realme เป็นที่รู้จักในฐานะแบรนด์สมาร์ทโฟนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ใช้เวลาเพียง 2 ปี นับจากก่อตั้งในเดือนพฤษภาคม 2018 ก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ อยู่ในอันดับ 7 ของโลก ด้วยจำนวนผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 40 ล้านคน ในไตรมาสแรกของปี 2563 และหลังจากผ่านครึ่งปีแรกของปี 2563 จำนวนผู้ใช้งาน realme ก็เพิ่มมากขึ้นกว่า 15 ล้านคน
หลังจากประสบความสำเร็จในตลาดสมาร์ทโฟน realme ก็ได้ขยายตลาดมาในกลุ่มผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ AIoT ไม่ว่าจะเป็นหูฟังไร้สาย, สมาร์ทวอทช์, สมาร์ททีวี, แปรงสีฟันไฟฟ้า โดยมีเป้าหมายเป็นแบรนด์ AIoT ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยกลยุทธ์ 1 + 1 หรือ สมาร์ทโฟน + ผลิตภัณฑ์ AIoT เพื่อสร้างไลฟ์สไตล์ที่สมาร์ทนำเทรนด์สู่ผู้ใช้งานทั่วโลก ซึ่งในปีนี้ realme วางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AloT มากกว่า 50 รายการ และตั้งเป้าเปิดตัวอีกมากกว่า 100 รายการ ในปี 2564
สำหรับประเทศไทย realme มีผลิตภัณฑ์ AIoT วางจำหน่ายอยู่แล้วหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นหูฟังไร้สาย, กำไลดิจิตอล, สมาร์ทวอทช์ และล่าสุดได้เปิดตัวกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ realme Smart Cam 360°, เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ realme Smart Scale รวมถึงหูฟังไร้สายแบบ TWS รุ่นใหม่ realme Buds Air Pro และ สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ realme Watch S ซึ่งทีมงาน @flashfly พร้อมรีวิวให้อ่านแล้ว
realme Watch S สมาร์ทวอชพรีเมียม
realme Watch S สมาร์ทวอทช์รุ่นที่ 2 ของแบรนด์ ที่ได้รับการออกแบบใหม่ ดูพรีเมียมมากขึ้น และเปลี่ยนจากหน้าปัดสี่เหลี่ยมเป็นวงกลม มาพร้อมจอสัมผัสขนาด 1.3 นิ้ว สามารถปรับความสว่างอัตโนมัติ รองรับฟีเจอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดระดับออซิเจนในเลือด แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 15 วัน
สเปก realme Watch S
- จอแสดงผล ขนาด 1.3 นิ้ว ระบบสัมผัส
- เซ็นเซอร์วัดความเร่ง 3 แกน, เซ็นเซอร์วัดอัตราหัวใจ, เซ็นเซอร์ตรวจสอบการสวมใส่ และ มอเตอร์การสั่น
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
- ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน Android 5.0 ขึ้นไป ผ่านแอพ realme Link
- ป้องกันกันน้ำที่ระดับ 1.5 เมตร นานสูงสุด 30 นาที
- แบตเตอรี่ 390mAh ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 15 วัน (HRM: On)
- ขนาดตัวเรือนพร้อมสาย 259.5 x 47 x 12 มิลลิเมตร
- น้ำหนักตัวเรือนพร้อมสาย 48 กรัม
ดีไซน์สวยหรู
realme Watch S เปลี่ยนดีไซน์จากสี่เหลี่ยมในรุ่นแรกเป็นวงกลม มาพร้อมตัวเรือนอลูมิเนียมอัลลอย เกรด 6063 ที่ให้ความแข็งแรง น้ำหนักเบา
ด้านข้างมีปุ่มกด 2 ปุ่ม โดยปุ่มบนใช้กดเปิดเมนูหลัก (กดอีกครั้งจะกลับหน้าจอโฮม) ปุ่มล่างกดเพื่อเปิดโหมดติดตามออกกำลังกาย ส่วนการนำทางและเปิดแอพหรือฟีเจอร์ต่างๆ ใช้วิธีการแตะหรือปัดบนหน้าจอ
ด้านหลังติดตั้งเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และมีขั้วแม่เหล็กสำหรับแนบติดกับอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่
