realme แบรนด์สมาร์ทโฟนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ใช้เวลาเพียง 2 ปี ในการสร้างยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนถึง 50 ล้านเครื่องทั่วโลก สามารถขยายตลาดมากกว่า 61 ตลาดทั่วโลก ครองอันดับ 5 ใน 13 ตลาดทั่วโลก ติดแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 7 ของโลก และยังสร้างสถิติแบรนด์ที่มียอดจัดส่งสูงสุดในไตรมาสที่ 3 มากถึง 132%
ด้วยแนวคิด Dare to Leap กล้าที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและดีไซน์เพื่อคนรุ่นใหม่ realme ยืดหยัดในการส่งมอบสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพแรงในราคาที่ทุกคนจับต้องได้ง่าย ซึ่งตลอดทั้งปีที่ผ่านมา realme ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนออกมาหลายรุ่น เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้ใช้งาน อีกทั้งยังขยายตลาดให้กว้างขึ้นด้วยผลิตภัณฑ์อัจฉริยะในกลุ่ม AIoT โดยมีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นหลายรุ่น แต่ที่ดีที่สุดต้องยกให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้…
สมาร์ทโฟนคุ้มค่าที่สุดแห่งปี – realme C12
realme C12 มาพร้อมจอแสดงผล HD+ (1600 x 720 พิกเซล) ขนาด 6.5 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 20:9 ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้ 88.7% ติดตั้งกล้องเซลฟี่ 5 ล้านพิกเซล ไว้ในรอยบากแบบหยดน้ำ Mini-drop กล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera ประกอบด้วย กล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัส PDAF รองรับโหมดถ่ายภาพในเวลากลางคืน พร้อมด้วยกล้อง B&W 2 ล้านพิกเซล ช่วยถ่ายภาพ Portrait และกล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพใกล้วัตถุในระยะ 4 เซนติเมตร
realme C12 ใช้ชิปประมวลผลระดับ 12 นาโนเมตร MediaTek Helio G35 ความจำ RAM 3GB จับคู่กับ ROM 32GB รองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 256GB ความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6,000mAh สามารถสแตนด์บายได้นานถึง 57 วัน พร้อมด้วยโหมดประหยังพลังงานแบตเตอรี่ ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น และรองรับการใช้งานเป็น Power Bank ชาร์จแบตเตอรี่ให้กับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่นได้ ผ่านสายเคเบิล OTG
realme C12 วางจำหน่ายแล้วในราคา 3,999 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Marine Blue และ Coral Red
รีวิว realme C12 – https://www.flashfly.net/wp/318260
สมาร์ทโฟนแฟลกชิปแห่งปี – realme X50 Pro 5G
realme X50 Pro 5G ออกแบบมาภายใต้คอนเซ็ปต์ “Speed of the Future” เปิดประสบการณ์ความเร็วแห่งอนาคต สมกับเป็นสมาร์ทโฟนแฟลกชิปแห่งปี 2020 โดยใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 865 ผลิตด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร พร้อมจีพียู Adreno 650 และ AI Engine รุ่นที่ 5 ของ Qualcomm ให้ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมเพิ่มขึ้น 25% ความเร็วในการเรนเดอร์ภาพกราฟิกเพิ่มขึ้น 25% ประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 30% และประสิทธิภาพระบบ AI เพิ่มขึ้น 200% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน
realme X50 Pro 5G ยังมีระบบระบายความร้อน Vapor Cooling 5 ชั้น ที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ ประกอบด้วย แผ่นกราไฟท์ 3 ชั้น, ท่อระบายความร้อน Vapor Chamber, Thermal Silica, Copper Foil และ ประกบด้วยแผ่นกราไฟท์อีก 3 ชั้น ครอบคลุมแหล่งความร้อนภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ 100% สามารถระบายความร้อนพื้นที่สูงสุด 1,821 ตารางมิลลิเมตร เพิ่มพื้นที่การกระจายความร้อนได้ 339% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
