ในที่สุดสมาร์ทโฟนเรือธง Mi 11 สุดยอดสมาร์ทโฟนแฟลกชิปรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Xiaomi ก็ได้รับการเปิดตัวทางการในประเทศไทยแล้ว โดยมาพร้อมกับสโลแกน MOVIE MAGIC แสดงให้เห็นว่ามีจุดเด่นในการถ่ายวิดีโอ ด้วยกล้องหลักความละเอียดสูงที่สุดในโลก 108 ล้านพิกเซล และยังถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในประเทศไทย ที่ใช้ Snapdragon 888 ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุดของ Qualcomm ส่วนจะมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร และมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจบ้าง ทีมงาน @flashfly พร้อมแล้วที่จะรีวิวให้ชม
สเปกหลัก Mi 11
- การเชื่อมต่อ 5G Dual Standby, Wi-Fi 6, NFC, IR blaster, USB Type-C
- จอแสดงผล AMOLED ขอบโค้ง 4 ด้าน ขนาด 6.81 นิ้ว
- กล้องหลัง 3 ตัว 108 + 13 + 5 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล
- ลำโพงคู่ ปรับเสียงโดย Harman Kardon ให้คุณภาพเสียงระดับ Hi-Res Audio
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888
- ความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 128GB และ 256GB
- ระบบปฏิบัติการ MIUI 12.5 บนพื้นฐาน Android 11
- แบตเตอรี่ 4,600mAh
- ชาร์จเร็วแบบใช้สาย 55W, ชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W และ ชาร์จไร้สายแบบย้อนกลับ 10W
- ขนาดบอดี้ 164.3 x 74.6 x 8.06 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 196 กรัม
แกะกล่อง
Mi 11 ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีขาว ที่ดูเรียบง่าย สบายตา หน้ากล่องจะพบตัวเลข 11 อย่างเด่นชัด มุมบนซ้ายระบุความละเอียดกล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล อีกมุมติดโลโก้ Mi ใต้เลข 11 บอกว่ารองรับ 5G และมาพร้อมระบบเสียงที่ได้รับการปรับแต่งโดย Harman Kardon
เมื่อยกฝากล่องออกไป สิ่งแรกที่พบจะเป็นซองเอกสารสีขาว มีข้อความว่าออกแบบโดย Xiaomi
เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด แนบมากับซองเอกสารสีขาว
ภายในซองเอกสารจะพบว่าแถมเคสใสมาให้ด้วยโดย Xiaomi บอกว่าป้องกันแบคทีเรียได้ถึง 99%
ที่ขาดไม่ได้ก้คือ คู่มือแนะนำการใช้งาน และบัตรรับประกันภายในกล่อง Mi 11 ไม่ได้แถมหูฟังมาให้ แต่แถม Adapter สำหรับแปลงแจ็คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร เป็น USB Type-C
ถัดลงมาเป็นชั้นวางสมาร์ทโฟน ที่มีแผ่นพลาสติกห่อหุ้มมาอย่างดี พร้อมระบุจุดเด่นไว้ 4 รายการ ได้แก่ กล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล ที่ออกแบบมาเพื่อถ่ายภาพยนตร์, จอแสดงผล WQHD+ ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอ 120Hz, ชิปประมวลผลระดับเรือธง Snapdragon 888 และ รองรับชาร์จเร็วแบบใช้สาย 55W รวมถึงชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W
สมาร์ทโฟน Mi 11 ได้รับการติดฟิล์มป้องกันหน้าจอมาให้แล้ว โดยใช้แผ่นฟิล์มที่มีคุณสมบัติป้องกันเชื้อแบคทีเรีย
ชั้นล่างเป็นช่องเก็บสายเคเบิล USB Type-C to Type-A
นอกจากนี้ เวอร์ชั่นที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ยังคงแถมอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่มาให้ด้วย (55W Power Adapter) ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