ตัวเรือน realme Watch S มีเพียงตัวเลือกเดียว คือ สีดำ แต่สายนาฬิกาสามารถถอดเปลี่ยนได้ และมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีดำ, สีน้ำเงิน, สีส้ม และ สีเขียว
สายนาฬิกา ผลิตจากวัสดุซิลิโคนคุณภาพสูง เพื่อให้สวมใส่ได้อย่างสบาย ไม่ระคายต่อผิวหนัง โดยมีกว้าง 23 มิลลิเมตร และสามารถปรับขนาดได้ 164 – 208 มิลลิเมตร
realme Watch S ได้รับการออกแบบมาให้สามารถต้านทานน้ำที่ระดับ 1.5 เมตร นานสูงสุด 30 นาที ตามมาตรฐาน IP68 สามารถสวมใส่ในระหว่างอาบน้ำหรือล้างมือได้
realme Watch S ผ่านการทดสอบความทนทานอย่างเข้มงวด สามารถต้านทานแรงดึงมากกว่า 7 กิโลกรัม ต้านทานการงอและแรงกดมากกว่า 3,000 ครั้ง ส่วนปุ่มด้านข้างถูกทดสอบด้วยการกดมากกว่า 100,000 ครั้ง
จอสัมผัสขนาดใหญ่
realme Watch S มาพร้อมจอแสดงผล ระบบสัมผัส ความละเอียด 360 x 360 พิกเซล ขนาด 1.3 นิ้ว ความหนาแน่น 278 พิกเซลต่อนิ้ว สีสันคมชัดสดใส และให้ความสว่างสูงสุด 600 นิต จึงมองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้อยู่นอกอาคาร
จอแสดงผลของ realme Watch S มีเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงรอบทิศทาง สามารถปรับความสว่างหน้าจอโดยอัตโนมัติ หรือปรับความสว่างด้วยตัวเองได้ 5 ระดับ
จอแสดงผลของ realme Watch S ยังมาพร้อมกระจก 2.5D Corning Gorilla Glass ช่วยเพิ่มความสวยงาม และยังป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างดี
realme Watch S มีหน้าปัด หรือ Watch Face มากกว่า 100 แบบ ที่ได้รับการออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ รวมถึงผู้ใช้งาน และสามารถใช้รูปภาพที่ต้องการ หรือ ภาพถ่ายจากสมาร์ทโฟน มาเป็นวอลเปเปอร์ได้
โหมดติดตามสุขภาพ
realme Watch S มาพร้อมฟีเจอร์ติดตามอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ ทุกๆ 5 นาที ตลอด 24 ชั่วโมง โดยใช้เซ็นเซอร์ PPG คุณภาพสูง จากบริษัท Goodix ผู้นำด้านเซ็นเซอร์ ที่มีความรวดเร็วและแม่นยำ
เซ็นเซอร์ PPG ติดตั้งไว้ที่ด้านหลังสมาร์ทวอทช์ เมื่อทำการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ เซ็นเซอร์จะปล่อยแสงสีเขียวส่องลงไปใต้ผิวหนัง เพื่อตรวจสอบความเข้มของเลือดตามแรงสูบฉีดของหัวใจ จากนั้นจะสะท้อนกลับมายังสมาร์ทวอทช์ พร้อมแปลงค่าเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ
นอกจากการวัดโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้งาน realme Watch S ยังสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจในระหว่างพักผ่อน หรือ ออกกำลังกาย และยังมีระบบแจ้งเตือนเมื่อสมาร์ทวอทช์พบว่าผู้สวมใส่มีอัตราการเต้นของหัวใจต่ำหรือสูงกว่าปกติ
realme Watch S สามารถวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) ได้ด้วย และทำงานได้อย่างแม่นยำเทียบเท่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ และมีระบบแจ้งเตือน เมื่อพบว่าผู้สวมใส่มีปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำกว่าปกติ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากเลือดไปหล่อเลี้ยงเซลล์ไม่เพียงพอ และอาจนำไปสู่ภาวะที่เป็นอัตรายได้
