หลังจากประสบความสำเร็จจากสมาร์ทโฟน realme ได้ขยายอีโคซิสเต็มของตัวเองด้วยผลิตภัณฑ์ AIoT โดยมีเป้าหมายเป็นแบรนด์ AIoT ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยกลยุทธ์ 1 + 1 หรือ สมาร์ทโฟน + ผลิตภัณฑ์ AIoT เพื่อยกระดับชีวิตของผู้ใช้งานให้สมาร์ทยิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด “Dare to Leap” ยืนหยัดในเรื่องนวัตกรรมทางเทคโนโลยี และสร้างไลฟ์สไตล์ที่สมาร์ทนำเทรนด์สู่คนรุ่นใหม่ทั่วโลก
AIoT หมายถึงผลิตภัณฑ์อัจฉริยะที่ต้องอาศัยการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ AIoT ส่วนใหญ่ จำเป็นต้องใช้อินเตอร์เน็ตในการส่งข้อมูลไปประมวลผลบน Cloud Computing รวมถึงการเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ดังนั้น ความเร็วจากเทคโนโลยี 5G จึงมีส่วนสำคัญอย่างมากที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ AIoT ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเชื่อมต่อ 5G กับอุปกรณ์ AIoT
ผลิตภัณฑ์ AIoT ส่วนใหญ่ของ realme ออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น realme Link บนสมาร์ทโฟน และเมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน 5G ก็ยิ่งทำให้การใช้งานรวดเร็วขึ้น ตัวอย่างเช่นกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ realme Smart Cam 360° ที่สามารถควบคุมการทำงานจากระยะไกลผ่านผ่านแอพพลิเคชั่น realme Link บนสมาร์ทโฟน ช่วยให้เจ้าของกล้อง realme Smart Cam 360° เรียกดูภาพสดแบบเรียลไทม์ได้อย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ อีกทั้งยังควบคุมการหมุนกล้อง และสั่งให้บันทึกภาพได้อย่างรวดเร็ว
สมาร์ทโฟน 5G ยังช่วยให้สมาร์ททีวีสตรีมภาพยนตร์ได้รวดเร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น ใช้สมาร์ทโฟน realme X50 Pro 5G เป็นตัวปล่อยสัญญาณ Wi-Fi ให้กับ realme Smart TV เพื่อรับชมวิดีโอหรือภาพยนตร์ในรูปแบบสตรีมมิ่งได้อย่างรวดเร็ว แทนการเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ตามปกติ เนื่องจากเทคโนโลยี 5G มีค่า Latency หรือ เวลาแฝงระหว่างการรับ-ส่งข้อมูลไม่ถึง 1 มิลลิวินาที (ต่ำกว่า 4G ถึง 10 เท่า)
สมาร์ทโฟน 5G สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทวอทช์อย่าง realme Watch S เพื่อส่งการแจ้งเตือนไปยังข้อมือได้แม่นยำ และยังช่วยให้การเชื่อมโยงข้อมูลกับอุปกรณ์ AIoT ที่ดูแลสุขภาพได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นสายรัดข้อมือดิจิตอล หรือ เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ
realme Smart Cam 360°
realme Smart Cam 360° กล้องวงจรปิดอัจฉริยะรุ่นแรกของ realme สามารถหมุนรอบทิศทางได้ 360 องศา บันทึกวิดีโอในความละเอียดสูง Full HD 1080p มุมมองกว้าง 105 องศา รองรับ 3D Noise Cancelling ลดจุดรบกวน เมื่อบันทึกภาพในที่แสงน้อย มีระบบ AI ตรวจจับการเคลื่อนไหว สนับสนุนการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11b/g/n (2.4GHz) และสามารถโทรเข้าได้จากสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่น realme Link วางจำหน่ายในราคาเพียง 1,499 บาท
รีวิว realme Smart Cam 360° – https://www.flashfly.net/wp/321960