ดีไซน์ Quad-curved display กระจก Gorilla Glass Victus
Mi 11 มาพร้อมดีไซน์ Quad-curved display ที่มีขอบมุมโค้งมนทั้ง 4 ด้าน โดยด้านหน้าใช้กระจก Corning Gorilla Glass Victus กันกระแทกได้ดีกว่ากระจกรุ่นก่อน และมีการเคลือบสารป้องกันคราบเหงื่อหรือไขมัน จึงไม่เกิดคราบลายนิ้วมือ แต่ยังสะท้อนแสงได้ดี
ด้านหน้ามาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ความละเอียด WQHD+ ขนาด 6.81 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอ 120Hz และใช้ดีไซน์ DotDisplay เจาะหลุมเพื่อติดตั้งกล้องหน้า
ด้านหลังใช้กระจกผิวด้าน มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Midnight Gray และ Horizon Blue โดดเด่นด้วยกล้องหลัง 3 ตัว ติดตั้งพร้อมแฟลช LED อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมขอบมุมโค้งมน
ขอบด้านข้างมีความบาง 8.06 มิลลิเมตร ติดตั้งปุ่มปรับระดับเสียง และ ปุ่มเพาเวอร์ ไว้ข้างเดียวกัน
ด้านบนมีตะแกรงลำโพง พร้อมข้อความ SOUND BY Harman Kardon ไม่ไกลกันมากนักมีรูไมโครโฟน และ อีกจุดเป็นตำแหน่งของอินฟราเรด IR blaster
ด้านล่างมีถาดใส่ซิมการ์ด รองรับ 5G ทั้ง 2 ซิม สแตนด์บายพร้อมกัน (ไม่รองรับการ์ด MicroSD) ถัดมาเป็นพอร์ต USB Type-C ตามด้วยไมโครโฟน และ ลำโพงอีกตัว
จอแสดงผล 6.81 นิ้ว รีเฟซ 120Hz
Mi 11 มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.81 นิ้ว ขอบมุมโค้งมนทั้ง 4 ด้าน ความละเอียด WQHD+ (3200×1440) สูงกว่า FHD+ เกือบ 1.8 เท่า ความหนาแน่นพิกเซล 515 พิกเซลต่อนิ้ว อัตราส่วนภาพ 20: 9 โดยใช้วัสดุ E4 Organic Electroluminescence ช่วยให้หน้าจอประหยัดพลังงานมากขึ้น 15% ให้อัตราส่วนความคมชัด 5,000,000:1 ความสว่างสูงสุด 1500 นิต (หรือ HBM 900 นิต สำหรับการแสดงผลทั่วไป)
จอแสดงผลของ Mi 11 สนับสนุนการแสดงผลแบบ HDR10+ ให้ขอบเขตสีกว้าง DCI-P3 100% รองรับเทคโนโลยีการแสดงผลสีแบบ 10-bit (ให้สีมากกว่า 8-bit ถึง 64 เท่า) แสดงสีสันอย่างเป็นธรรมชาติ รับชมภาพได้อย่างคมชัดทุกรายละเอียด และยังเป็นจอแสดงผลแบบ TrueColor ที่ให้สีสันแม่นยำแบบจอแสดงผลระดับโปร ด้วยค่า ΔE ≈ 0.41 และ JNCD ≈ 0.38
สมาร์ทโฟน Mi 11 ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Super Resolution ช่วยยกระดับวิดีโอให้มีความละเอียดเพิ่มขึ้นสูงสุด 3 เท่า โดยไม่เพิ่มปริมาณการใช้ข้อมูล อย่างเช่นวิดีโอต้นฉบับ 240p จะถูกปรับปรุงให้มีความละเอียด 720p หรือ วิดีโอต้นฉบับ 360p จะถูกปรับปรุงให้มีความละเอียด 1080p และ วิดีโอต้นฉบับ 480p / 720p จะถูกปรับปรุงให้มีความละเอียด 1440p หมายความว่า Mi 11 สามารถเปิดดูวิดีโอเก่าๆ ที่มีความละเอียดต่ำได้คมชัดกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป ที่ไม่มีเทคโนโลยี Super Resolution
จอแสดงผลของ Mi 11 ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอ 120Hz พร้อม AdaptiveSync สามารถปรับอัตราการรีเฟรชในช่วง 30Hz / 60Hz / 90Hz / 120Hz ตามคอนเท้นต์ที่กำลังใช้งานหรือรับชม และให้อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 480Hz
