วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของ Mac โดย Apple ได้แนะนำ MacBook Air, MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว และ Mac mini รุ่นใหม่ ที่ขับเคลื่อนโดย M1 ชิพสุดล้ำตัวแรกที่ Apple ออกแบบมาเพื่อ Mac โดยเฉพาะ ถือเป็นชิพที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ Apple เคยสร้างมา M1 ช่วยพลิกโฉมหน้าประสบการณ์ของ Mac ครั้งใหม่ และด้วยประสิทธิภาพการทำงานต่อวัตต์ระดับชั้นนำในอุตสาหกรรม
ที่ผสานเข้ากับ macOS Big Sur ทำให้ M1 มี CPU ที่ทำงานเร็วขึ้นสูงสุด 3.5 เท่า, GPU ที่ทำงานเร็วขึ้นสูงสุด 6 เท่า, ความสามารถด้านการเรียนรู้ของระบบ (ML) ที่เร็วขึ้นสูงสุด 15 เท่า และระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่นานขึ้นกว่าเดิมสูงสุด 2 เท่า ผู้ใช้สามารถเข้าถึงคอลเลกชั่นแอพสำหรับ Mac ที่มีจำนวนมากที่สุดกว่าที่เคย อันเป็นผลจากทั้ง M1 และ Big Sur เรียกว่า Mac รุ่นใหม่ที่ขับเคลื่อนโดย M1 มาพร้อมประสิทธิภาพการทำงานอันน่าทึ่งและคุณสมบัติใหม่ที่ไม่ธรรมดา ในราคาที่คุ้มค่า
“การแนะนำ Mac รุ่นใหม่ทั้ง 3 รุ่น ซึ่งมาพร้อมชิพ M1 สุดล้ำ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ใช้เวลาพัฒนามานานหลายปี และนับเป็นวันประวัติศาสตร์ที่สำคัญของ Mac และ Apple อย่างแท้จริง” Tim Cook CEO ของ Apple กล่าว “M1 เป็นชิพที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เราเคยพัฒนาจวบจนถึงวันนี้ และเมื่อผสานการทำงานกับ Big Sur ก็ยิ่งมอบประสิทธิภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ ให้ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานเป็นพิเศษ และเข้าถึงซอฟต์แวร์และแอพได้มากกว่าที่เคย เราอยากให้ลูกค้าได้ลองสัมผัสกับ Mac เจเนอเรชั่นใหม่โดยเร็ว เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้ลูกค้าเดินหน้าเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้อย่างแน่นอน”
MacBook Air: สุดยอดขุมพลังที่ทั้งบางและเบา
MacBook Air ถือเป็น Mac ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ Apple และเป็นโน้ตบุ๊คขนาด 13 นิ้ว ที่ขายดีที่สุดในโลก โดย MacBook Air ที่มาพร้อมชิพ M1 สามารถทำงานได้เร็วขึ้นทุกด้าน ตั้งแต่การปรับแต่งรูปภาพครอบครัวไปจนถึงการส่งออกไฟล์วิดีโอสำหรับเว็บ การทำงานของ CPU แบบ 8-core ที่ทรงพลัง สามารถประมวลผลเร็วขึ้นสูงสุด 3.5 เท่า เมื่อเทียบกับเจเนอเรชั่นก่อน ขณะเดียวกัน GPU สูงสุด 8-core ก็ทำให้การประมวลผลกราฟิกเร็วขึ้นสูงสุด 5 เท่า ถือเป็นความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับ MacBook Air อันทำให้เกมต่างๆ ที่เน้นกราฟิกและความสมจริงสามารถทำงานได้ที่อัตราความเร็วของเฟรมที่สูงกว่าเดิมอย่างมาก นอกจากนี้การทำงานของ ML ยังเร็วขึ้นสูงสุด 9 เท่า ดังนั้นแอพต่างๆ ที่ใช้คุณสมบัติด้าน ML เช่น การรู้จำใบหน้าหรือการตรวจจับวัตถุ จึงสามารถประมวลผลโดยใช้เวลาเพียงเสี้ยวเดียวของที่ผ่านมา อีกทั้งตัวควบคุมตัวจัดเก็บข้อมูลและเทคโนโลยีแฟลชล่าสุดของชิพ M1 ยังให้ประสิทธิภาพด้าน SSD ที่เร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่า ทำให้การเรียกดูตัวอย่างรูปภาพขนาดมหึมาหรือการนำเข้าไฟล์ขนาดใหญ่จำนวนมาก สามารถทำได้เร็วขึ้นกว่าที่เคย และชิพ M1 ใน MacBook Air ยังทำงานได้เร็วกว่าชิพอื่นที่อยู่ใน 98 เปอร์เซ็นต์ของแล็ปท็อป PC ที่จำหน่ายเมื่อปีที่ผ่าน1
