล้องหน้าไว้ในหลุมที่มุมบนหน้าจอ มีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX471 รูรับแสง f/2.45 ประกอบด้วยเลนส์ 5P
กล้องหน้ารองรับฟีเจอร์ Portrait Mode สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลาย, Super Nightscape สำหรับถ่ายเซลฟี่ในเวลากลางคืน และ AI Beauty Mode ปรับใบหน้าให้ดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
กล้องหน้าสามารถถ่ายวิดีโอสูงสุด 1080P ที่ 30 เฟรมต่อวินาที มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว UIS Video Stabilization และรองรับโหมด Slow Motion ความละเอียด 1080P ที่ 120 เฟรมต่อวินาที
กล้องหลัง 4 ตัว 64MP
ระบบกล้องหลังถือเป็นจุดเด่นของ realme 8 โดยมาพร้อมระบบกล้องหลัง 4 ตัว 64MP AI Quad Camera ประกอบด้วยกล้องหลัก, กล้องสำหรับถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษ, กล้องถ่ายภาพระยะใกล้ และ กล้องช่วยถ่ายภาพบุคคล โดยกล้องแต่ละตัวมีรายละเอียดแตกต่างกันดังนี้
- กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79 ประกอบด้วยเลนส์ 6P ระบบโฟกัส PDAF รองรับ Quad Bayer ขนาดพิกเซลสูงสุด 1.4 ไมครอน ทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยออกมาสว่างมากขึ้น
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.25 ประกอบด้วยเลนส์ 5P ให้มุมมองกว้าง 119 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 รองรับการถ่ายภาพในระยะใกล้สุดเพียง 4 เซนติเมตร
- กล้อง B&W ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ฟิลเตอร์สีใหม่ช่วยให้เลนส์ถ่ายภาพบุคคลสามารถตรวจจับแสงได้กว้างขึ้น และช่วยให้เลนส์หลักจับแสงได้ดีขึ้น
กล้องหลังรองรับฟีเจอร์ Starry Mode, Tilt-shift, Neon Portrait, Dynamic Bokeh, AI Colour Portrait, Super Nightscape, Panoramic View, Expert, Time-lapse, Portrait Mode, HDR, Ultra Wide, Ultra Macro, AI Scene Recognition, AI Beauty, Filter, Chroma Boost และ Bokeh Effect Control
Neon Portrait สำหรับถ่ายภาพมุคคลในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อย โดยเฉพาะบริเวณที่มีฉากหลังเป็นแสงไฟ ช่วยเพิ่มเอฟเฟกต์การเบลอเพื่อสร้างภาพที่เหมือนฝันมากขึ้น
Dynamic Bokeh เป็นอีกโหมดที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับถ่ายภาพมุคคลในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อย โดยใช้ไดนามิกโบเก้เพื่อเน้นบุคคลหรือวัตถุกับพื้นหลังที่กำลังเคลื่อนไหว ทำให้ได้ภาพถ่ายบุคคลที่มีสไตล์
AI Color Portrait ช่วยเปลี่ยนฉากหลังให้เป็นขาว-ดำ แต่ยังคงภาพสีให้กับตัวบุคคล ทำให้ได้ภาพ Portrait ที่โดดเด่นสะดุดตาอีกรูปแบบ
กล้องหลังของ realme 8 ยังใช้อัลกอริทึม AI Portrait ใหม่ ที่สามารถตรวจจับภาพบุคคลในสถานการณ์ต่างๆ โดยอัตโนมัติ เพื่อปรับภาพให้เหมาะสม ส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพบุคคลที่ดูเป็นธรรมชาติและสดใสได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้โหมดพิเศษใดๆ
Starry Mode เป็นโหมดถ่ายภาพท้องฟ้ายามค่ำคื่นที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยแยกขั้นตอนการเพิ่มความสว่างของดวงดาวออกจากอัลกอริทึม และประมวลผลโดย ISP (Image Signal Processor) ในชิป SoC ช่วยเพิ่มความสว่างและลดจุดรบกวนบนภาพถ่าย ทำให้ได้ภาพถ่ายดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนเหมือนถ่ายจากกล้องโปร