เรียกได้ว่าจอแสดงผลของ Mi 11 ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้รับชมภาพยนตร์อย่างแท้จริง สามารถบันทึกวิดีโอแบบ HDR10+ และเปิดชมได้ทันที การันตรีคุณภาพหน้าจอด้วยคะแนน A+ จาก DisplayMate และยังสร้างสถิติใหม่ถึง 13 รายการ จากการทดสอบของ DisplayMate
นอกจากนี้ จอแสดงผลของ Mi 11 ยังได้รับการปกป้องด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus ต้านทานรอยขีดข่วนได้ดีขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับ Gorilla Glass 6 สามารถป้องกันการตกจากความสูงลงบนพื้นหยาบถึง 2 เมตร และยังให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพของดวงตา โดยผ่านการรับรองจาก SGS Eye Care Display Certification
ระบบความปลอดภัย
Mi 11 ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล ซึ่งเป็นวิธีการปลดล็อคที่สะดวกกว่าวิธีการสแกนใบหน้า เนื่องจากในปัจจุบันต้องสวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลา เมื่อออกไปทำธุระนอกบ้าน โดยตัวเซ็นเซอร์สามารถสแกนและปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และนอกจากจะใช้สแกนลายนิ้วมือได้แล้ว ยังใช้ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจได้อีกด้วย
สำหรับการใช้งานในบ้านหรือในห้องที่ไม่มีความจำเป็นต้องสวมหน้ากาก ก็สามารถใช้วิธีสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคหน้าจอได้เช่นกัน โดยใช้ AI เข้ามาช่วยจดจำใบหน้า เพื่อให้มีความปลอดภัยมากขึ้น
กล้องหน้า 20MP
Mi 11 ใช้จอแสดงผลแบบ DotDisplay ที่มีการเจาะหลุมขนาดเล็กไว้ที่มุมบนหน้าจอ เพื่อวางกล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดพิกเซล 0.8μm, 1.6μm 4-in-1 Super Pixel และ รูรับแสง f/2.2 สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ในที่แสงน้อยหรือในเวลากลางคืนด้วยโหมด Selfie Night
กล้องหน้าของ Mi 11 สามารถถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียดสูงสุด 1080p (1920×1080) 60 เฟรมต่อวินาที มีโหมดถ่ายวิดีโอในรูปแบบ HDR และโหมด Slow motion 720p (1280×720) 120 เฟรมต่อวินาที
กล้องหลัง 108MP ถ่ายวิดีโอ 8K
Mi 11 ถูกสร้างมาเพื่อให้ผู้ใช้งานถ่ายภาพได้แบบมือโปร และถ่ายวิดีโอได้อย่างผู้กำกับ ด้วยระบบกล้องหลัง 3 ตัว ที่ประกอบด้วยกล้อง Wide ความละเอียดสูงที่สุดในโลก 108 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพได้คมชัด เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน มาพร้อมกล้อง Ultra Wide เก็บภาพในมุมมองกว้าง 123 องศา และกล้อง Telemacro ช่วยให้ภาพทิวทัศน์มีความคมชัดขึ้น และยังช่วยให้ภาพที่ต้องการเน้นรายละเอียดมีเอฟเฟกต์ Bokeh ที่สวยงาม โดยกล้องแต่ละตัวมีรายละเอียดแตกต่างกันดังนี้
- กล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.33″ ขนาดพิกเซล 0.8μm, 1.6μm 4-in-1 Super Pixel รูรับแสง f/1.85 ระบบกันสั่น OIS
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 123 องศา รูรับแสง f/2.4
- กล้อง Telemacro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 มีระบบออโต้โฟกัสที่ระยะ 3 – 10 เซนติเมตร
สำหรับโหมดถ่ายภาพนั่นมีให้ใช้งานครบโดยเมนูหลักมีดังนี้ Pro โหมดสำหรับการปรับค่าต่างได้ตามใจ,Video โหมดวิดีโอ,Photo โหมดถ่ายภาพทั่วไป, Portrait โหมดถ่ายภาพบุคคล
