สมาร์ทโฟนในปัจจุบันนี้ ต่างก็ให้ความสำคัญกับการถ่ายภาพเป็นพิเศษ แต่มีเพียงไม่กี่รุ่นที่มุ่งเน้นไปที่การถ่ายวิดีโอให้สวยงามไม่แพ้ภาพนิ่งอย่าง OPPO Reno5 Series 5G ที่ได้ชื่อว่าเป็น “สมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายวิดีโอ Portrait สวยที่สุด” เนื่องจากมาพร้อมฟีเจอร์กล้องเด็ดๆ ที่น่าสนใจมากมาย และยังมีให้เลือกถึง 3 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno5, OPPO Reno5 5G และ OPPO Reno5 Pro 5G
OPPO Reno5 Series 5G สามารถถ่ายวิดีโอได้อย่างสวยงามคมชัด ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะแสงน้อยยามค่ำคืน สภาพแสงจ้าตอนกลางวัน หรือแม้แต่การบันทึกวิดีโอในสภาวะย้อนแสง ด้วยฟีเจอร์ AI Highlight Video ซึ่งเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนที่สามารถเพิ่มคุณภาพของวิดีโอให้คมชัด สว่าง และ เป็นธรรมชาติมากขึ้น
AI Highlight Video คืออะไร
AI Highlight Video เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งาน OPPO Reno5 Series 5G สามารถถ่ายวิดีโอออกมาอย่างสวยงามคมชัดในทุกสภาพแสง โดยใช้ระบบจดจำสภาพแสงอัตโนมัติ และปรับค่าแสงเพื่อให้ได้วิดีโอที่มีคุณภาพสว่างชัดทุกจังหวะ พร้อมให้สีสันที่มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นแม้ในที่แสงน้อยหรือย้อนแสง
AI Highlight Video มีจุดเด่นอย่างไรบ้าง
AI Highlight Video ประกอบด้วยอัลกอริทึม Live HDR เมื่อพบว่าผู้ใช้งานกำลังถ่ายวิดีโอย้อนแสง หรือในฉากที่มีสภาพแสงแตกต่างกัน ที่มีทั้งส่วนมืดและสว่าง รวมอยู่ในฉากเดียวกัน เช่น ภายในอาคารที่มีแสงน้อย แต่มีช่องหน้าต่างและประตูที่มีแสงสว่างผ่านเข้ามา
AI Highlight Video ยังใช้อัลกอริทึม Ultra Night Video สามารถควบคุมฉากที่มีแสงน้อยได้อย่างชาญฉลาด ด้วยการปรับความสว่าง ความอิ่มสี และ ความคมชัด ในการถ่ายวิดีโอได้เป็นอย่างดี โดยจะเปิดใช้งานเมื่อมีการถ่ายวิดีโอในเวลากลางคืน ไม่ว่าจะอยู่ในร่มหรือกลางแจ้ง
ประสบการณ์ถ่ายวิดีโอด้วย AI Highlight Video
AI Highlight Video ช่วยให้สมาร์ทโฟน OPPO Reno5 Series 5G สามารถถ่ายวิดีโอให้ออกมาสว่าง คมชัด ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าของบุคคล หรือ ฉากหลัง และรองรับการใช้งานในทุกสภาพแสง ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวันที่แดดแรง ย้อนแสง หรือ จะเป็นช่วงแสงน้อยในตอนเย็น ไปจนถึงยามค่ำคืนที่ท้องฟ้ามืดแล้ว
สำหรับการถ่ายวิดีโอในตอนกลางวันหรือย้อนแสง AI Highlight Video จะเรียกใช้งาน Live HDR เพื่อทำให้ใบหน้าของบุุคคลที่อยู่ด้านหน้าแสงคมชัดขึ้น และยังมองเห็นรายละเอียดของฉากหลัง เมื่อเทียบกับการปิดโหมดจะเห็นว่าใบหน้าของบุคคลและฉากหลังสูญเสียรายละเอียดไปอย่างชัดเจน
โหมด Live HDR เหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโอบุคคลพร้อมเก็บฉากหลังที่เป็นวิวหรือสถานที่สวยๆ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะย้อนแสงหรือไม่
เมื่อมีการถ่ายวิดีโอในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อย AI Highlight Video จะเปิดโหมด Ultra Night Video เพื่อช่วยเพิ่มความสว่างให้กับบุคคล เห็นใบหน้าชัดเจนขึ้น และทำให้มองเห็นรายละเอียดโดยรวมของฉากหลังได้อย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับการปิดโหมดจะเห็นว่าภาพออกมาดูมืดเลยทีเดียว
โหมด Ultra Night Video เหมาะสำหรับการถ่ายภาพในช่วงเวลากลางคืน ไม่ว่าจะอยู่ภายนอกอาคาร ถ่ายกับฉากหลังที่เป็นไฟประดับสวยๆ หรือ ถ่ายวิดีโอในขณะปาร์ตี้อยู่กับเพื่อนๆ ในร้านอาหาร
สรุป OPPO Reno5 รุ่นไหนเหมาะกับใคร
นอกจาก AI Highlight Video สมาร์ทโฟน OPPO Reno5 Series 5G ยังมีโหมด Dual-view Video (มีในทุกรุ่น) สามารถใช้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังถ่ายวิดีโอได้พร้อมกัน, โหมด AI Mixed Portrait Video (มีเฉพาะใน OPPO Reno5) ที่เป็นการนำ Double Exposure Effect มาใช้ในการถ่ายวิดีโอ สามารถนำวิดีโอจาก 2 ไฟล์ มาซ้อนทับกันด้วยเทคโนโลยี AI ขั้นสูง, ฟิลเตอร์ AI Colour Portrait (มีเฉพาะใน OPPO Reno5 5G และ OPPO Reno5 Pro 5G) เปลี่ยนฉากหลังให้เป็นขาว-ดำ แต่ยังคงภาพสีให้กับตัวบุคคล และฟิลเตอร์ Monochrome Video (มีเฉพาะใน OPPO Reno5 5G และ OPPO Reno5 Pro 5G) สำหรับถ่ายวิดีโอในโทนขาว-ดำ ยกเว้นฉาก วัตถุ หรือ เสื้อผ้า ที่มีสีตามฟิลเตอร์ที่เลือก
ด้วยโหมดถ่ายวิดีโอที่หลากหลายและให้คุณภาพสูงทำให้ OPPO Reno5 Series 5G ได้ชื่อว่าเป็น “สมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายวิดีโอ Portrait สวยที่สุด” นอกจากนี้ ยังได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงาม น้ำหนักเบาจับถือพกพาสะดวก หน้าจอสวยงามขนาดใหญ่ ความจำในตัวสูง และสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว
ทั้งนี้ OPPO Reno5 เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ชื่นชอบในการถ่ายวิดีโอเป็นหลักรวมถึงผู้สร้างคอนเท้นต์ทำ Vlog โดยมีราคาคุ้มค่าที่สุดใน Series เพียง 10,990 บาท ขณะที่ OPPO Reno5 5G ใช้ชิปประมวลผลที่แรงขึ้น เพื่อรองรับ 5G และยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0 เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ 5G ในราคาจับต้องได้ 13,990 บาท สำหรับ OPPO Reno5 Pro 5G ถือเป็นรุ่นบนสุดของ Series จัดเต็มทั้งเรื่องกล้อง ประสิทธิภาพ และเทคโนโลยีต่างๆ ถือเป็นสมาร์ทโฟน 5G ระดับพรีเมี่ยมที่ถ่ายวิดีโอ Portrait สวยที่สุด วางจำหน่ายในราคา 19,990 บาท