หลังจากทีมงาน @flashfly ได้แกะกล่องไปแล้วก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็ได้เวลาของการรีวิว realme Watch S Pro สมาร์ทวอทช์ดีไซน์พรีเมี่ยม ที่มาพร้อมสโลแกน “มือโปรอย่างมีสไตล์” โดยใช้หน้าปัดวงกลมแบบเดียวกับ realme Watch S แต่ก็มีรายละเอียดในด้านดีไซน์ที่แตกต่างกันเล็กน้อย เริ่มจากตัวเรือนที่ใช้วัสดุสแตนเลสสตีล ให้ความหรูหรามากขึ้น (รุ่นก่อนหน้าใช้วัสดุอะลูมิเนียม) และในรุ่นใหม่ยังมีขนาดหน้าจอใหญ่กว่าเล็กน้อย
สเปกหลัก realme Watch S Pro
- จอแสดงผล AMOLED ความละเอียด 454 x 454 พิกเซล ขนาด 1.39 นิ้ว
- ป้องกันน้ำในระดับ 5ATM สวมใส่ว่ายน้ำได้
- โหมดติดตามการออกกำลังกาย 15 ประเภท
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง, วัดระดับออกซิเจนในเลือด, ติดตามการนอนหลับ
- ควบคุมการใช้งานบางฟีเจอร์บนสมาร์ทโฟน และรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนที่จับคู่
- เซ็นเซอร์ ตรวจจับลักษณะการเคลื่อนไหว, ตรวจจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า, ตรวจจับลักษณะการหมุน, ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ, ตรวจจับการสวมใส่
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
- ทำงานร่วมกับแอพ realme Link รองรับอุปกรณ์ Android 5.0 ขึ้นไป และ iOS 9.0 ขึ้นไป
- แบตเตอรี่ 420mAh ให้อายุการใช้งานยาวนาน 14 วัน
- ขนาด 257.6 x 46 x 11.1 มิลลิเมตร (รวมสายนาฬิกา)
- น้ำหนัก 63.5 กรัม (รวมสายนาฬิกา)
ดีไซน์พรีเมียม
ตัวเรือน realme Watch S Pro ผลิตจากวัสดุแสนเลสสตีล เกรด SUS316L ที่มีความทนทาน พื้นผิวได้รับการขัดเงาที่ด้านหน้า ด้านข้าง และปิดท้ายด้วยการเคลือบแบบ PVD+AF เพื่อให้เกิดเอฟเฟกต์ภาพระดับพรีเมียม
realme Watch S Pro ใช้จอแสดงผล AMOLED ระบบสัมผัส ขนาด 1.39 นิ้ว ได้รับการป้องกันด้วยกระจก 2.5D Corning Gorilla Glass
ด้านหลังติดตั้งเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจที่ได้รับการอัพเกรด และมีขั้วแม่เหล็กสำหรับแนบติดกับอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่
ด้านข้างมีปุ่มกด 2 ปุ่มเหมือนกับรุ่นก่อน ปุ่มบนใช้กดเปิดเมนูหลัก (กดอีกครั้งจะกลับหน้าจอโฮม) ปุ่มล่างกดเพื่อเปิดโหมดติดตามออกกำลังกาย ส่วนการนำทางและเปิดแอพหรือฟีเจอร์ต่างๆ ใช้วิธีการแตะหรือปัดบนหน้าจอ
สายนาฬิกา สามารถถอดเปลี่ยนได้ โดยมีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ ซิลิโคน (สีน้ำเงิน/สีเขียว/สีส้ม), หนังวีแกน (สีน้ำเงิน/สีเขียว/สีน้ำตาล) และ แสตนเลสสตีล (สีดำ)
realme Watch S สามารถต้านทานน้ำที่ระดับ 1.5 เมตร นานสูงสุด 30 นาที ตามมาตรฐาน IP68 แต่ realme Watch S Pro ได้รับมาตรฐานทนน้ำระดับ 5ATM ป้องกันแรงดันน้ำที่ 50 เมตร
หน้าจอ AMOLED คมชัด
realme Watch S Pro ใช้จอแสดงผล AMOLED ความละเอียด 454 x 454 พิกเซล ขนาด 1.39 นิ้ว (326 พิกเซลต่อนิ้ว) ความคมชัดสูงถึง 100,000:1 ให้ความสว่างสูงสุด 450 นิต ปรับระดับความสว่างได้ 5 ระดับ พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับความสว่าง สามารถปรับค่าความสว่างตามสภาพแวดล้อมโดยอัตโนมัติ ควบคุมการใช้งานผ่านระบบสัมผัส ซึ่งตอบสนองได้สัมผัสอย่างลื่นไหล
จอแสดงผลของ realme Watch S Pro รองรับโหมด Always-On Display (AOD) แสดงเวลาอยู่ตลอดเวลาโดยไม่เปลืองพลังงานของแบตเตอรี่ และสามารถเลือกที่จะเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้ได้
นอกจากนี้ ยังมีหน้าปัดให้เลือกเปลี่ยนมากกว่า 100 แบบ ที่ร่วมกันสร้างโดยผู้ใช้งานและนักออกแบบที่มีชื่อเสียง สำหรับการใช้งานหน้าจอนั้นรองรับการสั่งงานด้วยระบบสัมผัสหน้าจอหรือปัดบนหน้าจอไปมาดังนี้
