Capcom ได้เปิดช่องทางใหม่ของซีรีส์ Monster Hunter บนภาค Monster Hunter Rise โดยหลังจากที่ได้ส่ง Monster Hunter World ที่ได้รับกระแสตอบรับดีมากในแถบยุโรปและเป็นหนึ่งในเกมที่ขายดีตลอดกาล แต่ Capcom ก็จำต้องตัดฟีเจอร์เด่นบางประการที่อยู่คู่เคียงกับซีรีส์นี้มาโดยตลอดนั่นก็คือ ความสามารถในการพกพาและการเล่นแบบ Local Multiplayer ออกไป
ซึ่งหลังจากที่ Capcom ได้ส่ง Monster Hunter World ออกลงตลาด Nintendo Switch ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากทั่วโลก ทำให้ฟีเจอร์ที่ถูกตัดไปเหล่านี้กลับมาอีกครั้งใน Monster Hunter Rise นี้ โดย Producer ของเกมได้กล่าวเอาไว้ว่าการที่ปล่อย Monster Hunter Rise ลง Switch จะทำให้ผู้เล่นเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม เล่นได้ทุกที่ทุกเวลา แม้กระทั่งก่อนนอนก็สามารถลงดันล่ามอนสเตอร์ได้
แต่ปัญหาบนเครื่อง Switch นั้นก็คือขุมพลังที่จำกัด โดย Monster Hunter นั้นเริ่มมาจากเกมที่แบ่งเป็นแม็พและมีหน้าต่างดาวน์โหลดเวลาเคลื่อนย้ายไปอีกที่ แต่สำหรับ Monster Hunter Rise แล้วนั้นจะไม่มีหน้าต่างดาวน์โหลดอีกต่อไป เป็นโลกเดียวไร้รอยต่อและถือว่ากราฟิกบน Switch นั้นก็ทำได้ออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ถึงแม้ว่าจะยังเทียบ Monster Hunter World ไม่ได้ก็ตาม โดยแผนแรกสุดของการพัฒนาคือการใช้หน้าจอโหลดดั้งเดิม แต่จาก Monster Hunter World ที่ไร้รอยต่อ Capcom เลยตัดสินใจที่จะทำแบบนี้บ้างใน Monster Hunter Rise และพวกเขารู้สึกยินดีมากที่ตัดสินใจพัฒนาระบบนี้ลงภาค Rise
ในโลกของ Monster Hunter Rise นั้นก็จะมีมิติมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่ด้านหน้าด้านหลัง มีเหาะเหินเดินอากาศเพื่อให้สมกับชื่อ “Rise” จึงได้มีเกมเพลย์การเล่นการขี่บนหลังเสือ Palamute และ Wirebug เพิ่มเติมขึ้นมา และยังมีการเพิ่มจุดบอกตำแหน่งมอนสเตอร์ตั้งแต่เริ่ม ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อทำให้เกมนั้นง่ายขึ้น แต่ทำให้ผู้เล่นนั้นต้องคิดว่าจะใช้วิธีการอย่างไรในการไปถึงตัวมอนสเตอร์นั้นให้ได้นั่นเอง
การมาของ Monster Hunter Rise นั้น Capcom ได้กล่าวเอาไว้ว่าเกมนี้ยังคงความเป็น Monster Hunter ที่เหล่าแฟนๆ ยังคงชื่นชอบ และมีคุณภาพครบเครื่องดั้งเดิมไม่มีการลดทอนในด้านเกมเพลย์ใดๆ ถึงแม้ว่าจะลงให้กับ Nintendo Switch ที่มีสเป็คจำกัดก็ตาม
โดย Monster Hunter Rise ก็เตรียมลงให้กับ PC ในช่วงต้นปี 2022 แต่สำหรับชาว Nintendo Switch นั้นก็เตรียมเล่นกันได้ในวันที่ 26 มีนาคมนี้
ที่มา – theverge