วางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วในบ้านเรา กับสมาร์ทโฟนระบบปฎิบัติการ Nokia Belle รุ่นล่าสุดอย่าง Nokia 808 PureView ที่มาพร้อมเทคโนโลยี PureView ผนวกกับเซ็นเซอร์กล้องดิจิตอลความละเอียดสูงถึง 41 ล้านพิกเซลพร้อมเลนส์ Carl Zeiss และเทคโนโลยี pixel-over-sampling ทำให้สามารถถ่ายภาพและวิดีโอได้อย่างคมชัดที่สุดพร้อมรายละเอียดสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนบนสมาร์ทโฟนรุ่นใดในโลก ถือได้ว่า Nokia ได้ปฏิวัติการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนและวางมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมมือถือขึ้นมา
Nokia 808 PureView มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ClearBlack Display ระบบสัมผัสขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด nHD (640×360) ใช้กระจกกันรอย Corning Gorilla ระบบปฎิบัติการ Nokia Belle เวอร์ชั่นล่าสุดในท้องตลาดตอนนี้ รองรับการใช้งาน 3G ทั้ง 3 ค่ายในบ้านเรา โดยใช้ Sim Card แบบ Micro SIM
กล้องดิจิตอลความละเอียดสูง 41 ล้านพิกเซลพร้อมเลนส์ Carl Zeiss แฟลชแบบ Xenon ใช้ CPU ความเร็ว 1.3 GHz หน่วยความจำภายใน 16GB เพิ่มได้ด้วย Micro SD อีก 32GB มาพร้อมเทคโนโลยี NFC
มีพอต HDMI และช่องหูฟังแบบ 3.5 มม. มาให้ด้วย แบตเตอรีความจุ 1400 mAh ส่วนน้ำหนักนั้นหนักใช้ได้อยู่ที่ 169 กรัม
โดย Nokia 808 PureView สามารถถ่ายภาพได้รวดเร็วแม้ว่าหน้าจอโทรศัพท์จะล็อกอยู่ แค่กดปุ่มกล้องบนมุมขวา ก็สามารถถ่ายภาพได้ทันที ด้วยเซ็นเซอร์ resolution ขนาด 41 Mpix กับ เลนส์ Carl Zeiss ประสิทธิภาพสูง ซึ่งเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่จะช่วยสร้าง pixel oversampling ได้ง่าย ทำให้ภาพสวยคมชัดเทคโนโลยีภาพถ่ายของ PureView เป็นผลลัพธ์จากการวิจัยและพัฒนา ซึ่งทำให้ได้ภาพถ่ายคุณภาพเยี่ยม ชัดเจนไม่เบลอ แม้ในสภาวะแสงน้อย สามารถซูม crop ภาพใหม่ หรือปรับขนาดภาพ ด้วยเทคโนโลยี image processing ของ Nokia
จึงสามารถจัดการกับภาพขนาดใหญ่แล้วย่อเป็นไฟล์ขนาดเล็กแล้วยังรักษารายละเอียดของภาพไว้ได้ครบถ้วนเหมาะสำหรับการแชร์ขึ้น Social Media อย่าง Facebook ได้อย่างสวยงามและรวดเร็วมาก หรือจะตกแต่งภาพก่อนแชร์ก็ทำได้ด้วย
จากการทำงานของเซ็นเซอร์ resolution สูง ซึ่งมีพื้นที่การทำงาน 7728×5368 พิกเซล รวมเป็น 41 megapixel โดยผู้ใช้สามารถเลือกใช้อัตราส่วนที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็น resolution ขนาด 7728×4354 พิกเซล อัตราส่วน 16:9 ซึ่งได้ทั้งภาพนิ่งหรือวิดีโอ หรือเลือก resolution 7152×5368 พิกเซล อัตราส่วน 4:3 ใช้ได้ทั้งภาพนิ่งหรือวิดีโอ
ด้วย Nokia 808 PureView คุณจะใช้ศักยภาพของรูรับแสงอย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดช่วงระยะการซูม ขณะที่การซูมแบบออพติคอลแสงจะเข้ามาที่เซ็นเซอร์น้อยลงเมื่อเพิ่มการซูม ดังนั้น เมื่อซูมเต็มที่ 5.4 เท่า แสงจะเข้ามามายังเซ็นเซอร์ของ Nokia PureView Pro มากกว่าการซูมแบบออพติคอลของกล้องดิจิตอลทั่วไป (f/2.4 ของ Nokia 808 PureView เทียบกับ f/5.6 ของกล้องดิจิตอล) ทำให้ได้ความเร็วชัตเตอร์ที่เร็วขึ้น เก็บภาพได้ชัดเจน ไม่เบลอ
กล้องในสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่มีเซ็นเซอร์ขนาดเล็ก ดังนั้นระยะโฟกัสจะสั้น (น้อยกว่า 4 มิลลิเมตร) ขณะที่ระยะโฟกัสของ Nokia 808 PureView จะสร้างมิติความลึกได้หลากหลายกว่า ทำให้การถ่ายภาพ landscape ภาพสถาปัตยกรรม หรือแหล่งท่องเที่ยวทุกภาพจะสวยงามไม่แพ้กล้องโปรเลยทีเดียว
Nokia 808 PureView ใช้ Zoom ภาพแบบใหม่ที่เรียกว่า Slide Zoom ที่ใช้งานเงียบสนิท ทำงานได้สะดวกรวดเร็วดีมาก เพียงเลื่อนนิ้วของขึ้นลงเพื่อปรับระยะ Zoom และยังมีฟังก์ชั่นจับภาพใบหน้า (Face Detection) สามารถใช้งานได้ทั้งโหมดภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวอีกด้วย
โดยสามารถ zoom 3 เท่าสำหรับภาพนิ่ง และ 4 เท่าสำหรับการถ่ายวิดีโอ HD 1080p และเมื่อถ่ายวิดีโอ HD ขนาด 720p สามารถซูมได้ถึง 6 เท่า และเมื่อถ่ายวิดีโอ nHD (640×360) คุณจะซูมได้ถึง 12 เท่า!