- ปัดขวา – หน้า Quick Setting ตั้งค่าต่างๆ โหมดประหยัดพลังงาน ไฟฉาย ระดับความสว่างหน้าจอ โหมดห้ามรบกวน การเปิดหน้าจอเมื่อพลิกข้อมือ รวมถึงบอกปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่
- ปัดซ้าย – แสดงแอพพื้นฐานการออกกำลังกาย สภาพอากาศ การนอนหลับ วัดอัตราการเต้นหัวใจ และตัวควบคุมเพลง
- ปัดขึ้น – แสดงหน้ารวมแอพทั้งหมด รวมถึงการตั้วค่าต่างๆ
- ปัดลง – แสดงการแจ้งเตือนทั้งหมด
ถ้าต้องการเปลี่ยนหน้าตา Watch Face ให้แตะค้างบนหน้าจอแล้วเลื่อนเปลี่ยนตามใจได้เลย นอกจากนี้สามารถเลือกได้อีกเพียบผ่านทางแอพ realme Link
ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง
realme Watch S Pro ใช้เทคนิค PPG ในการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ โดยใช้เซ็นเซอร์ที่ได้รับกาปรับปรุงให้มีความแม่นยำมากขึ้น สำหรับเทคนิค PPG จะใช้วิธีการปล่อยแสงสีเขียวที่ติดตั้งอยู่ที่ด้านหลังตัวเรือน ส่องแสงที่มีความคงที่ลงไปใต้ผิวหนัง เพื่อตรวจสอบความเข้มของเลือดตามแรงสูบฉีดของหัวใจ และสะท้อนกลับ เพื่อคำนวณเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ
realme Watch S Pro สามารถตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจทุก ๆ 5 นาที ตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าหากมีอัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ ไม่ว่าจะสูงหรือต่ำเกินไป จะส่งสัญญาณเตือนผู้สวมใส่ทันที
ตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2)
นอกจากวัดอัตราการเต้นของหัวใจ realme Watch S Pro ยังสามารถวัดระดับออกซิเจนในเลือด ได้อีกด้วย โดยมีความแม่นยำสูง เทียบเท่ากับเครื่องมือทางการแพทย์
การวัดระดับออกซิเจนในเลือด ใช้วิธีการคล้ายกับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ คือ ใช้วิธีการส่องแสงจากเซ็นเซอร์ผ่านผิวหนัง และตรวจสอบปริมาณแสงที่ถูกดูดซับ เพื่อคำนวณหาค่าออกมา และถ้าหากระดับออกซิเจนในเลือดต่ำเกินไป หมายความว่าเซลล์ในร่างกายรับออกซิเจนได้ไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อสุขภาพ (โดยปกติแล้ว ระดับออกซิเจนในเลือดควรอยู่ที่ 95 – 100%)
ติดตามการออกกำลังกาย 15 ประเภท
realme Watch S Pro เพียบพร้อมไปด้วยโหมดติดตามการออกกำลังกายที่ครอบคลุม 15 ประเภท ได้แก่ วิ่งกลางแจ้ง, วิ่งในร่ม, เดินกลางแจ้ง, เดินในร่ม, ปั่นจักรยานกลางแจ้ง, ปั่นจักรยานในร่ม, เดินทางไกลด้วยเท้า, ว่ายน้ำ, บาสเกตบอล, โยคะ, เครื่องออกกำลังกายกรรเชียงบก, เครื่องเดินวงรี, คริกเก็ต, การฝึกความแข็งแรง และ Free workout
โหมดว่ายน้ำใหม่ล่าสุด
realme Watch S Pro ได้รับการออกแบบมาให้ต้านทานน้ำในระดับ 5ATM ป้องกันแรงดันน้ำที่ 50 เมตร จึงสวมใส่ในระหว่างว่ายน้ำในสระได้อย่างสบายใจ และมาพร้อมโหมดว่ายน้ำใหม่ล่าสุด สามารถบันทึกข้อมูลการว่ายน้ำของได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงการนับ SWOLF (ฝึกว่ายน้ำโดยเน้นทำเวลาให้น้อยที่สุด และใช้จำนวน Stroke ให้น้อยที่สุด), คำนวณแคลอรี, วัดระยะทาง และหาค่าเฉลี่ยในแต่ละ Pace
ฟีเจอร์อื่นๆด้านสุขภาพ
realme Watch S Pro ยังมีฟังก์ชั่นด้านสุขภาพที่ครอบคลุมมากที่สุด และสามารถใช้งานได้จริง เช่น นับจำนวนการก้าวเดิน, แจ้งเตือนให้ขยับร่างกาย, ติดตามสุขภาพการนอนหลับ, แจ้งเตือนให้ดื่มน้ำ และ โหมดทำสมาธิเพื่อผ่อนคลาย
GPS Dual-Satellite ความแม่นยำสูง
realme Watch S Pro รองรับระบบติดตามตำแหน่งแบบ Dual-Satellite (เมื่อเปิด GPS และ Glonass ออนไลน์ในเวลาเดียวกัน) โดยใช้เซ็นซอร์ GPS ที่มีความแม่นยำสูง และใช้พลังงานต่ำ ช่วยบันทึกเส้นทางในระหว่างออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง เดิน จ็อกกิ้ง หรือ ขี่จักรยาน
จับคู่กับสมาร์ทโฟนผ่านแอพ realme Link