realme Smart TV
สมาร์ททีวีรุ่นแรกของ realme ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดดเด่นที่ดีไซน์ทันสมัย ขอบจอบาง สามารถวางบนโต๊ะหรือแขวนผนังก็ได้ ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android TV พร้อม Google Assistant และ Chromecast ในตัว ใช้ชิปประมวลผล MediaTek 64-bit Quad Core ความจำ RAM 1GB จับคู่กับ ROM 8GB สนับสนุนการเชื่อมต่อครบครัน Wi-Fi (2.4GHz), DLNA, Bluetooth 5.0, Infrared, HDMI, AV, USB, LAN, USB, S/PDIF และมาพร้อมรีโมทอัจฉริยะ สามารถสั่งการด้วยเสียงผ่าน Google Assistant อีกทั้งยังมีปุ่มทางลัดเปิดแอพ YouTube, Netflix, Prime Video ได้ทันที
realme Smart TV มาพร้อมจอแสดงผล LED Ultra Bright ที่มีความสว่างเป็นพิเศษ 400 นิต แสดงภาพชัดเจนในเวลากลางวันที่แสงจ้า และยังให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ 32 นิ้ว ความละเอียด 1366 x 768 พิกเซล และ 43 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ทั้ง 2 รุ่น รองรับสีมากถึง 16.7 ล้านสี และมีอัตราส่วนภาพ 16:9 เท่ากัน ทั้งนี้ realme Smart TV รองรับการถอดรหัสและเล่นวิดีโอรูปแบบ HDR 10 และ HLG แต่ไม่รองรับการแสดงผล HDR
realme Smart TV รองรับเทคโนโลยี Chroma Boost ซึ่งพบได้ในกล้องของสมาร์ทโฟน realme และเมื่อมาอยู่ใน Smart TV ก็ช่วยให้จอทีวีแสดงภาพออกมาอย่างสวยงาม สีสันสดใส พร้อมปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น ความสว่างของสีมากขึ้น คอนทราสต์สูงขึ้น ให้ความคมชัดมากขึ้น และยังได้รับการติดตั้งลำโพง 4 ตัว 24W ไว้ที่ด้านล่างของจอภาพ และรองรับระบบเสียง Dolby Audio
realme Smart TV รุ่น 32 นิ้ว วางจำหน่ายในราคา 4,999 บาท และรุ่น 43 นิ้ว มาในราคา 7,999 บาท
รีวิว realme Smart TV – https://www.flashfly.net/wp/324771
realme Watch S
realme Watch S สมาร์ทวอทช์ดีไซน์พรีเมี่ยมด้วยตัวเรือนอลูมิเนียมอัลลอย เกรด 6063 หน้าปัดวงกลมพร้อมกระจก 2.5D Corning Gorilla Glass รองรับฟีเจอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดระดับออซิเจนในเลือดได้ (SpO2) ติดตามการออกกำลังกายได้ 16 โหมด ป้องกันน้ำในระดับ IP68 และรองรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 15 วัน ควบคุมการใช้งานผ่านใช้จอสัมผัส ความละเอียด 360 x 360 พิกเซล ขนาด 1.3 นิ้ว โดยวางจำหน่ายในราคา 2,999 บาท
รีวิว realme Watch S – https://www.flashfly.net/wp/321960
realme Smart Scale
realme Smart Scale เครื่องชั่งน้ำหนักรุ่นแรกของ realme ได้รับการออกแบบมาอย่างทันสมัย เข้าได้กับทุกมุมในบ้าน รองรับน้ำหนักสูงสุด 150 กิโลกรัม บอกน้ำหนักผ่านหน้าจอ LED และมีจุดเด่นที่เซ็นเซอร์ BIA (Bioelectrical Impedance Analysis) สามารถอ่านค่าได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำสูง สามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักเบาสุด 50 กรัม ซึ่งหมายถึง เพียงดื่มน้ำเพิ่ม 1 แก้ว หรือผลไม้เพียง 1 – 2 ผล ก็สามารถบอกน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นได้