สำหรับการถ่ายวิดีโอจากกล้องหลัง รองรับความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที หรือ 1080P ที่ 60 เฟรมต่อวินาที มีจุดเด่นที่โหมด Dual-view Video สามารถใช้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังถ่ายวิดีโอได้พร้อมกัน และรองรับโหมด Slow Motion ความละเอียด 1080P ที่ 120 เฟรมต่อวินาที โดยมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว UIS และ UIS Max Video Stabilization
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ชิปประมวลผล Helio G95
realme 8 เลือกใช้ชิปประมวลผล MediaTek Helio G95 ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ ถูกสร้างบนกระบวนการผลิต 12 นาโนเมตร ประกอบด้วย Cortex-A76 แบบ 2-Core ความเร็วสูงสุด 2.05GHz และ Cortex-A55 แบบ 6-Core ความเร็วสูงสุด 2GHz พร้อมด้วยจีพียู Mali-G76 MC4 900MHz
ไม่เพียงแค่นั้น realme 8 ยังติดตั้งระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวทองแดงขั้นสูง ให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นเพิ่มขึ้น 14.4% เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนด้วยคาร์บอนไฟเบอร์รุ่นก่อนหน้า ช่วยเพิ่มความลื่นไหลให้กับสมาร์ทโฟน
ด้านความจำใช้ RAM แบบ LPDDR4x dual-channel สูงสุด 8GB พื้นที่ความจำภายใน 128GB แบบ UFS 2.1 และสนับสนุนการ์ด MicroSD รองรับความจุสูงสุด 256GB
แบตเตอรี่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 30W Dart Charge
ถึงแม้จะมัความบางเพียง 7.99 มิลลิเมตร แต่ realme 8 ก็มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ให้อายุการใช้งานยาวนาน 952 ชั่วโมง (เกือบ 40 วัน) สำหรับการสแตนด์บาย, สนทนานานสูงสุด 43 ชั่วโมง, ฟังเพลงนาน 98 ชั่วโมง, ดูวิดีโอบน YouTube นานสูงสุด 23 ชั่วโมง และ เล่นเกมนานต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง
realme 8 ยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30W Dart Charge สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากระดับ 0 – 50% โดยใช้เวลาเพียง 26 นาที หรือชาร์จจนเต็ม 100% ในเวลาเพียง 65 นาที
นอกจากนี้ realme 8 ยังรองรับการชาร์จ 15W Power Delivery และเพิ่มความปลอดภัยในระหว่างชาร์จแบตเตอรี่ ด้วยการป้องกันความปลอดภัย 5 ชั้น และได้รับการป้องกันความปลอดภัยระดับฮาร์ดแวร์สำหรับกระบวนการชาร์จทั้งหมด
สรุปราคาและวันวางจำหน่าย
realme 8 และ realme 8 5G ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามมีสไตล์ที่แตกต่างกัน โดย realme 8 จะโดดเด่นกว่าด้วยแถบสโลแกน Dare to Leap พร้อมเอฟเฟกต์สะท้อนแสงเป็นสีรุ้ง อีกทั้งยังติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอทำให้ความรู้สึกเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงมากกว่า อย่างไรก็ตาม realme 8 5G เน้นความพรีเมียมเรียบง่าย และติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ที่ขอบด้านข้าง ซึ่งเป็นดีไซน์ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน
สำหรับการใช้งานจริง realme 8 จะตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพ เล่นเกม ชาร์จเร็ว สมกับสโลแกน “เก็บภาพไม่มีที่สิ้นสุด” ขณะที่ realme 8 5G ใช้ชิปประมวลผลระดับ 7 นาโนเมตร เล่นเกมได้ลื่นไหลด้วยจอแสดงผล 90Hz และรองรับการใช้งาน 5G ตามสโลแกน “ความเร็วไร้ขีดจำกัด” โดย realme เปิดราคา realme 8 ออกมาเพียง 8,999 บาทส่วน realme 8 5G ราคาเพียง 9,999 บาทเท่านั้น สั่งจองได้แล้ววันนี้ รับฟรี E-VIP Card ประกันจอแตก 1 ปี เริ่มวางจำหน่าย 4 พฤษภาคม 2564