realme Watch S ยังมีฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับ, นับระยะทาง, นับจำนวนก้าวในแต่ละวัน, คำนวณปริมาณแคลอรี่, แจ้งเตือนให้ดื่มน้ำ และบันทึกกิจกรรมในแต่ละวัน
โหมดติดตามการออกกำลังกาย
นอกจากจะใส่ใจในสุขภาพของผู้สวมใส่แล้ว realme Watch S ยังเป็นผู้ช่วยที่ดีสำหรับผู้ที่รักการออกกำลังกาย โดยมีโหมดติดตามการออกกำลังกายถึง 16 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น วิ่งกลางแจ้ง, เดิน, วิ่งในร่ม, ปั่นจักรยานกลางแจ้ง, แอโรบิค, บริหารกล้ามเนื้อ, ฟุตบอล, บาสเก็ตบอล, ปิงปอง, แบดมินตัน, คริกเก็ต, ปั่นจักรยานในร่ม, โยคะ, เครื่องออกกำลังกายกรรเชียงบก, เครื่องเดินวงรี และ จักรยานออกกำลังกาย
จับคู่กับสมาร์ทโฟน
realme Watch S รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 สามารถจับคู่กับสมาร์ทโฟน Android 5.0 ขึ้นไป ผ่านแอพพลิเคชั่น realme Link ดาวน์โหลดฟรีผ่านทาง Google Play Store
แอพพลิเคชั่น realme Link ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดูบันทึกการติดตามสุขภาพและการออกกำลังกายอย่างละเอียดได้บนหน้าจอสมาร์ทโฟน รวมไปถึงตั้งค่าการใช้งานต่างๆ ของสมาร์ทวอทช์
เมื่อจับคู่ realme Watch S กับสมาร์ทโฟน จะช่วยให้ผู้ใช้งานรับการแจ้งเตือนต่างๆ จากสมาร์ทโฟนผ่านหน้าจอสมาร์ทวอทช์ได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการโทร, ข้อความ SMS และรองรับการแจ้งเตือนทุกแอพที่ติดตั้งบนสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, WhatsApp
นอกจากนี้ realme Watch S ยังสามารถควบคุมการใช้งานสมาร์ทโฟนได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นเพลง, ใช้เป็นรีโมทถ่ายภาพจากระยะไกล รวมไปถึงฟังก์ชั่นการโทร
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่
realme Watch S มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ 390mAh ให้อายุการใช้งานยาวนานถึง 15 วัน ถึงแม้จะเปิดฟีเจอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และถ้าเปิดโหมด Power Saving Mode จะให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 20 วัน
realme Watch S มาพร้อมอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่แบบแม่เหล็กที่ใช้งานได้สะดวก เพียงแนบติดกับด้านหลังของสมาร์ทวอทช์ และสามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ในเวลา 2 ชั่วโมง
realme Buds Air Pro หูฟังไร้สายตัดเสียงรบกวน
realme Buds Air Pro นับเป็นหูฟังไร้สายแบบ True Wireless รุ่นที่ 4 ของ realme โดยชูจุดเด่นที่ระบบ Active Noise Cancellation ตัดเสียงรบกวนได้ถึง 35 เดซิเบล รองรับโหมด Super Low Latency ที่ต่ำเพียง 94 มิลลิวินาที และ ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 25 ชั่วโมง
สเปก realme Buds Air Pro
- ขนาดไดรเวอร์ 10 มิลลิเมตร
- ชิปเซ็ท S1
- ระบบตัดเสียงรบกวน ANC (Active Noise Cancellation)
- ไมโครโฟนคู่ช่วยลดเสียงรบกวนระหว่างสนทนา
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0, USB Type-C
- ป้องกันน้ำในระดับ IPX4 (เฉพาะหูฟัง)
- อายุการใช้งานนานสูงสุด 25 ชั่วโมง
- ขนาดเคสชาร์จ 60.5 x 56 x 24 มิลลิเมตร
- น้ำหนักเคสชาร์จ 39.5 กรัม
- น้ำหนักหูฟัง ข้างละ 5 กรัม
ดีไซน์ถูกหลักสรีรศาสตร์