สำหรับการใช้งานถ่ายภาพเคลื่อนไหวหรือ VDO นั้น Nokia 808 PureView สามารถถ่ายได้ระดับ Full HD 1080p ความเร็ว 30fps พร้อมเทคโนโลยี Dolby ที่ช่วยสร้างเสียงกระหึ่มรอบทิศทางบนหูฟัง ,เทคโนโลยี Dolby Digital Plus 5.1 สำหรับเครื่องเสียงที่บ้าน ฟังก์ชั่น Nokia Rich Recording สำหรับการอัดเสียงคุณภาพระดับ CD พร้อมการถ่ายวิดีโอ สามารถตัดต่อและแชร์ไปยัง YouTube หรือ Facebook ได้ทันทีอีกด้วย
นอกจากนี้ Nokia ยังมีอุปกรณ์เสริมสำหรับใครที่สนใจเป็นช่างถ่ายมือโปรด้วยอย่างขาตั้งกล้อง (Nokia Tripod Mouth HH-23) ฝาครอบกล้อง (Nokia Hard Cover CC-3046) สายเชื่อมต่อ HDMI (Nokia Macro HDMI Cable CA-198) เชื่อมต่อผ่านสาย HDMI หรือแบบ DLNA ไร้สาย ผ่านแอพ Big Screen จาก Nokia 808 PureView ไปยัง LCD TV ได้ทั้งภาพและเสียงคมชัดระดับ Blu-ray เลยทีเดียว
ทางด้านการใช้งานทั่วไปนั้น Nokia 808 PureView ระบบปฎิบัติการ Nokia Belle เวอร์ชั่นล่าสุดในท้องตลาด ใหม่กว่า Nokia 701,700 และ 603 เสียอีกทำให้การใช้งานนั้นลื่นไหลกว่าอย่างเห็นได้ชัดและด้วย CPU ระดับ 1.3 GHz ที่แรงขึ้นกว่าเดิม ทำให้การใช้งานรวดเร็วกว่าเห็นๆ
ทางแอพพลิเคชั่นต่างๆนั้น Nokia ก็จัดมาให้ครบทั้ง Nokia Maps เวอร์ชั่นใหม่ Nokia Browser ที่รองรับ HTML 5 และ Adobe Flash Lite 4.0 ติดตั้งแอพและเกมส์เพิ่มได้ด้วย Nokia Store ใครที่คุ้นเคยกับ Symbian อยู่แล้วจะสบายมาก
Tips and Tricks : เทคนิกถ่ายภาพแบบมือโปรด้วย Nokia 808 PureView by Nokia
Automatic Mode
เป็นโหมดอัตโนมัติซึ่งถูกตั้งไว้ให้พร้อมใช้งาน เป็นโหมดที่เหมาะสมกับการถ่ายภาพในทุกสถานการณ์
Scenes Mode
เป็นโหมดถ่ายภาพหลากหลาย คุณสามารถเลือกหมวดการถ่ายภาพแบบต่างๆ ที่ตั้งค่าไว้แล้ว เพื่อให้เหมาะสมกับภาพที่จะถ่าย เช่น Landscape, Close-Up, Portrait, Sports, Night, Night Portrait, Spotlight, และ Snow
Creative mode
ช่วยให้คุณมีอิสระในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายโดยการเลือกตั้งค่าต่างๆ เองได้แก่
การตั้งโฟกัส
– Infinity เหมาะสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์ แม้วัตถุที่อยู่ไกลก็สามารถเห็นได้คมชัด หรือใช้ถ่ายวัตถุเคลื่อนไหวในระยะ 10 เมตรขึ้นไป
– Hyperfocal สำหรับถ่ายภาพที่มีระยะตั้งแต่ 2 เมตรขึ้นไป ช่วยให้เก็บภาพวัตถุที่อยู่ในเฟรมภาพในทุกระยะได้สมบูรณ์ เช่น ภาพบรรยากาศสนามฟุตบอล
– Close-up เหมาะสำหรับถ่ายภาพในระยะ 15-40 เซนติเมตร เพื่อให้มีความคมชัด ไม่เบลอ
– Automatic ค่าโฟกัสเริ่มต้น ที่ให้ความสะดวกในการถ่ายภาพในหลากหลายระยะ
โดยเมื่อใช้โหมด automatic หรือ close-up จะปรากฏแถบบนหน้าจอเพื่อล็อกจุดโฟกัสของภาพ
การตั้งค่ารับแสง (Exposure compensation)
