รถซีดานไฟฟ้า Tesla Model S ได้เวลาปรับโฉมใหม่ ทั้งภายนอกและภายใน โดยภายในมีการออกแบบพวงมาลัยใหม่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีส่วนคล้ายกับพวงมาลัยของ Tesla Roadster รุ่นที่ 2 มาพร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชั่น และจอแสดงผล 12.3 นิ้ว สำหรับบอกข้อมูลต่างๆ ที่ให้กับผู้ขับขี่
ส่วนกลางคอนโซลติดตั้งจอสัมผัส 2200 x 1300 พิกเซล ขนาดใหญ่ 17 นิ้ว สำหรับควบคุมระบบ Infotainment โดยมีการปรับจอเป็นแนวนอน จากเดิมที่เป็นแนวตั้ง และถัดลงมาเป็นที่ชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนแบบไร้สาย
ภายในมาพร้อมลำโพง 960 วัตต์ และมีไมโครโฟนที่มีระบบตัดเสียงรบกวนแบบ ANC (Active Noise Canceling) บนเพดานเป็นหลังคากระจกเต็มบาน โดยใช้อินฟราเรดและการบล็อครังสี UV เพื่อหลีกเลี่ยงความร้อนและแสงสะท้อน นอกจากนี้ ทุกที่นั่งจะได้รับ อุปกรณ์ชาร์จเร็ว รวมถึงพอร์ตชาร์จสมาร์ทโฟนแบบ USB-C
ดีไซน์ภายนอกได้รับการออกแบบใหม่จนดูแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจน แต่ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่ากับขุมพลังใหม่ โดยเฉพาะรุ่น Model S Plaid ซึ่งถือเป็นรถพลังงานไฟฟ้าที่ทรงพลังที่สุด สามารถทำความเร็วจาก ว 0 – 60 ไมล์ต่อชั่วโมง (หรือ 0 – 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ในเวลาไม่เกิน 2.0 วินาที, ทำความเร็วควอเตอร์ไมล์ภายใน 9.3 วินาที และ เข้าถึงความเร็วได้สูงสุด 200 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Tesla Model S ได้รับการปรับปรุงชุดแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อน ใช้มอเตอร์คู่ ระบบขับเคลื่อน All-Wheel Drive Long Range ราคาเริ่มต้น 79,990 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 2,399,900 บาท วิ่งได้ไกลสุด 663 กิโลเมตร ต่อการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งรอบ
Tesla Model S รุ่น Plaid ราคา 119,990 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 3,598,500 บาท วิ่งได้ไกลสุด 627 กิโลเมตร ต่อการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งรอบ และยังมีรุ่น Plaid+ วิ่งได้ไกลกว่า 836 กิโลเมตร ต่อการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งรอบ
ที่มา – SlashGear
https://www.flashfly.net/wp/330270