กล้องหลังของ Mi 11 สามารถถ่ายตั้งแต่ระยะ 0.6x หรือ Ultra Wide 123 องศา 1x ,2x ,5x ,10x และไกลสุดที่ 30x โดยสามารถให้ภาพถ่ายที่คมชัด ขณะที่โหมดวิดีโอซูมได้ไกลสุด 6 เท่า
โหมดถ่ายภาพ Portrait นั้นมีลูกเล่นใหม่ที่ชื่อว่า Conematic effects ที่จะแสดงเอ็ฟเฟ็คไฟนีออนสวยๆมีให้เลือกถึง 9 แบบในการถ่ายภาพบุคคลที่คล้ายกล้องฟิล์มไม่เหมือนใคร รองรับทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังอีกด้วย
สำหรับการถ่ายภาพที่ทำได้อย่างน่าทึ่งมากๆในรุ่นนี้ก็คือ Telemacro ที่สามารถถ่ายวัตถุระยะใกล้ได้คมชัดแล้ว ยังสามารถซูมเข้าไปได้อีกด้วย ทำให้เห็นรายละเอียดระยะใกล้แบบสุดๆแทบไม่น่าเชื่อว่าใช้กล้องมือถือถ่ายได้
และเมื่อกด more เข้าไปจะมีโหมดถ่ายภาพต่างๆให้เลือกใช้งานอีกเยอะมากดังนี้ Night โหมดถ่ายภาพกลางคืน, 108 โหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซล ,Short Video ถ่ายคลิปสั่นลงโซเซียล,Panorama ถ่ายภาพมุมกว้าง ,Document สำหรับถ่ายเอกสาร,VLOG ถ่ายคลิปสั้นพร้อมตัดต่อใส่เอ็พเฟ็คให้เลย,Slow motion ถ่ายได้ที่ 480fps เลยทีเดียว,
Time-lapse โหมดถ่ายวิดีโอแบบเร่งเวลา, Dual video ถ่ายวิดีโอพร้อมกัน 2 กล้อง,Movie effect ฟีเจอร์เด็ดของรุ่นนี้เลย,Long exposure โหมดสำหรับถ่ายไฟเป็นเส้น ถ่ายดวงดาว,Supermoon สำหรับถ่ายพระจันทร์โดยเฉพาะ และ Clone โหมดถ่ายภาพก็อปปี้ร่างตัวเองออกมาหลายๆคนในเฟรม
โหมดถ่ายภาพในเวลากลางคืนของสมาร์ทโฟน Mi 11 ออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มแสง และลดการเปิดรับแสง เพื่อให้ได้ภาพที่มีความสว่าง ให้รายละเอียดคมชัด สามารถใช้ได้ทั้งกล้องหลัก หรือ กล้อง Wide และกล้อง Ultra Wide ที่เหมาะสำหรับเก็บภาพวิวทิวทัศน์ยาวค่ำคืน รวมถึงใช้ได้กับกล้องหน้าด้วย
นอกจากการถ่ายภาพนิ่ง Night Mode ยังใช้ได้กับการบันทึกวิดีโอด้วย โดยเรียกว่า Ultra Night Video สามารถลดจุดรบกวน หรือ Noise ในระดับไฟล์ RAW แบบเรียลไทม์ ทำงานร่วมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS + EIS และเซ็นเซอร์กล้อง 1/1.33″ ขนาดพิกเซล 1.6μm 4-in-1 Super Pixel เพื่อให้ภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อยมีความคมชัดยิ่งขึ้น
สำหรับใครที่ถ่ายภาพเวลาไปเที่ยวท้องฟ้าไม่เป็นใจ อาจจะเจอฝนตก สภาพอากาศไม่สดใส ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะเราสามารถแก้ไขท้องฟ้าได้ตามใจด้วย Mi 11 เครื่องเดียว จะเปลี่ยนจากกลางวันให้เป็นกลางคืนก็ทำได้ในคลิกเดียว แถมยังใส่เอ็ฟเฟ็คให้เป็นวิดีโอพร้อมมีเพลงประกอบได้อีกด้วย
สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการถ่ายภาพนางแบบหรือนายแบบที่อยู่หน้าสถานที่สวยๆ แต่กลับมีคนพลุกพล่าน AI Erase 2.0 สามารถแก้ปัญหาได้ง่ายๆ ด้วยเทคโนโลยี AI ลบบุคคลหรือวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพได้อย่างง่ายดาย จนดูเหมือนไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้น และยังมีเครื่องมือช่วยลบเส้นที่ไม่ต้องการได้ เช่น เส้นสายไฟที่พาดผ่านอยู่ในฉาก
MOVIE MAGIC
กล้องระดับสตูดิโอของ Mi 11 ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การถ่ายวิดีโอโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องกล้อง สามารถถ่ายวิดีโอได้อย่างมืออาชีพ เสมือนเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ โดยอาศัยเทคโนโลยี AI เข้ามาทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น จึงเป็นที่มาของสโลแกน MOVIE MAGIC
