สิ้นสุดการรอคอย Apple ประกาศวางจำหน่าย iPhone 12 series ทางการในประเทศไทยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป พร้อมกันทั้ง 4 รุ่น ได้แก่ iPhone 12 mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max โดยแต่ละรุ่นจะมีความสวยงามขนาดไหน ทีมงาน @flashfly พร้อมพาไปสัมผัสแล้วอย่างใกล้ชิด ทุกรุ่น ทุกสี
iPhone 12 และ iPhone 12 mini
iPhone 12 mini เป็น iPhone 12 ที่มีขนาดเล็กที่สุด ด้วยสัดส่วน 131.5 x 64.2 x 7.4 มิลลิเมตร น้ำหนัก 133 กรัม มาพร้อมจอแสดงผล OLED ซึ่งทาง Apple เรียกว่า Super Retina XDR ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล ขนาด 5.4 นิ้ว มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน, สีเขียว, สีดำ, สีขาว และ สีแดง (PRODUCT)RED
iPhone 12 ใช้ดีไซน์และวัสดุแบบเดียวกับ iPhone 12 mini โครงสร้างหลักเป็นอะลูมิเนียม ด้านหลังเป็นกระจก ด้านหน้าเป็น Ceramic Shield มาพร้อมจอแสดงผล Super Retina XDR ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล ขนาด 6.1 นิ้ว ป้องกันน้ำในระดับ IP68 และมีให้เลือก 5 สี เช่นเดียวกัน ได้แก่ สีน้ำเงิน, สีเขียว, สีดำ, สีขาว และ สีแดง (PRODUCT)RED แต่มีขนาดใหญ่กว่า น้ำหนัก 162 กรัม
iPhone 12 mini และ iPhone 12 ได้รับกล้องหลัง 2 ตัว ประกอบด้วยกล้อง Wide และ Ultra Wide ความละเอียดเท่ากัน 12 ล้านพิกเซล กล้อง Wide มีขนาดรูรับแสง f/1.6 มาพร้อมระบบกันสั่น OIS ส่วนกล้อง Ultra Wide มี ขนาดรูรับแสง f/2.4 สามารถเก็บภาพในมุมมองกว้าง 120 องศา
iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max
iPhone 12 Pro มีขนาดเดียวกับ iPhone 12 แต่ใช้วัสดุพรีเมียมกว่าเหมือนกับ iPhone 12 Pro Max น้ำหนัก 187 กรัม มาพร้อมจอแสดงผล Super Retina XDR ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล ขนาด 6.1 นิ้ว มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีกราไฟต์, สีเงิน, สีทอง และ สีแปซิฟิกบลูผลิตด้วยวัสดุสแตนเลสสตีล จึงหนักกว่า iPhone 12 เล็กน้อย ด้านหน้าเป็น Ceramic Shield ที่มีความทนทานต่อการตกกระแทกได้มากขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับ iPhone ในปีที่แล้ว ด้านหลังเป็นกระจกผิวด้าน และได้รับการออกแบบมาให้ป้องกันน้ำในระดับ IP68
iPhone 12 Pro Max เป็น iPhone ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เท่าที่ Apple เคยผลิตออกมา โดยมีดีไซน์ วัสดุ และสีสัน เหมือนกับ iPhone 12 Pro แต่มีขนาดใหญ่กว่ามาพร้อมจอแสดงผล OLED หรือที่ Apple เรียกว่า Super Retina XDR ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว น้ำหนัก 226 กรัม
iPhone 12 Pro มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ซึ่งเป็นจุดที่สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับ iPhone 12 และ iPhone 12 mini ความละเอียดเท่ากัน 12 ล้านพิกเซล ดิจิตอลสูงสุด 10 เท่าและยังมาพร้อม LiDAR Scanner
กล้องหลังของ iPhone 12 Pro Max มีระบบป้องกันภาพสั่น OIS ทั้งกล้อง Wide และ Telephoto นอกจากนี้ กล้อง Wide ยังใช้ระบบป้องกันภาพสั่น OIS แบบ Sensor-shift อีกทั้งยังได้รับเซ็นเซอร์กล้องที่ใหญ่ขึ้น 47% และมีขนาดพิกเซลที่ใหญ่ขึ้น (1.7 ไมครอน) ทำให้ iPhone 12 Pro Max สามารถถ่ายภาพถ่ายภาพได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับ iPhone ทุกรุ่น (ในทางเทคนิคแล้ว สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีกว่า iPhone 12 Pro)
ราคา
iPhone 12 mini
- ความจุ 64GB ราคา 25,900 บาท
- ความจุ 128GB ราคา 27,900 บาท
- ความจุ 256GB ราคา 31,900 บาท
iPhone 12 มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีขาว, สีดำ, สีน้ำเงิน, สีเขียว และ สีแดง (PRODUCT)RED
iPhone 12
- ความจุ 64GB ราคา 29,900 บาท
- ความจุ 128GB ราคา 31,900 บาท
- ความจุ 256GB ราคา 35,900 บาท
iPhone 12 มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีขาว, สีดำ, สีน้ำเงิน, สีเขียว และ สีแดง (PRODUCT)RED
iPhone 12 Pro
- ความจุ 128GB ราคา 36,900 บาท
- ความจุ 256GB ราคา 40,900 บาท
- ความจุ 512GB ราคา 48,900 บาท
iPhone 12 Pro มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีกราไฟต์, สีเงิน, สีทอง และ สีแปซิฟิกบลู
iPhone 12 Pro Max
- ความจุ 128GB ราคา 39,900 บาท
- ความจุ 256GB ราคา 43,900 บาท
- ความจุ 512GB ราคา 51,900 บาท
iPhone 12 Pro Max มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีกราไฟต์, สีเงิน, สีทอง และ สีแปซิฟิกบลู