MacBook Air ที่มาพร้อมชิพ M1 ซึ่งประหยัดพลังงานในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม ยังมอบประสิทธิภาพผ่านดีไซน์แบบไม่มีพัดลม ดังนั้นไม่ว่าผู้ใช้จะกำลังทำอะไรก็ตาม ก็จะยังคงทำงานได้อย่างเงียบสนิท นอกจากนี้ MacBook Air รุ่นใหม่ยังมีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานเป็นพิเศษ สามารถท่องเว็บผ่านระบบไร้สายนานสูงสุดถึง 15 ชั่วโมง และสามารถเล่นวิดีโอนานสูงสุดถึง 18 ชั่วโมง เรียกว่ามีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานที่สุดสำหรับ MacBook Air2
เมื่อเปรียบเทียบกับเจเนอเรชั่นก่อนหน้า MacBook Air ที่ขับเคลื่อนโดย M1 สามารถ:
- ส่งออกไฟล์โปรเจ็กต์สำหรับเว็บใน iMovie ได้เร็วขึ้นสูงสุด 3 เท่า
- ผสานเอฟเฟ็กต์ 3D ลงในวิดีโอของ Final Cut Pro ได้เร็วขึ้นสูงสุด 5 เท่า
- เล่นและตัดต่อวิดีโอ ProRes ความละเอียด 4K เต็มคุณภาพได้หลายสตรีมพร้อมกันใน Final Cut Pro โดยไม่พลาดแม้แต่เฟรมเดียว
- ส่งออกรูปภาพจาก Lightroom ได้เร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่า
- ใช้คุณสมบัติด้าน ML เช่น Smart Conform ใน Final Cut Pro เพื่อวางกรอบคลิปวิดีโออย่างชาญฉลาดได้เร็วขึ้นสูงสุด 4.3 เท่า
- รับชมภาพยนตร์และรายการทีวีโดยใช้แบตเตอรี่ ซึ่งมีระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานสูงสุด 18 ชั่วโมง เรียกว่านานที่สุดสำหรับ MacBook Air
- ยืดระยะเวลาการใช้ FaceTime และวิดีโอคอลได้นานขึ้นสูงสุด 2 เท่า จากการชาร์จเพียงครั้งเดียว
คุณสมบัติใหม่ในด้านอื่น ๆ ของ MacBook Air ประกอบด้วยโปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพ (ISP) รุ่นล่าสุดในชิพ M1 ที่ยกระดับคุณภาพของรูปภาพจากกล้องด้วยการลดนอยซ์ที่ดีขึ้น ให้ช่วงไดนามิกที่เหนือกว่าเดิม มีการปรับปรุงเรื่องไวท์บาลานซ์อัตโนมัติและระบบตรวจจับใบหน้าที่เสริมความแม่นยำด้วย ML ทำให้หน้าตาของผู้ใช้ดูดีที่สุดระหว่างการวิดีโอคอล นอกจากนี้ยังรองรับขอบเขตสีกว้างแบบ P3 ทำให้จอภาพ Retina มีสีสันที่สดใสและสมจริงยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน Secure Enclave ใน M1 ที่ทำงานร่วมกับ Big Sur ยังมอบระบบรักษาความปลอดภัยชั้นยอดผ่านคุณสมบัติต่าง ๆ อาทิ Touch ID ที่ทำให้การปลดล็อก MacBook Air เป็นเรื่องง่าย และสามารถซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยด้วย Apple Pay ที่ใช้การแตะนิ้วเพื่อยืนยัน รวมถึงยังรองรับ Wi-Fi 6 ที่ให้ประสิทธิภาพระบบไร้สายที่เร็วขึ้น และมี Thunderbolt จำนวน 2 พอร์ต ที่รองรับ USB 4 ซึ่งช่วยในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงได้หลากหลายประเภท