realme Buds Air Pro ถูกเก็บไว้ในเคสชาร์จที่มีรูปทรงโค้งมน ทันสมัย พื้นผิวเรียบ โดยดีไซน์เนอร์ของ realme ได้รับแรงบันดาลใจมาจากก้อนหินตามธรรมชาติที่อยู่ใต้ผิวน้ำ และสะท้อนแสงออกมาอย่างงดงาม โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว Soul White และ สีดำ Rock Black
เคสชาร์จมีน้ำหนักเบา 39.5 กรัม ด้านหน้ามีไฟ LED สำหรับแสดงสถานะการเชื่อมต่อและแบตเตอรี่ ด้านล่างมีช่องต่อสายชาร์จแบบ USB Type-C
ตัวหูฟังใช้สีเดียวกับเคส แต่ละข้างมีน้ำหนักเบาเพียง 5 กรัม ได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ มาพร้อมจุกหูฟังซิลิโคนที่เป็นมิตรกับผิวหนัง จึงสวมใส่ได้อย่างสบายหูตลอดทั้งวัน แถมจุกหูฟังมาให้ 3 คู่ ในขนาดที่แตกต่างกัน เพื่อให้ผู้ใช้งานแต่ละคนสวมใส่ได้อย่างมั่นคงมากที่สุด
หูฟังทั้ง 2 ข้าง ได้รับการออกแบบมาให้ป้องกันน้ำในระดับ IPX4 สามารถต้านทานละอองน้ำ สายฝน และ เหงื่อ จึงสามารถสวมใส่ระหว่างออกกำลังกายได้
realme Buds Air Pro ผ่านกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพสูง เคสชาร์จผ่านการทดสอบเปิด-ปิดฝา 10,000 ครั้ง, ผ่านการทดสอบกดปุ่ม 10,000 ครั้ง, ผ่านการทดสอบ 2,500 ครั้งสำหรับปุ่มกันน้ำ, ผ่านการทดสอบเสียบสายชาร์จ 5,000 ครั้ง, ผ่านการทดสอบ 168 ชั่วโมง ในอุณหภูมิต่ำสุด -50 องศา และอุณหภูมิสูงสุด 75 องศา
จับคู่ง่าย
ด้วยชิป S1 พร้อมเทคโนโลยี Google Fast Pair ช่วยให้ realme Buds Air Pro สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และง่ายดาย เพียงนำหูฟังมาอยู่ใกล้กับสมาร์ทโฟน เปิดการเชื่อมต่อ Bluetooth บนสมาร์ทโฟน จากนั้นให้เปิดฝาเคสชาร์จของหูฟัง รอไม่กี่วินาที สมาร์ทโฟนกับหูฟังก็จะจับคู่ให้ทันที
อย่างไรก็ตาม สมาร์ทโฟนจะต้องติดตั้งแอพพลิเคชั่น realme Link เพื่อตั้งค่าฟีเจอร์ต่างๆ ของหูฟัง รวมถึงวิธีการควบคุม และอัพเดทซอฟต์แวร์
ควบคุมด้วยระบบสัมผัส
ผู้ใช้งานสามารถควบคุมการใช้งาน realme Buds Air Pro ได้โดยการแตะนิ้วที่ด้านหลังหูฟังในขณะเสียบไว้ที่หู โดยค่าเริ่มต้นรองรับคำสั่งดังต่อไปนี้
- แตะ 1 ครั้ง เพื่อรับสาย
- แตะ 2 ครั้ง เพื่อเล่นหรือหยุดเล่นเพลงชั่วคราว
- แตะ 3 ครั้ง เพื่อข้ามไปเพลงถัดไป
- แตะค้างไว้ที่ข้างใดข้างหนึ่ง ราว 2 วินาที เพื่อเปลี่ยนโหมดการใช้งาน
- แตะค้างไว้ที่หูฟังทั้ง 2 ข้าง ราว 2 วินาที เพื่อเปิดหรือปิดโหมดเกม (Super Low Latency)
ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปเปลี่ยนฟังก์ชั่นหรือวิธีการแตะหูฟังได้จากแอพ realme Link บนสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกับหูฟัง
นอกจากนี้ realme Buds Air Pro ยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ที่ทำงานได้อย่างชาญฉลาด เมื่อถอดหูฟังออกจากหู ก็จะหยุดเล่นเพลงทันที และจะเล่นต่อโดยอัตโนมัติ เมื่อสวมหูฟังกลับเข้าไป
ระบบตัดเสียงรบกวน
realme Buds Air Pro มาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ ANC (Active Noise Cancellation) โดยใช้ไมโครโฟน 2 ตัว ช่วยดักเสียงจากด้านนอกและด้านในหูฟัง เพื่อสร้างคลื่นเสียงย้อนกลับ ทำให้การตัดเสียงรบกวนมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถลดเสียงรบกวนได้ถึง 35 เดซิเบล
