HMD Global เอาใจผู้ที่ต้องการเปลี่ยนจากฟีเจอร์โฟนมาเป็นสมาร์ทโฟน ด้วยการแนะนำ Nokia 1.4 สมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นราคาสบายกระเป๋า รองรับการใช้งานแอพของธนาคาร และแอพยอดนิยมต่างๆ มาพร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.51 นิ้ว กล้องคู่หลัง ที่มีกล้อง Macro สแกนบัตรประชาชน หรือสแกน QR Code ได้แม่นยำ อีกทั้งยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,000mAh รองรับการใช้งานนาน 2 วัน
สเปก Nokia 1.4
- จอแสดงผล HD+ ขนาด 6.51 นิ้ว
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 215
- ความจำ RAM 2GB + ROM 32GB
- รองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 128GB
- กล้องหลัง 8 + 2 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- การเชื่อมต่อ 4G, Wi-Fi 802.11 b/g/n, Bluetooth 4.2, GPS, Micro-USB (USB 2.0), ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- เซ็นเซอร์ Fingerprint, Ambient Light, Proximity sensor, Accelerometer
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 (Go Edition)
- แบตเตอรี่ 4,000mAh
- ขนาด 166.42 x 76.72 x 8.7 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 178 กรัม
แกะกล่อง
Nokia 1.4 มาในกล่องสีขาว หน้ากล่องพิมพ์รูปภาพสมาร์ทโฟนขนาดใหญ่ แต่เผยเฉพาะดีไซน์ส่วนบน มาพร้อมโลโก้ Android กับคำสัญญาว่าจะได้รับการอัพเกรดระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด เป็นเวลา 2 ปี (หรือ 2 เวอร์ชั่น)
ภายในกล่องให้อุปกรณ์เสริมมาครบถ้วนไม่ต้องหาซื้อเพิ่ม โดยจะพบกับอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ 5V1A, สายเคเบิล Micro-USB, ชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, เคสใส, ฟิล์มกันรอยหน้าจอ (ติดมาให้แล้ว), เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด และ คู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น
ดีไซน์
Nokia 1.4 มาพร้อมจอแสดงผล HD+ (ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล) ขนาดใหญ่ 6.51 นิ้ว ให้อัตราส่วนภาพ 20:9 ดีไซน์แบบ edge-to-edge ทำให้มีพื้นที่ขอบจอบาง และทำรอยบากแบบหยดน้ำสำหรับติดตั้งกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล เหนือขึ้นไปเป็นลำโพงหูฟัง
ด้านหลังใช้วัสดุโพลิคาโบเนตที่ทนทาน มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีฟ้า (Fjord) และ สีเทาดำ (Charcoal) โดดเด่นที่ดีไซน์กล้องคู่ 8 + 2 ล้านพิกเซล วางอยู่ในกรอบวงกลม พร้อมแฟลช LED ถัดลงมาเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ วางโลโก้ Nokia ในแนวตั้ง และมุมล่างซ้ายมือเป็นตำแหน่งลำโพง
ขอบด้านข้างมีความบาง 8.7 มิลลิเมตร มีปุ่มปรับระดับเสียง และ ปุ่มเพาเวอร์
อีกข้างมีถาดใส่การ์ดแบบ 3 ช่อง สามารถใส่ซิมการ์ดได้พร้อมกัน 2 ช่อง และยังใส่การ์ด MicroSD ได้อีกช่อง รองรับความจุสูงสุด 128GB ถัดลงมาเป็นปุ่มทางลัดเรียกใช้งาน Google Assistant
มุมมองด้านบนจะพบกับช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ด้านล่างจะพบกับรูไมโครโฟน และ ช่องต่อ Micro-USB (USB 2.0)
ระบบความปลอดภัย
ถึงแม้ Nokia 1.4 จะเป็นสมาร์ทโฟนราคาประหยัด ที่เปิดตัวเพียง 2,690 บาท แต่ได้รับการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย อยู่ที่ด้านหลังใต้ระบบกล้อง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่พอดีกับปลายนิ้วชี้ รองรับการปลดล็อคสมาร์ทโฟน และการยืนยันตัวตน อีกทั้งยังสามารถใช้กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ในการสแกนใบหน้า เพื่อยืนยันตัวตนได้เช่นกัน
ด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือและใบหน้า ทำให้ Nokia 1.4 เป็นสมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่รองรับการใช้งานแอพพลิเคชั่นด้านการเงินและธนาคารได้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะแอพเป๋าตัง ที่คนไทยหลายคนต้องการเข้าถึง เพื่อรับเงินหรือใช้จ่ายผ่านการสนับสนุนของโครงการต่างๆ ที่ออกมาในช่วง COVID-19 ระบาด
