ขณะที่รุ่นไฮเอนด์อย่าง Mi 11 Ultra ทำได้ 143 คะแนน ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดเท่าที่เคยถูกบันทึกไว้โดย DxOMark แต่รุ่นน้องที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้าอย่าง Xiaomi Mi 11 ทำได้เพียง 120 คะแนน จากการทดสอบระบบกล้องหลังของ DxOMark อยู่ในระดับเดียวกับ Google Pixel 5 และ Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G
Xiaomi Mi 11 มาพร้อมกล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.33 นิ้ว รูรับแสง f/1.85 มีระบบกันสั่น OIS มาพร้อมกล้อง Ultra-wide 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ให้มุมมองกว้าง 123 องศา และมีกล้อง Macro 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
กล้องหลังของ Xiaomi Mi 11 ยังสามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด 8K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที หรือ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที และรองรับเทคโนโลยีการบันทึกภาพแบบ HDR10+
หลังจากทดสอบคุณภาพกล้องหลัง DxOMark ให้ 127 คะแนน สำหรับการถ่ายภาพนิ่ง, 59 คะแนน สำหรับการซูม และ 107 คะแนน สำหรับการบันทึกวิดีโอ โดยรวม Xiaomi Mi 11 ทำได้ 120 คะแนน
DxOMark สรุปว่า กล้องหลังของ Xiaomi Mi 11 ให้ภาพถ่ายมีรายละเอียดสูง เรนเดอร์สีออกมาสวยงาม มีไวต์บาลานซ์ที่แม่นยำ ควบคุมจุดรบกวนได้ดีในที่แสงน้อย และให้ช่วงไดนามิกกว้างทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ ขณะที่การบันทึกวิดีโอ สามารถควบคุมจุดรบกวนได้ดีในสภาพแสงปานกลาง ไวต์บาลานซ์ในที่ในที่กลางแจ้งทำได้น่าพอใจ ระบบออโต้โฟกัสของวิดีโอทำงานรวดเร็ว และระบบป้องกันภาพสั่นไหวมีประสิทธิภาพ
สำหรับจุดที่ต้องแก้ไขในการถ่ายภาพนิ่ง DxOMark ระบุว่า ระบบออโต้โฟกัสทำงานช้าในที่แสงน้อย การซูมให้รายละเอียดต่ำ และการถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยให้สีสันที่ไม่ถูกต้อง
ที่มา – DxOMark