การออกแบบหูฟังก็มีส่วนช่วยให้ระบบตัดเสียงรบกวนมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน โดย realme ได้ออกแบบหูฟังให้เข้ากับรูปทรงหูมากที่สุด และยังออกแบบขนาดกับจุกหูฟังอย่างพิถีพิถัน เพื่อไม่ให้เสียงจากภายนอกเข้ามารบกวน
โหมดตัดเสียงรบกวน ANC ช่วยให้ผู้ใช้งานฟังเพลงได้อย่างเต็มอิ่ม ส่วนการโทรคุย realme Buds Air Pro ใช้ไมโครโฟนคู่ ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบ ENC (Environmental-Noise Cancellation) ช่วยดักเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้สนทนาได้อย่างชัดเจน
realme Buds Air Pro ยังมีโหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency Mode) ช่วยให้ผู้สวมใส่ ได้ยินเสียงรอบข้างโดยไม่จำเป็นต้องถอดหูฟังออก จึงสามารถพูดคุยกับคนข้างๆ หรือ ฟังเสียงประกาศที่สำคัญได้
คุณภาพเสียง
realme Buds Air Pro สนับสนุนการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้อย่างเสถียร ในรัศมี 10 เมตร มาพร้อม Driver Bass Boost ขนาด 10 มิลลิเมตร ถูกใจนักฟังเพลงที่ชอบเสียงเบสเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเพลงแดนซ์หรือเพลงร็อค และยังรองรับไฟล์เสียงคุณภาพสูง ACC
realme Buds Air Pro ยังออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมและรับชมวิดีโอ ด้วยโหมด Super Low Latency Mode หรือ Gaming Mode ให้ค่าหน่วงเวลาที่ต่ำเพียง 94 มิลลิวินาที ปรับปรุงจากรุ่นก่อนหน้าถึง 21% จึงแสดงภาพและเสียงได้ตรงกันไม่ดีเลย์
แบตเตอรี่
realme ใช้ชิป S1 ที่จัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยความจุแบตเตอรี่ขนาด 486mAh ในเคสชาร์จ ช่วยให้ realme Buds Air Pro สามารถฟังเพลงได้ยาวนานสูงสุด 25 ชั่วโมง หรือ 20 ชั่วโมง เมื่อเปิดโหมดตัดเสียงรบกวน ANC
นอกจากนี้ realme Buds Air Pro ยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ชาร์จเพียง 10 นาที สามารถใช้งานได้นาน 3 ชั่วโมง และชาร์จจนเต็ม 100% ภายในระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมง
realme Smart Cam 360° กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ
realme Smart Cam 360° กล้องวงจรปิดอัจฉริยะรุ่นแรกของ realme แน่นอนว่ามีจุดเด่นที่สามารถหมุนได้รอบ 360 องศา เพื่อให้ผู้ใช้งานได้มองเห็นทุกอย่างภายในบ้าน สามารถบันทึกวิดีโอในความละเอียดสูง Full HD 1080p และมาพร้อมเทคโนโลยี AI ช่วยตรวจจับการเคลื่อนไหว เพื่อแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์เมื่อพบความผิดปกติ
สเปก realme Smart Cam 360°
- ความละเอียดกล้อง 1920 x 1080 พิกเซล มุมมองกว้าง 105 องศา
- Wide Dynamic Range ปรับปรุงคุณภาพเมื่อถ่ายย้อนแสง
- 3D Noise Cancelling ลดจุดรบกวน เมื่อบันทึกภาพในที่แสงน้อย
- แกนยึดกล้องสามารถหมุนรอบทิศทางได้ 360 องศา
- ระบบ AI ตรวจจับการเคลื่อนไหว
- สามารถโทรเข้าเพื่อโต้ตอบได้สองทาง
- รองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 128GB
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11b/g/n (2.4GHz)
- ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Android 5.0 ขึ้นไป หรือ iOS 9.0 ขึ้นไป
- ขนาด 114.3 x 71 x 65.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 190 กรัม
ดีไซน์ทันสมัย