กล้องหลัง
อีกจุดเด่นของ Nokia 1.4 อยู่ที่ระบบกล้องคู่หลัง พร้อมแฟลช LED ซึ่งมาพร้อมกล้อง Macro ที่จำเป็นในการสแกน QR Code, สแกนบัตรประชาชน หรือเอกสารต่างๆ เพื่อลงทะเบียนใช้งานแอพพลิเคชั่นด้านการเงินและแอพของธนาคารต่างๆ โดยกล้องคู่หลังของ Nokia 1.4 ประกอบด้วย…
- กล้องหลัก 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบออโต้โฟกัส
- กล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล ช่วยถ่ายภาพในระยะใกล้
Nokia 1.4 ใช้แอพพลิเคชั่นกล้อง Camera Go ของ Google ซึ่งมาพร้อมโหมดถ่ายภาพในเวลากลางคืน (ไอคอนรูปดวงจันทร์เสี้ยว) และ HDR (วางไอคอนไว้ที่มุมบนขวามือ) แถบเมนูด้านล่างมีโหมดถ่ายภาพ Portrait, Photo, Video และ สามารถแปลภาษาได้ โดยใช้กล้องหลังจับภาพข้อความหรือป้ายประกาศ
กล้องหลังสามารถซูมได้สูงสุด 4 เท่า โดยใช้วิธีการถ่างนิ้วบนหน้าจอ และในโหมด Photo จะมีไอคอนรูปดอกไม้ สำหรับถ่ายภาพในระยะใกล้วัตถุด้วยกล้อง Macro สามารถจับโฟกัสได้ใกล้สุด 4 เซนติเมตร
กล้องหน้า
Nokia 1.4 ติดตั้งกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ไว้ในรอยบากรูปแบบหยดน้ำ เมื่อสลับมาใช้กล้องหน้า ก็ยังคงรองรับโหมด Portrait (โหมดถ่ายภาพบุคคลหน้าชัดหลังเบลอ), Photo และ Video ซึ่งสามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียด HD 720p เท่ากับกล้องหลัง นอกจากนี้ กล้องหน้ายังมีส่วนช่วยในการสแกนใบหน้า เพื่อยืนยันตัวตนด้วย
ประสิทธิภาพ
Nokia 1.4 ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 215 ประกอบด้วยซีพียู 64-bit Quad Core 1.3GHz (ARM Cortex A53) พร้อมจีพียู Adreno 308 ความจำ RAM 2GB จับคู่กับ ROM 32GB สนับสนุนการ์ด MicroSD สูงสุด 128GB ด้วยชิปประมวลผลที่ให้มา รวมถึงราคาค่าตัว ก็บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นเกม แต่ก็รองรับเกมง่ายๆ ได้อย่างราบรื่น อย่างเช่นเกม Subway Surfers ซึ่งพอให้เล่นคลายเครียด และให้ความเพลิดเพลินได้
แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ให้มาเยอะพอสมควร ด้วยความจุ 4,000mAh ให้อายุการใช้งานยาวนาน 2 วัน แบบสบายๆ สามารถสแตนด์บายได้นานสูงสุด 26 วัน, ฟังเพลงแบบปิดหน้าจอนานสูงสุด 65 ชั่วโมง, เล่นวิดีโอนานถึง 8.5 ชั่วโมง, สนทนาได้นานถึง 21 ชั่วโมง (3G) หรือ 17 ชั่วโมง (4G)
ระบบปฏิบัติการ
Nokia 1.4 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 10 (Go Edition) พร้อมรองรับการอัพเกรดเป็น Android 11 (Go edition) ไปจนถึง Android 12 (Go edition) และยังรองรับการอัพเดตซอฟต์แวร์ความปลอดภัยทุกเดือนเป็นเวลา 3 ปี นั่นทำให้ Nokia 1.4 รองรับการใช้งานได้อย่างยาวนาน 3 ปี เป็นอย่างน้อย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของระบบ
นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น Go edition ยังถูกสร้างมาเพื่อใช้งานบนสมาร์ทโฟนที่มีสเปกไม่สูงมาก มาพร้อมแอพพลิเคชั่นพื้นฐานของ Google ที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างลื่นไหล ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 215 ว่าจะตอบสนองการใช้งานได้รวดเร็วหรือไม่
สรุป
Nokia 1.4 ถูกสร้างมาเพื่อเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับทุกคน มาพร้อมฟีเจอร์ครบครัน ทั้งจอแสดงผลขนาดใหญ่ แบตเตอรี่ความจุสูง กล้องคู่หลัง ให้ประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง เหมาะสำหรับใครก็ตามที่ต้องการเปลี่ยนจากโทรศัพท์มือถือหรือฟีเจอร์โฟน เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรก เพื่อเข้าถึงแอพพลิเคชั่นด้านการเงินและธนาคาร หรือจะใช้เรียนออนไลน์ก็ช่วยประหยัดเงินไปได้มาก เมื่อเทียบกับการซื้อคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ต
Nokia 1.4 วางจำหน่ายแล้วในราคาเพียง 2,690 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีฟ้า (Fjord) และ สีเทาดำ (Charcoal) และให้ของแถมมาครบไม่ต้องซื้อเพิ่ม ทั้งเคส, ชุดหูฟัง และ ฟิล์มกันรอยหน้าจอ