realme X50 Pro 5G มาพร้อมความจำ RAM 12GB แบบ LPDDR5 Quad-channel เร็วกว่าเดิม 29% แต่ใช้พลังงานน้อยกว่า 20% เมื่อเทียบกับ LPDDR4X จับคู่กับ ROM 256GB แบบ UFS 3.0 เร็วขึ้น 250% ประหยัดพลังงานขึ้น 30% เมื่อเทียบกับ UFS 2.1
realme X50 Pro 5G ยังมีจุดเด่นที่ระบบกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล (Samsung GW1) รูรับแสง f/1.8, กล้อง Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.3 ช่วยเก็บภาพในมุมมองกว้าง 119 องศา, กล้อง Telephoto 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.5 สามารถซูมออปติคอลได้ 5 เท่า ซูมแบบไฮบริดได้ 20 เท่า และ กล้อง Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 สามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที นอกจากนี้ ยังมีกล้องคู่เซลฟี่แบบ Dual In-display Selfie ประกอบด้วย กล้องหลัก 32 ล้านพิกเซล (Sony IMX 616) รูรับแสง f/2.5 วางคู่กับกล้อง Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ช่วยเก็บภาพในมุมมองกว้าง 105 องศา
realme X50 Pro 5G ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามพรีเมี่ยม โครงสร้างหลักผลิตด้วยวัสดุโลหะ ด้านหลังได้รับการป้องกันพื้นผิวกระจกแบบ AG Glass Technology โดยมีค่าความขุ่น 25% และความขรุขระ 0.15 ไมครอน มีค่าความเปล่งแสงน้อยกว่า 1% เพื่อให้ได้ผิวสัมผัสแบบด้านจับถนัดมือ ไม่เกิดรอยนิ้วมือ และใช้โทนสีแบบ Low Saturation ที่มีความอิ่มตัวของสีในระดับต่ำและกำลังได้รับความนิยมในปีนี้ ผ่านกระบวนการเคลือบสี 6 ชั้น และขัดสีอย่างน้อย 21 วัน จนได้พื้นผิวสีที่มีความละเอียดสูง
realme X50 Pro 5G วางจำหน่ายในราคา 28,990 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Moss Green และ Rust Red
รีวิว realme X50 Pro 5G – https://www.flashfly.net/wp/305923
สมาร์ทโฟนดีไซน์สวยแห่งปี – realme X7 Pro 5G
realme X7 Pro 5G โดดเด่นที่ดีไซน์บางเบา มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Aerolite Black ใช้พื้นผิวเลนส์นูนระดับไฮเอนด์ และผ่านเครื่องจักรที่ดีที่สุดในการแกะสลักสู่เอฟเฟกต์สามเหลี่ยมบริเวณขอบตัวเครื่อง และสีที่เป็นไฮไลท์ Iridescent ด้วยพื้นผิวที่แตกต่างกัน 2 แบบ ถูกรวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างพื้นผิวหลายชั้น จากนั้นหุ้มด้วยสารเคลือบสองชั้นเพื่อให้เกิดการไหลเวียนของสี ทำให้โดดเด่นมากขึ้น และในขั้นตอนสุดท้ายใช้เทคโนโลยี AG เพื่อปรับปรุงพื้นผิวสัมผัสตัวเครื่อง
realme X7 Pro 5G มีกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 4 ตัว 64MP AI Quad Camera ประกอบด้วยกล้องตัวหลัก 64 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ของ Sony IMX686, กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 119 องศา, กล้อง B&W Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และ กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายภาพในระยะใกล้เพียง 4 เซนติเมตร
realme X7 Pro 5G ยังมาพร้อมจอแสดงผล Super AMOLED ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.55 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอ 120Hz ใช้ชิปประมวลผลระดับเรือธง MediaTek Dimensity 1000+ ความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM สูงสุด 256GB ตอบสนองความบันเทิงด้วยระบบเสียง Dolby Atmos และรองรับ Hi-Res Audio แบตเตอรี่ 4500mAh แถมอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ 65W SuperDart Charger (10V/6.5A) มาให้ในกล่อง
realme X7 Pro 5G วางจำหน่ายแล้วในราคา 16,990 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Aerolite Black และ Iridescent
รีวิว realme X7 Pro 5G – https://www.flashfly.net/wp/325821
สมาร์ทโฟน 5G แห่งปี – realme 7 5G
