OPPO กลายเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายแรกที่มาพร้อมนวัตกรรมของสีสันระดับหนึ่งพันล้านสี ทั้งจอแสดงผลและระบบกล้องหลัง ด้วยสมาร์ทโฟนเรือธง OPPO Find X3 Pro 5G ที่ออกมาสานต่อความสำเร็จจาก OPPO Find X2 Series 5G ในปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่า OPPO ไม่เคยหยุดนิ่งในการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อทำให้สมาร์ทโฟนเรือธงของตัวเองได้เปรียบกว่าคู่แข่ง ซึ่งล่าสุดเพิ่งคว้ารางวัล Red Dot: Product Design Award ประจำปี 2021 มาครอบครอง
จอแสดงผลให้สีสันมากกว่าพันล้านสี
OPPO Find X3 Pro 5G มาพร้อมสโลแกน Awaken Colour เพื่อสื่อให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านสีสันทั้งจอแสดงผลและระบบกล้องหลัง โดยเริ่มต้นพัฒนามาตั้งแต่ OPPO Find X2 Series 5G สมาร์ทโฟนเรือธงในปี 2020 ที่มาพร้อมจอแสดงผล 10-bit ให้สีสันถึงหนึ่งพันล้านสี ขณะที่จอแสดงผลของสมาร์ทโฟนคู่แข่งให้สีสันในระดับ 8-bit หรือ 16.7 ล้านสี จอแสดงผลระดับ 10-bit หรือ หนึ่งพันล้านสี ของ OPPO Find X3 Pro 5G สามารถแสดงสีสันได้มากกว่า 64 เท่า เมื่อเทียบกับจอแสดงผล 8-bit หรือ 16.7 ล้านสี หมายความว่าการรับชมคอนเท้นต์ต่างๆ ทั้งภาพถ่ายและภาพยนตร์บนจอแสดงผลของ OPPO Find X3 Pro 5G จะให้สีสันที่แม่นยำและสมจริงมากที่สุด
สิ่งที่ OPPO Find X3 Pro 5G พัฒนาต่อยอดมาจาก OPPO Find X2 Series 5G คือ การเพิ่มระบบกล้องหลังให้สามารถจับภาพได้ถึงหนึ่งพันล้านสีเช่นเดียวกัน จึงทำให้ OPPO Find X3 Pro 5G ได้ชื่อว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ให้สีสันหนึ่งพันล้านสี ทั้งจอแสดงผลและกล้อง
จอแสดงผลของ OPPO Find X3 Pro 5G ไม่ได้มีจุดเด่นที่การให้เฉดสีมากกว่าพันล้านสีเท่านั้น แต่ยังให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงแบบ 120Hz Adaptive Refresh Rate ซึ่งหมายถึงจอแสดงผลสามารถปรับอัตราการรีเฟรชได้ตามคอนเท้นต์ที่กำลังรับชมหรือใช้งาน ในช่วง 5Hz – 120Hz เพื่อมอบประสบการณ์การรับชมที่ราบลื่นที่สุด และยังช่วยประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่ได้อีกด้วย
ไม่เพียงแค่นั้น OPPO Find X3 Pro 5G ยังมีการแสดงผลในโทนสีที่เป็นธรรมชาติ (Natural Tone Display) ช่วยสร้างประสบการณ์การรับชมที่สะดวกสบายในทุกๆ ครั้งที่คุณใช้งาน ด้วยการปรับความสว่างและอุณหภูมิอัตโนมัติถึง 8192 ระดับ ทำให้ OPPO Find X3 Pro 5G สามารถเลือกสีและระดับความสว่างของหน้าจอได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่อง เพื่อให้เหมาะกับแสงโดยรอบของผู้ใช้งาน
อีกไฮไลท์ที่น่าสนใจของ OPPO Find X3 Pro 5G คือเทคโนโลยี O1 Ultra Vision Engine ช่วยเพิ่มความละเอียดของวิดีโอที่กำลังรับชมให้มีความคมชัดมากขึ้นถึง 2 เท่า เช่น จาก 480p เป็น 960p ผ่าน HDR Video Enhancement (การสร้างเอฟเฟกต์บนวิดีโอ HDR จากฟุตเทควิดีโอแบบ SDR) หมายความว่าการเปิดดูวิดีโอเก่าๆ ที่มีความละเอียดต่ำ จะให้ความคมชัดมากขึ้นเมื่อรับชมบนหน้าจอของ OPPO Find X3 Pro 5G
สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่สามารถถ่ายสีสันได้ถึงหนึ่งพันล้านสี
เบื้องหลังที่ทำให้ OPPO Find X3 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ให้สีสันหนึ่งพันล้านสี ทั้งจอแสดงผลและกล้อง คือ ระบบจัดการสี 10-bit Full-path Colour Engine ที่ OPPO พัฒนาขึ้นมาเพื่อผสานความเป็นเลิศระหว่างจอแสดงผลและระบบกล้องเข้าไว้ด้วยกัน ระบบจัดการสี 10-bit Full-path Colour Engine เริ่มต้นด้วยการใช้กล้องถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอในโดยจัดเก็บสีสันได้ถึงหนึ่งพันล้านสี ผ่านกระบวนการเข้ารหัส จัดเก็บ และถอดรหัสไปแสดงผลบนหน้าจอที่สามารถแสดงสีสันได้หนึ่งพันล้านสีเช่นเดียวกัน