ในโหมด Creative คุณสามารถเลือกการเปิดรับแสงก่อนที่คุณจะถ่ายภาพ โดยอาศัย histogram ซึ่งจะปรากฎขึ้นบนหน้าจอเมื่อคุณกดที่ไอคอน exposure compensation ที่ด้านซ้ายของหน้าจอ และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ภาพควรเปิดรับแสงให้เท่ากับส่วนที่สว่างที่สุดของภาพ เพื่อป้องกันภาพบางส่วนสว่างจ้าเกินไป ในการถ่ายภาพที่มี contrast สูง คุณสามารถใช้แฟลชช่วย เพื่อลดทอนความ contrast ของภาพ กดปุ่มชัตเตอร์บนตัวเครื่องเบาๆ ก็จะล็อกกลับสู่ auto exposure
การตั้ง White Balance
ในโหมด Creative คุณสามารถปรับ White balance ด้วยการเลือกจากค่าที่ตั้งไว้แล้ว เช่น Sunny, Automatic, Cloudy, Incandescent, Fluorescent คุณยังสามารถปรับ white balance ได้เอง หากยังไม่ได้ผลภาพตามที่ต้องการ
การตั้ง ISO
ในโหมด Creative คุณสามารถเลือกการตั้งค่า ISO ได้ตั้งแต่ 50 ถึง 1600 ยิ่งค่า ISO สูง ภาพในสภาวะแสงน้อยก็จะยิ่งเห็นชัดเจนขึ้น และสามารถปรับค่า ISO ให้เป็นอัตโนมัติได้อีกด้วย
นอกจากนี้ การถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยยังถ่ายได้สมบูรณ์ด้วยโหมด PureView ที่ 2/3 ขนาด 5 หรือ 8 เมกะพิกเซล ซึ่งคุณสามารถเลือก ISO ต่ำ (เช่น 50) เพื่อเปิดรับแสงได้ถึง 2.7 วินาที และเลือกถ่ายภาพแบบ ‘Noise Free’ ในสภาพแสงน้อยได้อีกด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คุณควรใช้ขาตั้ง หรือเลือก Auto ISO หรือ Night Mode
นอกจากนี้ ยังสามาถเลือกใช้แฟลชได้ในระยะ 3-4 เมตร
การตั้งฟิลเตอร์ Neutral Density
การปรับฟิลเตอร์ ND ในโหมด Creative สามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้ด้วยตัวเอง เช่น ถ่ายภาพด้วยเทคนิกเบลอภาพเคลื่อนไหว เมื่อฟิลเตอร์ ND ได้รับการปรับพร้อมกับค่า ISO ในระดับต่ำ ทำให้สามารถใช้การรับแสงได้ยาวนานขึ้น (ได้ถึง 2.7 วินาที) แม้จะถ่ายในสภาวะแสงมากหรือเลือกปิดฟิลเตอร์ ND ในสภาวะแสงมาก กล้องก็จะใช้เวลารับแสงน้อย ทำให้ถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้ดี
Zoom
Nokia 808 PureView สามารถซูมได้โดยไม่ลดทอนความละเอียดของภาพ ระยะการซูมภาพจะขึ้นอยู่กับความละเอียดของภาพที่ต้องการ ซึ่งจะเป็นการซูมแบบ lossless เสมอ โดยภาพขนาด 5 เมกะพิกเซลสามารถซูม
ได้ถึง 3 เท่า การซูมทำได้ง่ายเพียงแค่เลื่อนนิ้วคุณขึ้นลงที่หน้าจอ โดยจะต้องตั้งค่าไว้ที่ 2/3 ขนาดภาพ 5 หรือ 8 เมกะพิกเซล เพื่อใช้ฟังก์ชั่นซูมนี้ได้ และเพื่อภาพที่ดีที่สุด การซูมควรทำในแสงธรรมชาติเวลากลางวัน
การถ่ายภาพระยะใกล้ (Close-up)
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าสำหรับการถ่ายภาพระยะใกล้ได้จากแถบด้านข้างเมื่อกล้องอยู่ใน Scenes mode หรือกดค้างบนหน้าจอเมื่อกล้องอยู่ใน Creative mode เพื่อภาพระยะใกล้ที่สวยงามควรถ่ายภาพที่ความละเอียด 5 ล้านพิกเซลใน PureView mode พร้อมใช้การซูมไม่เกิน 3 เท่า สามารถใช้แฟลชได้ในระยะ 15 เซนติเมตร