ทั้งรูปทรงแบบลิ่มอันเพรียวบาง, จอภาพ Retina ที่สะดุดตา, Magic Keyboard และประสิทธิภาพที่เหนือความคาดหมายอันเป็นผลจาก M1 นี่เป็นอีกครั้งที่ MacBook Air รุ่นใหม่ได้เปลี่ยนนิยามความสามารถของโน้ตบุ๊คที่บางและเบา และยังมาในราคาเพียง 32,900 บาท และ 29,600 บาทสำหรับภาคการศึกษา
MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว: ทรงพลังยิ่งขึ้นและโปรยิ่งกว่าเดิม
MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ถือเป็นโน้ตบุ๊คระดับโปรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ Apple เหล่านักศึกษาใช้เพื่อการเรียนในมหาวิทยาลัย และเหล่ามืออาชีพใช้เพื่อถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ และเมื่อ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว มาพร้อมชิพ M1 และ Big Sur ก็ทำให้ทรงพลังยิ่งขึ้นและโปรยิ่งกว่าเดิม โดย CPU แบบ 8-core ที่ทำงานร่วมกับระบบระบายความร้อนของ MacBook Pro มอบความเร็วที่เหนือกว่าเจเนอเรชั่นก่อนสูงสุดถึง 2.8 เท่า ให้ประสิทธิภาพการทำงานในมิติใหม่ทั้งด้านการคอมไพล์โค้ด การแปลงไฟล์วิดีโอ การปรับแต่งรูปภาพความละเอียดสูง และอีกมากมาย ส่วน GPU แบบ 8-core นั้น ก็เร็วขึ้นกว่าเดิมสูงสุดถึง 5 เท่า ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่สุดจะราบรื่นไม่ว่าจะกำลังออกแบบเกมที่เน้นกราฟิกหรือออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ตาม และ M1 ยังทำให้ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ทำความเร็วได้เหนือกว่าแล็ปท็อป Windows ยอดนิยมระดับเดียวกันสูงสุดถึง 3 เท่า3 ขณะเดียวกัน ML ก็ทำงานเร็วขึ้นสูงสุด 11 เท่า และหากพูดถึงการทำงานของ ML บนตัวเครื่องซึ่งใช้ Neural Engine ต้องบอกว่าปัจจุบัน MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ใหม่ล่าสุด ถือเป็นโน้ตบุ๊คระดับโปรรุ่นกะทัดรัดที่ทำงานได้เร็วที่สุดในโลก4 นอกจากนี้ MacBook Pro ยังมอบระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่นานกว่าเดิมสูงสุด 2 เท่า เมื่อเทียบกับเจเนอเรชั่นก่อน และยังเป็นระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่บน Mac ที่ยาวนานที่สุด โดยสามารถท่องเว็บได้สูงสุด 17 ชั่วโมง และเล่นวิดีโอได้นานถึงกว่า 20 ชั่วโมง2
เมื่อเปรียบเทียบกับเจเนอเรชั่นก่อนหน้า MacBook Pro รุ่น 13 นิ้วที่ขับเคลื่อนโดย M1 สามารถ:
- เขียนโค้ดใน Xcode ได้เร็วขึ้นสูงสุด 2.8 เท่า
- เรนเดอร์งาน 3D ที่ซับซ้อนใน Final Cut Pro ได้เร็วขึ้นสูงสุด 5.9 เท่า
- ออกแบบฉากเกมที่ซับซ้อนได้อย่างลื่นไหลและเร็วขึ้นสูงสุดถึง 3.5 เท่า ใน Unity Editor
- จัดการงาน ML ใน Create ML ได้เร็วขึ้นสูงสุด 11 เท่า
- แยกบีต เครื่องดนตรี และแทร็คเสียงร้อง จากการบันทึกเสียงได้ในแบบเรียลไทม์ผ่าน djay Pro AI อันเป็นผลจากประสิทธิภาพที่น่าทึ่งของ Neural Engine