ปกติแล้วระบบปฏิบัติการ Android สามารถรองรับการถอดรหัสภาพได้เพียง 8-bit และในการประมวลผลภาพตั้งแต่การถอดรหัสไปจนถึงการแสดงผล เมื่อถึงขั้นตอนการไฮไลท์ด้วยสีเขียว ข้อมูลภาพขนาด 10-bit จะถูกลดลงเหลือเพียง 8-bit ดังนั้น ตั้งแต่เริ่มต้นของการถอดรหัสข้อมูล สีสันแบบ 10-bit จะไม่สามารถประมวลผลได้อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม OPPO ได้พยายามแก้ไขด้วยการปรับโครงสร้างของการถอดรหัส (decoding framework) และแก้ไขตัวถอดรหัสแบบเดิม (modified the native decoder) เพื่อพัฒนาวิธีการถอดรหัสแบบใหม่ขึ้น ซึ่งหลังจากถอดรหัสเสร็จ จะต้องปรับเปลี่ยนข้อมูลการจัดเก็บภาพ เพื่อสร้างโครงสร้างการจัดเก็บภาพแบบใหม่ขึ้น
ขั้นตอนสุดท้ายของการปรับเปลี่ยนจะสิ้นสุดที่ rendering layer ซึ่งการปรับเปลี่ยนทีละขั้นตอนแบบนี้ ทำให้ OPPO สามารถสร้างการประมวลผลแบบ full-path ของภาพ 10-bit ขึ้นมาได้ และจนถึงตอนนี้ OPPO ยังคงเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนเพียงแบรนด์เดียวที่สามารถถ่ายภาพ 10-bit full-path และรองรับภาพ 10-bit ตั้งแรกเริ่มต้นจนสิ้นสุดได้
กล้องคู่หลังจับภาพได้หนึ่งพันล้านสี
การถ่ายภาพและวิดีโอระดับหนึ่งพันล้านสีจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าหากปราศจากกล้องคุณภาพสูง ซึ่ง OPPO Find X3 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมกล้องหลัก 2 ตัวที่ด้านหลัง ประกอบด้วย กล้อง Wide-angle และ กล้อง Ultra Wide-angle ทั้งคู่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX 766 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รองรับการจัดเก็บไฟล์ภาพคุณภาพสูง HEIF โดยที่ใช้พื้นที่จัดเก็บเพียง 50% ของ JPEG
ระบบกล้องหลังของ OPPO Find X3 Pro 5G นอกจากจะสามารถจับภาพได้มากถึงหนึ่งพันล้านสี ยังมีโหมดถ่ายวิดีโอที่น่าสนใจอย่าง Cinematic Mode สำหรับการถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพ เข้าถึงได้จากแอพกล้อง ไปที่เมนู More แล้วเลือก Movie ก็จะเข้าสู่การถ่ายวิดีโอในโหมด Cinematic ซึ่งในโหมดนี้ผู้ใช้งานจะสามารถตั้งค่ากล้องได้อย่างละเอียดก่อนบันทึกภาพ ไม่ว่าจะเป็นค่าชดเชยแสง, รูรับแสง, สมดุลสีขาว, ความเร็วชัตเตอร์, ความไวแสง รวมถึง HDR และ Log จึงสามารถเก็บแสงและสีได้มากขึ้น
นอกจากนี้ OPPO Find X3 Pro 5G ยังเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรกของโลก ที่มาพร้อมกล้อง Microlens มีกำลังขยายสูงสุด 60 เท่า (เทียบเท่ากับกล้องจุลทรรศน์) ทำให้ผู้ใช้งานมองเห็นรายละเอียดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยสายตาปกติ ทำให้ได้ภาพคมชัดสูง อีกทั้งยังสามารถใช้กล้อง Microlens ถ่ายวิดีโอได้ในความละเอียด Full HD 1080p
สรุป
OPPO Find X3 Pro 5G นอกจากจะมาพร้อมจอแสดงผลที่ให้สีสันคมชัดสูงกว่าคู่แข่ง ยังได้รับการพัฒนาระบบกล้องให้สามารถบันทึกภาพระดับหนึ่งพันล้านสีได้เช่นเดียวกัน จึงเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มีระบบจัดการสี 10-bit Full-path Colour Engine และยังมีประสิทธิภาพไม่เป็นรองใครด้วยชิปประมวลผลที่ดีที่สุดของสมาร์ทโฟน Android ในปัจจุบันนี้อย่าง Qualcomm Snapdragon 888 ความจำ RAM 12GB จับคู่ ROM 256GB รองรับการเชื่อมต่อ 5G + Wi-Fi 6 สนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0 แบบใช้สาย และชาร์จเร็ว 30W AirVOOC Wireless Flash Charge แบบไร้สาย
สมาร์ทโฟนเรือธงที่สุดแห่งพันล้านสี OPPO Find X3 Pro 5G เปิดให้พรีออเดอร์แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 2 เมษายน 2564 ในราคา 33,990 บาท (พิเศษ!! พรีออเดอร์ผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายรับส่วนลดสูงสุด 15,000 บาท)
ผู้ที่สั่งซื้อล่วงหน้า รับฟรี!! OPPO AirVOOC Wireless Charger 45W, KEVLAR Case และ Premium Card ที่มาพร้อมสิทธิรับประกัน International warranty service ซ่อมฟรีทั้งในและต่างประเทศ, รับความจุของ OPPO Cloud Service เพิ่มเป็น 1TB ในจำนวนจำกัด และ สิทธิรับประกันตัวเครื่องถึง 2 ปี มูลค่ารวม 13,498 บาท