realme Smart Cam 360° มาในบอดี้สีขาว โดดเด่นที่โมดูลกล้องทรงกลมขนาดใหญ่ สามารถหมุนได้ 4 ทิศทาง ซ้าย ขวา ขึ้น ลง และใต้เลนส์กล้องจะมีไฟ LED ติดตั้งมาให้ 1 จุด
ส่วนฐานถูกออกแบบมาให้สามารถหมุนได้รอบ 360 องศา สามารถวางบนโต๊ะ หรือจะติดตั้งไว้บนเพดานก็ได้ โดยในกล่องมีชุดติดตั้งบนเพดานมาให้ด้วย
บริเวณด้านหน้าใต้โมดูลกล้องมีพื้นผิวราบเรียบ สามารถติดสติกเกอร์เพิ่มความน่ารักให้กับตัวกล้องได้ หรือให้เข้ากับของตกแต่งบ้าน ตัวอย่างเช่น เนคไท, หนวด, ชุดนักบินอวกาศ, โคนไอศครีม เป็นต้น (แถมสติกเกอร์มาให้ในกล่อง)
realme Smart Cam 360° มาพร้อมสาย USB เสียบเข้าที่ส่วนฐาน และปลายสายเสียบกับ Power Adapter (ในกล่องมาพร้อมสาย USB และ Power Adapter)
เริ่มต้นใช้งาน
ก่อนจะเริ่มต้นใช้งานควรเสียบการ์ด MicroSD ไว้ที่ตัวกล้องก่อน โดยรองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 128GB เมื่อเตรียมการ์ด MicroSD ไว้แล้ว ให้หมุนโมดูลกล้องขึ้น จะพบกับช่องเสียบการ์ด MicroSD จากนั้นจึงเสียบปลั๊ก เพื่อเปิดให้กล้องทำงาน
การควบคุมกล้อง realme Smart Cam 360° จะอาศัยแอพพลิเคชั่น realme Link บนสมาร์ทโฟน เมื่อเข้าสู่แอพ ให้แตะที่ชื่อกล้อง ก็จะเห็นภาพจากกล้องแบบเรียลไทม์ ถัดลงมาจะมีปุ่มควบคุมกล้อง สามารถหมุนกล้องตามทิศทางที่ต้องการ สั่งบันทึกภาพ โทรเข้าไปยังกล้อง รวมถึงเปิดดูภาพที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้
คุณภาพกล้อง
realme Smart Cam 360° มาพร้อมกล้องมุมมองกว้าง 105 องศา สำหรับถ่ายวิดีโอในความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล รองรับเทคโนโลยี Wide Dynamic Range เพื่อให้ภาพมีช่วงไดนามิคที่สูงขึ้น เมื่ออยู่ในสภาวะย้อนแสง
realme Smart Cam 360° สามารถใช้สมาร์ทโฟนเพื่อหมุนตัวกล้องได้ 360 องศา โดยใช้มอเตอร์คู่ ทำให้มีเสียงรบกวนที่เบามาก และยังควบคุมโมดูลกล้องให้ขยับได้อีก 4 ทิศทาง ซ้าย ขวา ขึ้น ลง (มุมมองแนวตั้งกว้าง 110 องศา) มั่นใจได้ว่าสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบกล้องได้ทุกพื้นที่
ในเวลากลางคืน realme Smart Cam 360° ก็ยังจับภาพได้อย่างชัดเจนด้วยเทคโนโลยีลดจุดรบกวน 3D Noise Cancelling มาพร้อมแสงอินฟราเรด 940 นาโนเมตร จึงมองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจนแม้อยู่ในที่มืด และมีระยะการมองเห็นถึง 10 เมตร
ความปลอดภัย
realme Smart Cam 360° มาพร้อมเทคโนโลยี AI ช่วยตรวจจับเสียงและการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ และเมื่อพบความผิดปกติ ก็จะส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังสมาร์ทโฟนที่จับคู่แบบเรียลไทม์ ขณะที่ตัวกล้องก็สามารถติดตามวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวได้
realme ยังใส่ใจในเรื่องความเป็นส่วนตัวด้วยการเข้ารหัสวิดีโอที่จัดเก็บลงในการ์ด MicroSD ทำให้ไม่สามารถนำการ์ดไปเปิดดูวิดีโอจากอุปกรณ์เครื่องอื่นได้ ต้องดูผ่านแอพ realme Link บนสมาร์ทโฟนที่จับคู่กับกล้องเท่านั้น