Mi 11 ได้สร้างยามใหม่อีกขั้นของอุตสาหกรรมกล้องสมาร์ทโฟน ด้วยเทคโนโลยีการบันทึกภาพแบบ HDR10+ ที่มีระบบควบคุมการบันทึกภาพระดับเดียวกับสตูดิโอถ่ายภาพยนตร์ และสามารถเปิดชมวิดีโอแบบ HDR10+ ได้ทันที เนื่องจากจอแสดงผลของ Mi 11 สนับสนุนมาตรฐาน HDR10+ เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังมีโหมด Pro Time-lapse ที่สามารถปรับความเร็วชัตเตอร์ ค่า ISO รูรับแสง หรือระบบชดเชยแสง ให้เหมาะสมกับสภาพแสงต่างๆ ได้เอง แม้ในสภาพแสงที่ไม่เป็นใจ
Movie effects
One-Click AI Cinema ช่วยให้เจ้าของสมาร์ทโฟน Mi 11 สามารถถ่ายวิดีโอได้เหมือนเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ และทำได้ง่ายๆ เพียงคลิกเดียว โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI และมีฟีเจอร์ให้เลือกใช้ถึง 6 แบบ วิธีใช้งานให้เปิดกล้องแล้วไปที่ more จากนั้นเลือก Movie effects จะมีให้เลือกใช้งานดังนี้
- Magic Zoom สามารถซูมเฉพาะฉากหลัง ทำให้ดูเหมือนฉากหลังกำลังเคลื่อนที่เข้ามา ถือเป็นอีกเทคนิคการถ่ายทำที่พบได้บ่อยๆ ในภาพยนตร์
- Slow Shutter เหมาะสำหรับบันทึกภาพเคลื่อนไหวในเวลากลางคืน ที่มีฉากหลังเต็มไปด้วยแสงไฟจากตึก ป้าย และยานพาหนะ ทำให้ภาพถูกโฟกัสไปที่ตัวบุคคล
- Time Freeze สามารถหยุดบุคคลหรือวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวให้นิ่งได้ แต่ก็สามารถเลือกบุคคลอื่นที่ยังเคลื่อนไหวตามปกติ
- Night Time-lapse ช่วยให้การถ่ายภาพเคลื่อนไหวแบบ Time-lapse ในเวลากลางคืนสวยงามยิ่งขึ้น
- Parallel World จำลองและกลับฉากหลังให้ราวกับว่าบันทึกภาพเคลื่อนไหวอยู่ในโลกที่มีแต่กระจก คล้ายฉากในภาพยนตร์เรื่อง Upside Down ที่ออกฉายในปี 2012
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Freeze Frame Video สามารถหยุดและจำลองเฟรมหนึ่งของภาพเคลื่อนไหว ทำให้ได้ดูเหมือนว่าส่วนหนึ่งของคลิปวิดีโอนั้นถูกหยุดเวลาไว้ คล้ายกับการก็อปปี้ร่างตัวเองออกมาหลายๆคนในเฟรมนั้นเอง วิธีการใช้งานให้เปิดกล้องแล้วเข้าไปที่ more เลือก Clone จะมีลูกเล่นให้เลือกทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ รวมถึง Freeze Frame แบบวิดีโอเชื่อว่าเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนชอบแน่นอน
นอกจากนี้การถ่ายวิดีโอด้วย Mi 11 ยังมีฟิลเตอร์ Cinematic มากถึง 8 แบบ ได้แก่ Fantasy, Tango, Slumber, Lime, Bleach Bypass, Summer, Mystery และ Carman ทำให้วิดีโอที่บันทึกด้วยกล้องหลังของ Mi 11 มีโทนสีภาพแบบภาพยนตร์ และเหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโอในฉากที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ประสิทธิภาพ Snapdragon 888 รุ่นแรกในตลาด
Mi 11 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลก ที่ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 888 ชิปเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดและดีที่สุดของ Qualcomm ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีการผลิต 5 นาโนเมตร ประกอบด้วยซีพียูแบบ Octa Core ที่มีเทคโนโลยี Arm Cortex-X1 ให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น 25% มาพร้อมจีพียู Adreno 660 ให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น 35% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน รองรับการเล่นเกมที่ความละเอียด 2K HDR ที่ 120 เฟรมต่อวินาที
ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888 ใช้ AI Engine รุ่นที่ 6 สามารถประมวลผล 26 ล้านล้านรายการต่อวินาที (26 TOPS) ให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น 70%
สามารถเล่นเกมดังไม่ว่าจะเป็น ROV ,PUBG Mobile,Call Of Duty Mobile หรือเกมที่มาแรงอย่าง Genshin Impack ก็ได้แบบดีที่สุดทั้งกราฟิกและเฟรมเรทสูงระดับ 60 FPS ได้อย่างสบายๆ
และยังมาพร้อมชิปโมเด็ม 5G ในตัว (Snapdragon X60) สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 7.5Gbps อีกทั้งยังสนับสนุนการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐานใหม่ล่าสุด สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 3.5Gbps
นอกจากชิปประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูง สมาร์ทโฟน Mi 11 ยังมีระบบระบายความร้อน LiquidCool รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาให้รองรับการเล่นเกมหรือการประมวลผลที่ใช้พลังสูง
ด้านความจำ Mi 11 มาพร้อม RAM 8GB แบบ LPDDR5 ความเร็ว 3,200MHz ช่วยให้อัตราการถ่ายโอนข้อมูลเร็วขึ้นจาก 5,500 Mbps เป็น 6,400 Mbps ส่วนความจุภายในเป็นแบบ UFS 3.1 มีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 128GB และ 256GB แต่ไม่สนับสนุนการ์ดความจำภายนอก
SOUND BY Harman Kardon
สมาร์ทโฟนเรือธง Mi 11 มีจอแสดงผลที่โดดเด่น ให้ภาพสวยงามคมชัด เหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์ ขณะที่ประสิทธิภาพก็ทรงพลัง รองรับการเล่นเกมระดับ 2K HDR ที่ 120 เฟรมต่อวินาที และเพื่อทำให้คอนเท้นต์เหล่านั้นมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น จึงขาดไม่ได้ที่ต้องมีระบบเสียงที่ยอดเยี่ยมด้วย และ Mi 11 ก็มาพร้อมลำโพงคู่ ติดตั้งไว้ที่ด้านบนกับด้านล่าง ให้คุณภาพเสียงระดับไฮเอนด์ โดยได้รับการปรับแต่งเสียงจากผู้เชี่ยวชาญของ Harman Kardon เพื่อให้ได้เสียงที่น่าฟัง ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังพลง หรือ เล่นเกม
แบตเตอรี่ 4,600mAh ชาร์จเร็ว 55W
Mi 11 ได้รับแบตเตอรี่ความจุ 4,600mAh ให้อายุการใช้งานยาวนานตลอดทั้งวัน รองรับการชาร์จแบบใช้สาย 55W โดยแถมมอุปกรณ์ชาร์จ 55W GaN มาให้ในกล่อง ใช้เวลาชาร์จจนเต็ม 100% ในเวลาเพียง 45 นาที และยังสนับสนุนการชาร์จแบบไร้สาย 50W ใช้เวลาชาร์จจนเต็ม 100% ในเวลา 53 นาที นอกจากนี้ Mi 11 ยังรองรับ Reverse Wireless Charging สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์อื่นแบบไร้สาย ที่กำลังไฟ 10W
ระบบปฏิบัติการ MIUI 12
Mi 11 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ MIUI 12 แต่กำลังจะได้รับการอัพเดทเป็น MIUI 12.5 ในเร็วๆ นี้ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ ทำให้อัตราการใช้ CPU ลดลงถึง 22% และลดอัตราการใช้พลังงานลงได้ถึง 15 % ส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยรวม และการประมวลผลกราฟิกลื่นไหลกว่าเดิม