realme 7 5G สมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่รองรับ 5G แบบ Dual SIM Dual Standby ใช้งาน 5G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ดีไซน์ก็สวยงามพรีเมียมทันสมัย มาพร้อมจอแสดงผล 6.5 นิ้ว ที่ให้อัตราการรีเฟรช 120Hz ความจำ RAM + ROM ขนาดใหญ่ ระบบกล้องหลัง 48MP AI Quad Camera แบตเตอรี่ความจุมากถึง 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W นอกจากนี้ยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos และให้คุณภาพเสียงระดับ Hi-Res ถือเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่ตอบโจทย์ความบันเทิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในราคาที่แทบไม่น่าเชื่อ
realme 7 5G มาพร้อมจอแสดงผล 120Hz Ultra Smooth Display ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอ 120Hz สูงกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป 100% (สมาร์ทโฟนทั่วไปให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอ 60Hz) ตอบสนองการเล่นเกมและรับชมวิดีโอได้เป็นอย่างราบรื่นและลื่นไหล อีกทั้งยังมีอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสหน้าจอ 180Hz ทำให้การควบคุมเกมด้วยการแตะหน้าจอตอบสนองได้รวดเร็วทันใจ
realme 7 5G ใช้ชิปประมวลผลระดับ 7 นาโนเมตร MediaTek Dimensity 800U 5G ช่วยให้ realme 7 5G สนับสนุนเครือข่าย 5G ทั้ง 2 ซิมการ์ด แบบ Dual Standby จึงไม่ต้องเสียเวลาสลับการใช้งานระหว่างซิมการ์ด โดยรองรับ 12 คลื่นความถี่ 5G ทั่วโลก (n1, n3, n5, n7, n8, n20, n28, n38, n40, n41, n77, n78)
realme 7 5G ยังรองรับ 5G-CA (2CC 5G Carrier Aggregation) นำความถี่หลายย่านมารวมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเสถียรภาพในการรับสัญญาณ มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน realme 7 5G จะได้รับประสบการณ์เครือข่าย 5G ที่รวดเร็วและครอบคลุมที่สุด นอกจากนี้ realme 7 5G ยังรองรับคลื่นความถี่ 2G, 3G และ 4G ในปัจจุบัน
realme 7 5G วางจำหน่ายแล้วในราคา 9,999 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Mist Biue และ Flash Silver
รีวิว realme 7 5G – https://www.flashfly.net/wp/309028
สมาร์ทโฟนชาร์จไวแห่งปี – realme 7 Pro
realme 7 Pro มีจุดเด่นที่เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge ตามสโลแกน “65W สู่การชาร์จที่เหนือขั้น” สามารถชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 4500mAh ของ realme 7 Pro จากระดับ 0 ถึง 100% ภายในเวลาเพียง 34 นาที และยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรก ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก TÜV Rheinland Smartphone Reliability ประเทศเยอรมัน
realme 7 Pro มาพร้อมจอแสดงผล Super AMOLED ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.4 นิ้ว ขอบเขตสี NTSC 98% ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้บนหน้าจอ ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 720G ผลิตด้วยเทคโนโลยี 8 นาโนเมตร ความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 128GB
realme 7 Pro มาพร้อมระบบกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX682, กล้อง Ultra wide 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 119 องศา, กล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายภาพใกล้วัตถุ 4 เซนติเมตร และ กล้อง Portrait B&W 2 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพบุคคล ส่วนกล้องเซลฟี่ 32 ล้านพิกเซล
realme 7 Pro วางจำหน่ายในราคา 10,990 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Mirror Blue กับ Mirror Sliver และล่าสุดได้ออก realme 7 Pro Limited Edition มาเป็นตัวเลือกใหม่ ด้วยสี Horizon Orange วัสดุหนัง Vegan Micrograin Leather สุดพรีเมี่ยม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รีวิว realme 7 Pro – https://www.flashfly.net/wp/315706