realme Smart Cam 360° รองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 128GB สามารถบันทึกภาพได้ยาวนานต่อเนื่องเป็นเวลา 14 วันตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน (ข้อมูลบันทึกไว้ในที่พักอาศัยเท่านั้น) พร้อมเข้ารหัส H.265 โดย 50% ของพื้นที่เก็บข้อมูลจะเป็นแบบ H.264 ซึ่งจะช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บได้ครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังสามารถทำให้การส่งผ่านเครือข่ายราบรื่นขึ้น และการเล่นวิดีโอมีความเสถียรมากขึ้น
โต้ตอบได้สองทาง
realme Smart Cam 360° มาพร้อมไมโครโฟนและลำโพงในตัว ซึ่งลำโพงให้เสียงดังชัดเจนในระยะ 4 เมตร และสามารถโทรเข้ามายังกล้องได้ผ่านแอพ realme Link บนสมาร์ทโฟนที่จับคู่กับกล้อง
จึงเหมาะสำหรับติดตั้งไว้ในบ้านที่มีผู้สูงอายุ หรือ ไว้ในห้องที่มีเด็กเล็ก เพราะผู้ใช้งานสามารถโทรมายังกล้อง และพูดคุยกับสมาชิกในบ้านแบบเรียลไทม์ พร้อมเห็นใบหน้าและตรวจสอบสภาพบ้านพักอาศัยได้ในเวลาเดียวกัน ผู้ใช้งานยังสามารถโทรเข้ามายังกล้องเพื่อเตือนคนแปลกหน้าที่พยายามสอดส่องเข้ามาในบ้าน โดยมีท่าทางไม่น่าไว้ใจ
การเชื่อมต่อที่เสถียร
กล้อง realme Smart Cam 360° มาพร้อมเทคโนโลยี Wi-Fi Relay ช่วยเพิ่มความเสถียรในการเชื่อมต่อ โดยใช้ชิป Wi-Fi คุณภาพสูง เพื่อทำให้การรับ-ส่งสัญญาณ Wi-Fi ระดับฮาร์ดแวร์สองทาง มีเสถียรภาพมากขึ้น และระยะการส่งข้อมูลยาวขึ้น
realme Smart Scale เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ
เครื่องชั่งน้ำหนัก realme Smart Scale ไม่ได้ทำหน้าที่บอกน้ำหนักเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดไขมันในร่างกาย ตรวจจับข้อมูลสุขภาพได้ถึง 16 รายการ อีกทั้งยังมาพร้อม Light Weight Mode สามารถชั่งสิ่งของที่มีน้ำหนักระหว่าง 50 กรัม ถึง 9.99 กิโลกรัม ได้อย่างแม่นยำ
สเปก realme Smart Scale
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
- ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Android 5.0 ขึ้นไป
- ใช้แบตเตอรี่ขนาด AAA จำนวน 4 ก้อน
- อายุการใช้งานยาวนาน 360 วัน (เมื่อใช้งานวันละ 2 – 3 ครั้ง)
- ขนาดเครื่องชั่ง 300 x 300 x 23.3 มิลลิเมตร
- น้ำหนักเครื่องชั่ง 1.69 กิโลกรัม
ดีไซน์สวยงาม
realme Smart Scale ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามทันสมัย เข้าได้กับทุกมุมในบ้าน โดยมีความบางเพียง 23.3 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.69 กิโลกรัม เคลื่อนย้ายสะดวก และวางบนพื้นได้อย่างมั่นคง ด้วยฐานรองทั้ง 4 มุม ที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี
ด้านบนของเครื่องชั่งได้รับการป้องกันด้วยกระจกนิรภัยขั้นสูงหนา 6 มิลลิเมตร รับน้ำหนักได้สูงสุด 350 กิโลกรัม ซึ่งหมายถึงความทนทาน ส่วนการชั่งน้ำหนัก รองรับสูงสุด 150 กิโลกรัม โดยแสดงน้ำหนักผ่านหน้าจอ LED
realme Smart Scale ผลิตออกมา 2 สี ได้แก่ สีขาว ที่เหมาะกับทุกสไตล์การแต่งบ้าน และ สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีที่กำลังได้รับความนิยม บ่งบอกถึงความทันสมัยของผู้ใช้งาน
เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ BIA ขั้นสูง
realme Smart Scale มาพร้อมเซ็นเซอร์ BIA (Bioelectrical Impedance Analysis) สามารถอ่านค่าได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำสูง สามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักเบาสุด 50 กรัม ซึ่งหมายถึง เพียงดื่มน้ำเพิ่ม 1 แก้ว หรือผลไม้เพียง 1 – 2 ผล ก็สามารถบอกน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นได้