MIUI 12.5 ช่วยให้หน้าจอลื่นไหลกว่า MIUI เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ การเคลื่อนไหวและการตอบสนองของหน้าจอ จะประมวลผลโดยใช้แกนประมวลผลเดียว คำสั่งต่างๆ จึงจะต้องรอการประมวลผลจาก CPU กลาง หากมีคำสั่งรอในระบบมากไปก็จะทำให้การเคลื่อนไหวและการตอบสนองหน้าจอช้าลงหรือค้าง MIUI 12.5 ออกมาแบบให้รองรับการเคลื่อนไหวและการตอบสนองของหน้าจอที่รวดเร็วยิ่งกว่าเดิมเนื่องจากมีการใช้แกนประมวลผลเฉพาะ จึงตอบสนองได้ทันทีและไม่มีคำสั่งอื่นในระบบมาแทรกได้
ที่น่าสนใจก็คือ MIUI 12.5 สามารถถอนการติดตั้งแอพพลิเคชั่นส่วนใหญ่ที่มากับระบบได้โดยไม่ต้องรูทเครื่อง และยังสามารถเลือกซ่อนแอพที่ฝังมากับแกนของระบบได้ คาดว่า Mi 11 จะได้รับการอัพเดทเป็น MIUI 12.5 ภายในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ พร้อมกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ อย่าง Mi 10T, Mi 10T Pro, Mi 10, Mi 10 Pro และยังมีอีก 11 รุ่น ที่จะได้รับการอัพเดตในรอบถัดไป
สรุป
ด้วยชิปประมวลผลเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดและดีที่สุดของ Qualcomm ในปัจจุบันนี้ ทำให้ Mi 11 เป็นสมาร์ทโฟน Android ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดหนึ่งรุ่น แต่นอกจากนั้น Mi 11 ยังได้รับการปรับปรุงคุณภาพกล้องให้สามารถถ่ายภาพในเวลากลางคืนได้อย่างสวยงาม ทั้งในสภาพแสงตอนกลางวัน และยามค่ำคืน โดยให้ความสำคัญอย่างมากในการถ่ายวิดีโอได้แบบมืออาชีพ อีกทั้งยังมีจอแสดงผลขนาดใหญ่และให้ความคมชัดไม่เป็นรองใคร
สรุปแล้ว Mi 11 ถูกสร้างมาสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่มีประสิทธิภาพสูงรอบด้าน ทั้งกล้อง หน้าจอ การประมวลผล ระบบเสียง และยังได้รับการปรับปรุงแบตเตอรี่ ให้ชาร์จได้เร็วขึ้น รวมถึงชาร์จไร้สายให้กับอุปกรณ์ได้อีกด้วย
Mi 11 มีให้เลือก 2 สี Midnight Gray และ Horizon Blue ขนาด 2 ความจุ ได้แก่
- RAM 8 GB + ROM 128 GB ราคา 21,990 บาท (พรีออเดอร์บนช่องทางออนไลน์เท่านั้น)
สามารถสั่งจองได้ที่
Lazada : http://bit.ly/37FgmHTLazadaMi11
Shopee : http://bit.ly/3aNqtwxShopeeMi11
JD Central : http://bit.ly/3keOKyxJDMi11
Thisshop : http://bit.ly/3kgR5ZHThisshopMi11
BaNANA : http://bit.ly/3bvW7OaBaNANAMi11
Jaymart : http://bit.ly/2ZJ0UGoJaymartMi11
TG FONE : https://bit.ly/3pIw4bG
- RAM 8 GB + ROM 256 GB ราคา 23,990 บาท สามารถสั่งจองได้ที่ AIS, Dtac, True, BaNANA, BKK, Kingkong Phone, Jaymart, TG FONE, Mi Stores และร้านค้าที่ร่วมรายการ
Mi 11 เปิดให้พรีออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 12 มีนาคม 2564 พร้อมรับฟรี ของสมนาคุณสุดพิเศษ Mi Smart Speaker มูลค่า 1,690 บาท ทั้งนี้ ลูกค้าที่ซื้อ Mi 11 จากช่องทางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ของเสียวหมี่ และเปิดใช้งานเครื่องภายในประเทศไทย จะได้รับ การรับประกันตัวเครื่อง 24 เดือน และ การรับประกันคุ้มครองหน้าจอ 12 เดือน อีกด้วย (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.mi.com/global/service/warranty)
Mi 11 จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 13 มีนาคม เป็นต้นไป ณ ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ร่วมรายการ