- เล่นวิดีโอ ProRes ความละเอียด 8K เต็มคุณภาพใน DaVinci Resolve ได้โดยไม่พลาดแม้แต่เฟรมเดียว
- คอมไพล์โค้ดได้มากขึ้นกว่าเดิมถึง 4 เท่า ภายใต้การชาร์จเพียงครั้งเดียว อันเป็นผลจากประสิทธิภาพการทำงานต่อวัตต์ของชิพ M1 ที่เหนือกว่าเดิม
คุณสมบัติใหม่อื่น ๆ ใน MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ใหม่ ประกอบด้วยไมโครโฟนคุณภาพระดับสตูดิโอเพื่อการบันทึกเสียงและการโทรที่ชัดเจนเหนือระดับ และ ISP สำหรับกล้องรุ่นล่าสุดจาก Apple ที่มีอยู่ในชิพ M1 ทำให้ได้ภาพที่คมชัดและให้รายละเอียดเงามืดและไฮไลท์ได้ดีขึ้นขณะใช้วิดีโอคอล นอกจากนี้ MacBook Pro รุ่นใหม่ยังมอบสุดยอดความปลอดภัยผ่าน Secure Enclave ใน M1 และ Touch ID ทั้งยังมาพร้อม Thunderbolt จำนวน 2 พอร์ต ที่รองรับ USB 4 เพื่อการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงหลากหลายประเภทได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึง Pro Display XDR ของ Apple ในความละเอียด 6K เต็ม
Macbook Pro รุ่น 13 นิ้ว ใหม่ ช่วยถ่ายทอดศักยภาพของชิพ M1 ออกมาได้อย่างดีที่สุด ทั้งเรื่องประสิทธิภาพการทำงานอันน่าตื่นตา ให้ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ได้นานเกินคาด ผสานการทำงานร่วมกับจอภาพ Retina ที่สวยงาม และใช้งานร่วมกับ Magic Keyboard รวมถึงดีไซน์ที่กะทัดรัดโดยมีน้ำหนักเพียง 1.4 กก. อีกทั้งยังวางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นเท่าเดิมเพียง 42,900 บาท และ 39,600 บาทสำหรับภาคการศึกษา
Mac mini: ประสิทธิภาพสุดทึ่งและดีไซน์สุดกะทัดรัด
Mac mini ถือเป็นคอมพิวเตอร์ที่อเนกประสงค์ที่สุดของ Apple และเมื่อมาพร้อม M1 ก็ทำให้มีประสิทธิภาพการทำงานอันสุดทึ่งและคุณสมบัติใหม่ ๆ อันตื่นตา ภายใต้ดีไซน์ที่แสนกะทัดรัด โดย M1 ช่วยมอบ CPU แบบ 8-core ที่มีประสิทธิภาพเร็วกว่าเจเนอเรชั่นก่อนสูงสุดถึง 3 เท่า สามารถเร่งความเร็วเวิร์กโหลดได้อย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นการคอมไพล์โค้ดนับล้านบรรทัดหรือจัดการกับโปรเจ็กต์เพลงขนาดใหญ่แบบหลายแทร็คก็ตาม ส่วน GPU แบบ 8-core ก็ให้ประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่สูงขึ้นถึงกว่า 6 เท่า ทำให้ Mac mini สามารถรับมือกับงานที่เน้นประสิทธิภาพได้สบาย ๆ อาทิ การเรนเดอร์ 3D ที่ซับซ้อน นอกจากนี้การทำงานของ ML ยังเป็นไปอย่างเหนือระดับกว่าเดิม ให้ประสิทธิภาพที่เร็วขึ้นสูงสุด 15 เท่า เมื่อเทียบกับเจเนอเรชั่นก่อน และหากเทียบกับเดสก์ท็อป Windows ในระดับราคาเดียวกัน ก็ชัดเจนว่า Mac mini นั้นมีขนาดตัวเครื่องที่เล็กกว่าถึง 1 ใน 10 เท่า อีกทั้งยังให้ประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วกว่าสูงสุดถึง 5 เท่า5
เมื่อเปรียบเทียบกับเจเนอเรชั่นก่อนหน้า Mac mini ที่ขับเคลื่อนโดย M1 สามารถ:
- คอมไพล์โค้ดใน Xcode ได้เร็วขึ้นสูงสุด 3 เท่า
- เล่นเกมที่เน้นกราฟิก เช่น “Shadow of the Tomb Raider” ได้ที่อัตราความเร็วของเฟรมที่สูงกว่าเดิมถึง 4 เท่า