เซ็นเซอร์ BIA ยังสามารถตรวจจับข้อมูลสุขภาพได้ถึง 16 รายการ ได้แก่ น้ำหนัก, สัดส่วนไขมัน, รูปร่าง, BMI, อัตราความชื้น, สัดส่วนกล้ามเนื้อ, ระดับไขมันในช่องท้อง, กล้ามเนื้อลาย, ความหนาแน่นมวลกระดูก, โปรตีน, มวลไขมัน, อัตราการเต้นหัวใจ, มวลกล้ามเนื้อ, อายุร่างกาย, อัตราการเผาผลาญ และ น้ำหนักร่างกายไม่รวมไขมัน นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจับอัตราการเต้นของหัวใจได้แบบเรียลไทม์
ตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด
realme Smart Scale รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 สำหรับจับคู่กับสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่น realme Link เพื่อตรวจสอบข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียด สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้สูงสุด 4 เครื่อง จึงเหมาะสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว
Light Weight Mode
นอกจากชั่งน้ำหนักผู้ใหญ่ realme Smart Scale ยังมีโหมด Light Weight Mode รองรับการชั่งสิ่งของที่มีน้ำหนักระหว่าง 50 กรัม ถึง 9.99 กิโลกรัม ได้อย่างแม่นยำ เหมาะสมสำหรับการชั่งน้ำหนักเด็กทารก สัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก ผลไม้ และ วัตถุอื่นๆ ที่ต้องการทราบน้ำหนัก
พร้อมใช้งานนานเกือบปี
realme Smart Scale อาศัยพลังงานจากถ่าน AAA ที่หาซื้อได้ง่าย จำนวน 4 ก้อน และสามารถให้อายุการใช้งานยาวนานถึง 360 วัน เมื่อมีการใช้งาน 2 – 3 ครั้งต่อวัน
ราคาและการวางจำหน่าย
อุปกรณ์ realme AIoT ทั้งหมดที่รีวิวในวันนี้ทั้งกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ realme Smart Cam 360° ,เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ realme Smart Scale ,สมาร์ทวอทช์ realme Watch S และ หูฟังไร้สาย realme Buds Air Pro พร้อมวางจำหน่ายแล้วที่ realme Brand Shop ทุกสาขาแล้ว โดยมีราคาดังนี้
- realme Watch S ราคา 2,999 บาท
- realme Buds Air Pro ราคา 2,999 บาท
- realme Smart Cam 360° ราคา 1,499 บาท
- realme Smart Scale ราคา 999 บาท
realme มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ AIoT อย่างแรงกล้า จากการตั้งเป้าผลิตออกมา 50 รายการในปีนี้ และ 100 รายการในปีหน้า ประเภทของผลิตภัณฑ์ก็เริ่มมีความหลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจาก หูฟังไร้สาย และ สมาร์ทวอทช์ ปัจจุบันนี้ realme มีทั้งสมาร์ททีวี แปรงสีฟันไฟฟ้า เครื่องชั่งน้ำหนัก ทำให้ระบบนิเวศของ realme แข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งเกิดมาจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
ผลิตภัณฑ์ AIoT ทั้ง 4 รุ่นของ realme ถูกสร้างมาให้ทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น realme Link บนสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถตรวจสอบข้อมูลและควบคุมการใช้งานผลิตภัณฑ์อัจฉริยะได้อย่างถนัด เพียงแอพเดียว ก็สามารถควบคุมผลิตภัณฑ์ AIoT ของ realme ได้ทุกชิ้น โดยออกแบบ User Interface ให้ใช้งานได้ง่าย ตั้งแต่การเชื่อมต่อ จนถึงการควบคุมและตั้งค่าอุปกรณ์ AIoT