สุดยอดผลิตภัณฑ์ AIoT แห่งปี – realme Buds Air Pro และ realme Watch S
realme Buds Air Pro
realme Buds Air Pro หูฟังไร้สายแบบ True Wireless ที่มีระบบ Active Noise Cancellation ตัดเสียงรบกวนได้ถึง 35 เดซิเบล มาพร้อมโครโฟนคู่ช่วยลดเสียงรบกวนระหว่างสนทนา และยังมี Transparency Mode เพื่อเปิดรับเสียงรอบข้าง สามารถคุยกับคนข้างๆ ได้ โดยไม่ต้องถอดหูฟังออกจากหู
realme Buds Air Pro รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 ให้ค่า Latency ที่ต่ำเพียง 94 มิลลิวินาที เมื่อเปิดโหมดเล่นเกม ได้รับ Bass Boost Driver ขนาด 10 มิลลิเมตร ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 25 ชั่วโมง รองรับชาร์จเร็ว ชาร์จเพียง 10 นาที ฟังเพลงได้นาน 3 ชั่วโมง และออกแบบมาให้กันน้ำได้ที่ระดับ IPX4
realme Buds Air Pro วางจำหน่ายในราคา 2,999 บาทมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว Soul White และ สีดำ Rock Black
realme Watch S
realme Watch S ดีไซน์พรีเมี่ยมด้วยหน้าปัดวงกลม ตัวเรือนอลูมิเนียมอัลลอย เกรด 6063 พร้อมกระจก 2.5D Corning Gorilla Glass ใช้จอสัมผัส ความละเอียด 360 x 360 พิกเซล ขนาด 1.3 นิ้ว เปลี่ยน Watch Face ได้มากกว่า 100 แบบ รองรับฟีเจอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดระดับออซิเจนในเลือดได้ (SpO2) ติดตามการออกกำลังกายได้ 16 โหมด ป้องกันน้ำในระดับ IP68 และรองรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 15 วัน
realme Watch S วางจำหน่ายในราคา 2,999 บาทตัวเรือนสีดำและมีสายให้เลือกเปลี่ยน 4 สี ได้แก่ สีดำ, สีน้ำเงิน, สีส้ม และ สีเขียว
รีวิว realme Buds Air Pro และ Watch S – https://www.flashfly.net/wp/321960
สรุป
realme ก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2018 หรือเมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมา ปัจจุบันเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 7 ของโลก และครองอันดับ 4 ในประเทศไทย จึงเรียกได้ว่าเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนเพื่อคนรุ่นใหม่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก สถิติเหล่านี้ช่วยยืนยันได้ว่าผลิตภัณฑ์ของ realme นั้นมีทั้งคุณภาพในการผลิต และประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนระดับล่าง หรือระดับแฟลกชิป
คุณภาพของ realme สะท้อนออกมาชัดเจนเมื่อมองไปที่ สมาร์ทโฟนคุ้มค่าแห่งปี realme C12 ที่มีราคาเพียง 3,999 บาท แต่ได้รับการผลิตอย่างมีคุณภาพ ผ่านการทดสอบความทนทานของฮาร์ดแวร์ต่างๆ นับแสนครั้ง แสดงให้เห็นว่า realme ให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ถึงแม้จะเป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น ดังนั้น สมาร์ทโฟนระดับกลาง และแฟลกชิปของ realme จึงผ่านกระบวนการผลิตที่มีมาตรฐานสูงขึ้นไปอีก อย่าง realme 7 Pro นับเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรก ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก TÜV Rheinland Smartphone Reliability ประเทศเยอรมัน
นอกจากสมาร์ทโฟน ในปีนี้ realme ยังผลักดันผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ AIoT ออกมากกว่า 50 รายการ ไม่ว่าจะเป็นหูฟังไร้สาย สมาร์ทวอทช์ สมาร์ทีวี และตั้งเป้าเปิดตัวอีกมากกว่า 100 รายการ ในปีหน้า ดังนั้น ในปี 2021 เราสามารถคาดหวังได้ว่า realme จะแนะนำสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น คุ้มค่ามากขึ้น พร้อมกับการเติบโตของผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ AIoT ที่จะสร้างระบบนิเวศของ realme ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น