Apple นำแบรนด์ MagSafe กลับมาใช้อีกครั้งจากที่เคยใช้เรียกอุปกรณ์ชาร์จของ MacBook รุ่นเก่า คราวนี้กลับมาใช้เรียกอุปกรณ์ชาร์จสำหรับ iPhone 12 โดยมีชื่อที่เรียบง่ายว่า “ที่ชาร์จ MagSafe” ส่วนจะมีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง ทีมงาน @flashfly พร้อมรีวิวให้อ่านแล้ว
แกะกล่อง
MagSafe Charger มาในกล่องสี่เหลี่ยมแบน สีขาว หน้ากล่องพิมพ์รูปภาพที่ชาร์จไว้ชัดเจน หลังกล่องมีรูปภาพแสดงวิธีการชาร์จ ซึ่งทาง Apple แนะนำให้ใช้งานร่วมกับ USB-C Power Adapter ขนาด 20W ของ Apple แต่ต้องซื้อแยกต่างหาก
เมื่อแกะกล่องจากด้านบน จะพบกับ MagSafe Charger ที่มาพร้อมสายถูกม้วนไว้ในซองกระดาษ นอกจากนี้ ก็มีเพียงเอกสารแผ่นพับ
ดีไซน์
MagSafe Charger ดูเหมือนอุปกรณ์ชาร์จของ Appl Watch แต่มีขนาดใหญ่กว่า มาพร้อมสายชาร์จในตัวดึงออกไม่ได้ ปลายสายเป็นขั้วต่อ USB-C สำหรับเสียบเข้ากับอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C Power Adapter โดย Apple แนะนำให้ใช้ขนาด 20W
(Apple วางจำหน่าย USB-C Power Adapter ขนาด 20W ราคา 690 บาท สามารถนำไปใช้งานร่วมกับ iPhone 12 ได้ด้วย)
ตัวเครื่อง MagSafe Charger ผลิตจากโลหะ ซึ่งคาดว่าจะเป็นอะลูมิเนียม และแผ่นตรงกลางให้ผิวสัมผัสเหมือนทำจากยาง
วิธีใช้งาน
การชาร์จ iPhone บนที่ชาร์จ MagSafe ก็เหมือนกับอุปกรณ์ชาร์จไร้สายทั่วไป แต่ทาง Apple แนะนำว่า ควรเสียบปลั๊กที่ชาร์จ MagSafe ก่อน ค่อยวาง iPhone ลงไป แต่ถ้าเผลอวาง iPhone ลงไปก่อนเสียบปลั๊ก ให้ยก iPhone ขึ้นมาก่อน แล้วรอประมาณ 3 วินาที ค่อยวาง iPhone ลงไป
เมื่อวาง iPhone 12 (ทั้ง 4 รุ่น) ลงบนที่ชาร์จ MagSafe หน้าจอ iPhone 12 จะแสดงกราฟิกวงแหวน MagSafe สีเขียว พร้อมบอกระดับแบตเตอรี่ แต่ถ้าชาร์จกับ iPhone รุ่นเก่า รวมถึงสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น จะไม่แสดงกราฟิกวงแหวน MagSafe แต่จะบอกว่ากำลังชาร์จตาม User Interface ปกติของสมาร์ทโฟน
ชาร์จได้แม้สวมเคส
iPhone 12 สามารถชาร์จแบตเตอรี่บน MagSafe Charger ได้ทันทีไม่ต้องถอดเคสออก ไม่ว่าจะใช้เคสที่มาพร้อม MagSafe จาก Apple หรือเคสทั่วไปที่ไม่มี MagSafe ก็สามารถชาร์จผ่าน MagSafe Charger ได้เช่นกัน เพียงแต่แรงดูดแม่เหล็กจะเบากว่า และไม่ควรใช้เคสที่มีความหนาเป็นพิเศษ
ชาร์จแบตในระหว่างใช้งาน
จุดเด่นอีกอย่างของ MagSafe Charger คือ ให้ความสะดวกในการใช้งาน iPhone ในระหว่างชาร์จ เมื่อแนบที่ชาร์จ MagSafe กับด้านหลังของ iPhone 12 ผู้ใช้งานยังสามารถหยิบ iPhone ขึ้นมาใช้งานได้ตามปกติ ไม่ต่างจากการชาร์จผ่านช่องต่อ Lightning แต่ยังสะดวกกว่า เพราะไม่มีสายเคเบิลมาเกะกะเวลาจับถือ iPhone ด้านข้าง และไม่ต้องกังวลว่าที่ชาร์จ MagSafe จะหลุดหล่นระหว่างยก iPhone 12 ขึ้นมาใช้งาน เพราะแม่เหล็กในตัวที่ชาร์จกับ iPhone จะยึดติดกันอย่างแน่นหนา
อุปกรณ์ที่รองรับ
MagSafe Charger ถูกออกแบบมาสำหรับ iPhone 12 mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max เนื่องจาก iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น ได้รับการติดตั้งวงแหวนแม่เหล็กไว้ที่ด้านหลัง ซึ่งพอดีกับที่ชาร์จ MagSafe เมื่อนำทั้งคู่มาประกบกัน แม่เหล็กจะช่วยดึงดูด iPhone 12 กับที่ชาร์จ MagSafe ไว้อย่างแน่นหนา และอยู่ในตำแหน่งการชาร์จที่เหมาะสม ทำให้ MagSafe Charger สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้กับ iPhone 12 ได้สูงสุด 15W
MagSafe Charger ยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้กับ iPhone รุ่นเก่าได้ด้วย โดยรองรับ iPhone ที่มีรายชื่อต่อไปนี้
- iPhone 11 Pro
- iPhone 11 Pro Max
- iPhone 11
- iPhone SE (รุ่นที่ 2)
- iPhone XS
- iPhone XS Max
- iPhone XR
- iPhone X
- iPhone 8
- iPhone 8 Plus
นอกจากนี้ หูฟังไร้สาย AirPods Pro รวมไปถึง AirPods ที่มาพร้อมเคสชาร์จแบบไร้สาย ก็สามารถใช้งานร่วมกับ MagSafe Charger ได้เช่นกัน รวมไปถึงสมาร์ทโฟนของแบรนด์อื่น ที่สนับสนุนการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi แต่กำลังในการชาร์จของ iPhone รุ่นเก่า และสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น จะต่ำกว่า 15W นั่นทำให้ MagSafe Charger เหมาะสำหรับ iPhone 12 มากที่สุด
สรุป
ที่ชาร์จ MagSafe ช่วยอำนวยความสะดวกในการชาร์จแบตเตอรี่ให้กับ iPhone ได้เป็นอย่างดี แต่ก็เหมาะสำหรับ iPhone 12 (ทั้ง 4 รุ่น) มากกว่านำไปใช้กับ iPhone รุ่นเก่า เพราะความเร็วในการชาร์จจะมีประสิทธิภาพลดลง ไม่เข้าถึงระดับ 15W เหมือนชาร์จให้กับ iPhone 12 อย่างไรก็ตาม Apple ระบุว่าที่ชาร์จ MagSafe จะให้กำลังไฟสูงสุด 12W เมื่อชาร์จให้กับ iPhone 12 mini
ที่ชาร์จ MagSafe พร้อมวางจำหน่ายในไทยแล้ว ราคา 1,490 บาท