- เรนเดอร์ไทม์ไลน์ที่ซับซ้อนใน Final Cut Pro ได้เร็วขึ้นสูงสุด 6 เท่า
- ยกระดับการสร้างสรรค์ผลงานเพลงให้เหนือกว่า เพราะรองรับการใช้ปลั๊กอินแบบเรียลไทม์ใน Logic Pro ได้มากกว่าเดิมสูงสุดถึง 3 เท่า
- สามารถเพิ่มความละเอียดของรูปภาพผ่าน Pixelmator Pro ได้เร็วขึ้นสูงสุด 15 เท่าอย่างน่าอัศจรรย์
- สามารถใช้งานเฟรมเวิร์ก ML อย่าง TensorFlow หรือ Create ML ได้เต็มประสิทธิภาพ โดยมีชิพ M1 ช่วยเร่งความเร็วให้
นอกจากนี้ Mac mini ยังมาพร้อมดีไซน์ด้านการควบคุมความร้อนที่ล้ำสมัย เพื่อรองรับประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือชั้นโดยยังคงเย็นและเงียบ สามารถรองรับจอภาพได้ 2 เครื่อง ซึ่งรวมถึง Pro Display XDR ของ Apple ที่มีความละเอียด 6K เต็ม มาพร้อม Wi-Fi 6 เพื่อประสิทธิภาพด้านระบบไร้สายที่เร็วขึ้น และ Secure Enclave ใน M1 ยังมอบระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดด้วย
Mac mini ที่มาพร้อม M1 และ Big Sur เป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่บ่งบอกศักยภาพอันเหนือระดับของเดสก์ท็อปขนาดเล็กพิเศษ แม้จะเพิ่มความอเนกประสงค์และความสามารถที่มากกว่าเดิม แต่ Mac mini กลับวางจำหน่ายในราคาเพียง 22,900 บาท
macOS Big Sur
Mac ใหม่ทุกรุ่นมาพร้อม Big Sur ระบบปฏิบัติการบนเดสก์ท็อปรุ่นล่าสุดที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก โดย Big Sur มาพร้อมการปรับดีไซน์ที่สวยงาม แม้จะใหม่ทั้งหมดแต่ก็ใช้งานอย่างคุ้นเคยได้ในทันที และยังมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ของแอพต่าง ๆ อาทิ Safari, แอพข้อความ และแอพแผนที่ ทั้งนี้ Big Sur ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมที่เจาะลึกลงไปจนถึงแกนหลัก เพื่อรีดความสามารถและพลังของ M1 ออกมาให้ได้มากที่สุด จนได้ประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาล ให้ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ได้นานขึ้นอย่างไม่คาดคิด และยังปกป้องความปลอดภัยได้ดีขึ้นด้วย เรียกว่าสิ่งต่างๆ ที่ผู้ใช้ทำในแต่ละวันจะเร็วขึ้นและราบลื่นขึ้นจนสังเกตเห็นได้ชัด อันเป็นผลจาก M1 และก็เช่นเดียวกับ iPhone และ iPad โดยตอนนี้ Mac ก็สามารถพร้อมทำงานในทันทีหลังจากพักเครื่องได้แล้ว ส่วนการท่องเว็บด้วย Safari ซึ่งเป็นเบราเซอร์ที่เร็วที่สุดในโลกนั้น ก็ยังเร็วขึ้นได้อีกสูงสุดถึง 1.5x เมื่อเรียกใช้งาน JavaScript และตอบสนองได้ดีกว่าเดิมเกือบ 2 เท่า6
ด้วย Big Sur และ M1 ทำให้ผู้ใช้ Mac สามารถเรียกใช้แอพต่าง ๆ ได้หลากหลายขึ้นกว่าที่ผ่านมา โดยขณะนี้ซอฟต์แวร์ Mac ของ Apple ทั้งหมดเป็นแบบสากล และสามารถทำงานได้โดยตรงบนเครื่องที่ใช้ M1 สำหรับแอพ Mac ที่ยังไม่ได้รับการปรับปรุงให้เป็นแบบสากลจะสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นผ่านเทคโนโลยี Rosetta 2 ของ Apple และวันนี้แอพ iPhone และ iPad สามารถทำงานโดยตรงบน Mac ได้แล้ว นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงแกนหลักของ Big Sur เพื่อปลดปล่อยศักยภาพของ M1 ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีจากผู้พัฒนารายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Metal สำหรับเรื่องกราฟิก หรือ Core ML สำหรับเรื่องการเรียนรู้ของระบบก็ตาม