ภาพฉากหลังเบลอ (Bokeh Effect)
เทคนิกฉากหลังเบลอ เป็นเทคนิกที่เหมาะกับการถ่ายภาพคน หรือภาพ Macro โดยให้คุณโฟกัสเฉพาะสิ่งที่คุณต้องการ ด้วยระยะโฟกัสถึง 8.02 มม. Nokia 808 PureView จึงสร้างสรรค์ภาพ Bokeh ได้เช่นเดียวกับกล้อง SLR ขณะที่กล้องบนมือถือทั่วไปมีระยะโฟกัสที่ 4 มม. ระยะห่างระหว่างวัตถุหลักกับฉากหลังยิ่งห่างกันเท่าไร ฉากหลังจะยิ่งเบลอมากเท่านั้น เพื่อภาพที่สวยงามวัตถุที่ถ่ายควรอยู่ห่างจากกล้องไม่เกิน 0.5 เมตร
กล้องวิดีโอ
คุณสามารถเลือกฟังก์ชั่นถ่ายวิดีโอจากมุมบนขวาของจอเมื่อโทรศัพท์อยู่ในโหมดกล้องถ่ายรูป แล้วเลือก Continuous Autofocus ด้านล่างซ้ายของจอ กล้องจะเลือกจับภาพที่อยู่กลางเฟรม คุณสามารถแตะหน้าจอเพื่อเลือกและล็อคบริเวณที่คุณต้องการโฟกัส และยังสามารถใช้แสง LED สำหรับวิดีโอ เพื่อช่วยถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยในระยะ 1 เมตรได้ นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกความละเอียดของภาพได้ถึง 3 แบบ รวมถึง FullHD ซึ่งในทุกความละเอียดสามารถใช้ lossless ซูม โดยการสั่งการด้วยนิ้วบนหน้าจอได้
ตัวอย่างภาพถ่ายและ VDO จาก Nokia 808 PureView โดยทีมงาน Flashfly (คลิกที่ภาพเพื่อชมขนาดใหญ่)
สรุป
สำหรับความประทับใจจากการทดลองใช้งาน Nokia 808 PureView มากว่าสัปดาห์พบว่าความสามารถในการถ่ายภาพนั้นเทียบเท่ากล้องระดับโปรเลยทีเดียว ถ้าปรับแต่งเป็นจะสามารถใช้แทนได้เลย ไม่ต้องแบกกล้องหนักๆอีกต่อไปและยิ่งถ้าจะให้เทียบกับกล้องดิจิตอลทั่วไปแล้วละก็ ต้องยกให้ Nokia 808 PureView ถ่ายภาพได้ดีกว่ามากๆ หรือจะพูดได้เต็มปากกว่าเลยว่า Nokia 808 PureView คือกล้องถ่ายรูปที่โทรได้นั่นเอง การแชร์ไปยัง Facebook ทำได้ดีมากๆ เพียงแค่ถ่ายแล้วกดปุ่ม Facebook ก็จะแชรืไปยัง Wall ของเราทันที ภาพที่ได้ก็สวยงามมากๆ เหมาะสำหรับตากล้องหรือคนที่รักการถ่ายภาพตัวจริง โดยขนาดไฟล์ที่ได้นั้นถ้าเป็นโหมด PureView จะอยู่ที่ประมาณ 500KB – 1MB แต่ถ้าเป็นโหมด Full resolution จะใหญ่ถึง 10MB ขึ้นไปทีเดียว ซึ่งถ้าใครที่เน้นเล่นเกมมากกว่าคงไม่เหมาะเท่าไร โดย Nokia 808 PureView วางจำหน่ายแล้วในประเทศไทยราคา 18,900 บาท แม้จะดูสูงไปสักนิดแต่ความคุ้มค่าเกินราคา
ยืนยันความสำเร็จด้วย Nokia 808 PureView ได้รับรางวัลชนะเลิศ Global Mobile Awards 2012 และ TIPA Awards 2012 สาขา Best Imaging Innocation Winner มาแล้ว
บทความโดย – flashfly.net
ขอขอบพระคุณ บริษัท Nokia ประเทศไทยที่เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ในการทดสอบ