realme Smart Scale สามารถตรวจจับข้อมูลสุขภาพได้ถึง 16 รายการ ได้แก่ น้ำหนัก, สัดส่วนไขมัน, รูปร่าง, BMI, อัตราความชื้น, สัดส่วนกล้ามเนื้อ, ระดับไขมันในช่องท้อง, กล้ามเนื้อลาย, ความหนาแน่นมวลกระดูก, โปรตีน, มวลไขมัน, อัตราการเต้นหัวใจ, มวลกล้ามเนื้อ, อายุร่างกาย, อัตราการเผาผลาญ และ น้ำหนักร่างกายไม่รวมไขมัน นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจับอัตราการเต้นของหัวใจได้แบบเรียลไทม์ และรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 สำหรับจับคู่กับสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่น realme Link
realme Smart Scale วางจำหน่ายแล้วในราคาเพียง 999 บาท
รีวิว realme Smart Scale – https://www.flashfly.net/wp/321960
realme Buds Air Pro
realme Buds Air Pro หูฟังไร้สายแบบ True Wireless ที่รองรับเทคโนโลยี Active Noise Cancellation ตัดเสียงรบกวนได้ถึง 35 เดซิเบล พร้อมด้วยโหมด Super Low Latency ที่ต่ำเพียง 94 มิลลิวินาที ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 25 ชั่วโมง ป้องกันน้ำในระดับ IPX4 (เฉพาะหูฟัง) หูฟังแต่ละข้าง มีน้ำหนักเบาเพียง 5 กรัม มาพร้อมไดร์เวอร์ขนาด 10 มิลลิเมตร จับคู่กับสมาร์ทโฟนผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 และวางจำหน่ายในราคา 2,999 บาท
รีวิว realme Buds Air – https://www.flashfly.net/wp/321960
สรุป
จุดเด่นที่ชัดเจนของเทคโนโลยี 5G คือการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงขึ้น 20 เท่า เมื่อเทียบกับ 4G จึงช่วยให้อุปกรณ์ AIoT เชื่อมต่อกันได้อย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน และ 5G ยังช่วยให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ในผลิตภัณฑ์ AIoT ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สมาร์ทโฮม ไปจนถึงอุปกรณ์ในภาคอุตสาหกรรมและการเกษตร
ตลอดปี 2020 ที่ผ่านมา realme ได้แนะนำอุปกรณ์ AIoT มากกว่า 50 รายการ และสำหรับประเทศไทย realme มีผลิตภัณฑ์ AIoT วางจำหน่ายอยู่แล้วหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นหูฟังไร้สายแบบ TWS, สายรัดข้อมือดิจิตอลสำหรับติดตามสุขภาพ, สมาร์ทวอทช์, สมาร์ททีวี, กล้องวงจรปิด หรือ แม้แต่เครื่องชั่งน้ำหนัก ซึ่งในปีนี้ realme วางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AIoT เพิ่มอีกกว่า 100 รายการ ตามเป้าหมายที่วางไว้ให้เป็นแบรนด์ AIoT ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก เหมือนที่ทำสำเร็จมาแล้วในตลาดสมาร์ทโฟน
เห็นได้ชัดเจนว่า realme มีความพยายามอย่างยิ่งในการสร้างอีโคซิสเต็มของตัวเองให้แข็งแกร่ง ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ใช้งานทั่วโลกได้สัมผัสกับเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น และช่วยให้ชีวิตดีขึ้นด้วยผลิตภัณฑ์ AIoT เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจนปิดที่ช่วยดูแลบ้าน อุปกรณ์สวมใส่ที่มีระบบติดตามสุขภาพและการออกกำลังกายที่แม่นยำ เครื่องชั่งน้ำหนักที่ไม่ได้บอกน้ำหนักเพียงอย่างเดียว แต่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับร่างกายอย่างละเอียด ด้านความบันเทิง ผลิตภัณฑ์ AIoT ของ realme ก็มีหูฟังไร้สายแบบ TWS ให้เลือกหลายรุ่น โดยเน้นที่คุณภาพเสียงและการผลิต อีกทั้งยังมีสมาร์ททีวีที่เป็นเหมือนศูนย์รวมความบันเทิงภายในบ้าน