ราคาและความพร้อมในการวางจำหน่าย
- MacBook Air รุ่นใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 32,900 บาท และ 29,600 บาท สำหรับภาคการศึกษา; MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 42,900 บาท และ 39,600 บาท สำหรับภาคการศึกษา; และ Mac mini รุ่นใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 22,900 บาท และ 22,200 บาท สำหรับภาคการศึกษา
- โปรดดูข้อมูลทางเทคนิคเพิ่มเติม ตลอดจนตัวเลือกสำหรับการปรับแต่งตามสั่ง และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ได้ที่ apple.com/th/mac
1 ดำเนินการทดสอบโดย Apple ในเดือนตุลาคม 2563 โดยใช้เครื่อง MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ซึ่งเป็นรุ่นก่อนการผลิตจริง พร้อมชิพ Apple M1 และ RAM ขนาด 16GB โดยวัดประสิทธิภาพตามระบบวัดที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมหลายระบบ ข้อมูลองค์ประกอบของ PC อ้างอิงตามข้อมูลการจำหน่ายที่เผยแพร่สาธารณะในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา การทดสอบประสิทธิภาพดำเนินการโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เฉพาะ และแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอย่างคร่าวๆ ของ MacBook Pro
2 ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าอุปกรณ์ การใช้งาน และปัจจัยอื่นๆ ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างกันออกไป
3 ดำเนินการทดสอบโดย Apple ในเดือนตุลาคม 2563 โดยใช้เครื่อง MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ซึ่งเป็นรุ่นก่อนการผลิตจริง พร้อมชิพ Apple M1 รวมถึงเครื่อง PC ที่ใช้ Intel Core i7 รุ่นผลิตจริง พร้อม Intel Iris Plus Graphics และ Windows 10 รุ่นล่าสุด ณ เวลาที่ทดสอบ ข้อมูลเครื่องที่มียอดจำหน่ายสูงสุดอ้างอิงตามข้อมูลการจำหน่ายที่เผยแพร่สาธารณะในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีการทดสอบการทำงานที่เน้นกราฟิกในแอพพลิเคชั่นเชิงพาณิชย์ การทดสอบประสิทธิภาพดำเนินการโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เฉพาะ และแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอย่างคร่าวๆ ของ MacBook Pro
4 ดำเนินการทดสอบโดย Apple ในเดือนตุลาคม 2563 โดยใช้เครื่อง MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ซึ่งเป็นรุ่นก่อนการผลิตจริง พร้อมชิพ Apple M1 รวมถึงเครื่อง PC ที่ใช้ Intel Core i7 รุ่นผลิตจริง พร้อมระบบกราฟิกแบบแยกเฉพาะ นิยามคำว่า โน้ตบุ๊คระดับโปรรุ่นกะทัดรัด หมายถึง โน้ตบุ๊คที่มาพร้อมระบบกราฟิกประสิทธิภาพสูง มีน้ำหนักไม่เกิน 1.4 กก. และมีความหนาไม่เกิน 0.85 นิ้ว มีการทดสอบกับโมเดลเครือข่ายนิวรอลชั้นคอนโวลูชั่นที่ผ่านการฝึกฝนแล้ว และได้รับการปรับปรุงเฟรมเวิร์กบนแต่ละแพลตฟอร์ม การทดสอบประสิทธิภาพดำเนินการโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เฉพาะ และแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอย่างคร่าวๆ ของ MacBook Pro