realme Watch S Pro สนับสนุนการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน ทั้งระบบปฏิบัติการ Android (เวอร์ชั่น 5.0 ขึ้นไป) และ iOS (เวอร์ชั่น 9.0 ขึ้นไป) โดยจับคู่กันผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
หลังจากจับคู่กับสมาร์ทโฟน ผู้ใช้งานจะได้รับการแจ้งเตือนจากทุกแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน และแสดงไอคอนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงการโทร SMS หรือข้อความจากแอพพลิเคชั่นต่างๆ อาทิ Facebook, WhatsApp, Instagram และแอพอื่นๆ ผ่านหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น จึงสามารถแสดงข้อมูลได้มากกว่า และง่ายต่อการอ่าน
realme Watch S Pro สามารถปลดล็อกสมาร์ทโฟนโดยอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้ และทำงานได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มความสะดวกในการปลดล็อคสมาร์ทโฟนที่กำลังจับคู่ แทนการใช้วิธีสแกนลายนิ้วมือหรือสแกนใบหน้า โดยเฉพาะการสแกนใบหน้าที่ในยุคปัจจุบันนี้มีความยุ่งยากมากขึ้น เพราะต้องสวมหน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา
ผู้ใช้งาน realme Watch S Pro ยังสามารถควบคุมการเปิด/ปิด, ปรับระดับเสียงเพลง, สลับเพลง บนสมาร์ทโฟนจากระยะไกลได้ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งหยุดและเล่นเพลงขณะออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังรองรับการถ่ายรูปจากระยะไกล สามารถใช้กล้องหลังถ่ายภาพตัวเองได้โดยไม่ต้องให้คนอื่นช่วยจับภาพ
ปฏิเสธการโทร เมื่อมีการโทรหาสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อไว้ จะแสดงบน realme Watch S Pro พร้อมปุ่มปฏิเสธ สามารถปฏิเสธสายได้ด้วยคลิกเดียว
เมื่ออัปเดต OTA ในอนาคต realme Watch S จะสามารถเชื่อมโยงอุปกรณ์ AIoT หลายเครื่องจากระยะไกล เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายโดยไม่ต้องเปิดสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ realme AIoT โดย realme Watch Pro เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ศูนย์กลางของระบบ realme AIoT
ใช้งานได้นานสูงสุดถึง 14 วัน
realme Watch S Pro มาพร้อมแบตเตอรี่ในตัว ความจุ 420mAh และด้วยประสิทธิภาพของชิปประมวลผลและเซ็นเซอร์ต่างๆ ช่วยให้อายุแบตเตอรี่ยืนยาวขึ้นจนสามารถใช้งานได้นานสูงสุดถึง 14 วัน
การชาร์จแบตเตอรี่ก็ทำได้สะดวก ด้วยอุปกรณ์ชาร์จไร้สายแบบแม่เหล็กที่แถมมาให้ในกล่อง สามารถชาร์จ realme Watch S Pro จนเต็ม 100 % ภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง
สรุป
realme Watch S Pro เป็นรุ่นอัพเกรดของ realme Watch S ที่วางจำหน่ายในปีที่แล้ว โดยใช้วัสดุดีกว่า ให้ความพรีเมียมกว่า จอแสดงผลใหญ่กว่า พร้อมรองรับฟีเจอร์ Always-On Display นอกจากภาพลักษณ์ที่หรูหราขึ้น realme Watch S Pro ยังมีฟีเจอร์ติดตามสุขภาพที่ทำงานได้อย่างแม่นยำ ทั้งการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดระดับออกซิเจนในเลือด ติดตามสุขภาพการนอนหลับ และการออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาเครื่องประดับที่ดูดีบนข้อมือ และสามารถติดตามสุขภาพได้พร้อมกัน
realme Watch S Pro สมาร์ทวอทช์อัจฉริยะ ที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัส AMOLED ขนาดใหญ่ 1.39 นิ้ว อายุการใข้งานแบตเตอรรี่ยาวนาน 14 วัน และ Dual-Satellite GPS ความแม่นยำสูงมา ในราคาเพียง 4,999 บาท พิเศษ! ในวันที่ 11 16 และ 19 กุมภาพันธ์ พบกับ Flash Sale ราคาพิเศษเพียง 3,999 บาท ผ่าน realme Official Store ทาง Lazada, Shopee และ Thisshop เท่านั้น พร้อมวางจำหน่ายพร้อมกันในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ ที่ realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