5 ดำเนินการทดสอบโดย Apple ในเดือนตุลาคม 2563 โดยใช้เครื่อง MacBook mini ซึ่งเป็นรุ่นก่อนการผลิตจริง พร้อมชิพ Apple M1 รวมถึงเครื่อง PC ที่ใช้ Intel Core i5 รุ่นผลิตจริง พร้อม Intel UHD Graphics 630 และ Windows 10 รุ่นล่าสุด ณ เวลาที่ทดสอบ ข้อมูลเครื่องที่มียอดจำหน่ายสูงสุดอ้างอิงตามข้อมูลการจำหน่ายที่เผยแพร่สาธารณะในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา โดยทดสอบตามระบบวัดที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมหลายระบบ การทดสอบสมรรถนะดำเนินการโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เฉพาะและแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะอย่างคร่าวๆ ของ Mac mini
6“เบราเซอร์ที่เร็วที่สุดในโลก”: ดำเนินการทดสอบโดย Apple ในเดือนสิงหาคมและตุลาคม 2563 โดยใช้ระบบวัดประสิทธิภาพของ JetStream 2, MotionMark 1.1 และ Speedometer 2.0 บนเบราเซอร์ต่างๆ ที่ผ่านการทดสอบจนเสร็จสมบูรณ์ มีการทดสอบกับ Safari 14 รุ่นก่อนเปิดให้ใช้งานจริง และ Chrome, Firefox และ (Windows) Microsoft Edge รุ่นที่มีความเสถียร ณ ช่วงเวลาที่ทดสอบ โดยดำเนินการบนเครื่อง MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ที่ใช้ Intel Core i5 ร่วมกับ macOS Big Sur รุ่นก่อนเปิดให้ใช้งานจริง และ Windows 10 Home ที่ทำงานผ่าน Boot Camp; iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 4) ที่ใช้ iPadOS 14 รุ่นก่อนเปิดให้ใช้งานจริง และ Microsoft Surface Pro 7 ที่ใช้ Intel Core i7 ร่วมกับ Windows 10 Pro; และ iPhone 11 Pro Max ที่ใช้ iOS 14 รุ่นก่อนเปิดให้ใช้งานจริง และ Samsung Galaxy S20 Ultra ที่ใช้ Android 10 โดยทดสอบอุปกรณ์ด้วยการเชื่อมต่อเครือข่าย WPA2 Wi-Fi ประสิทธิภาพจะแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับการใช้งาน การตั้งค่าระบบ การเชื่อมต่อเครือข่าย และปัจจัยอื่นๆ“สูงสุดถึง 1.5x เมื่อเรียกใช้งาน JavaScript และตอบสนองได้ดีกว่าเดิมเกือบ 2 เท่า”: ดำเนินการทดสอบโดย Apple ในเดือนกันยายนและตุลาคม 2563 โดยระบบวัดประสิทธิภาพของ JetStream 2 และ Speedometer 2.0 ดำเนินการทดสอบบน MacBook Air และ Mac mini รุ่นก่อนการผลิตจริงที่ใช้ชิพ Apple M1 และ GPU แบบ 8-core รวมถึง MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ที่ใช้ Intel Core i7 แบบ Quad-core ที่ความเร็ว 1.2Ghz และ Mac mini ที่ใช้ Intel Core i3 แบบ Quad-core ที่ความเร็ว 3.6Ghz โดยทั้งหมดติดตั้ง RAM ขนาด 16GB, SSD ขนาด 2TB และ macOS Big Sur รุ่นก่อนเปิดให้ใช้งานจริง และทดสอบกับ Safari 14.0.1 รุ่นก่อนเปิดให้ใช้งานจริง และการเชื่อมต่อเครือข่าย WPA2 Wi-Fi ประสิทธิภาพจะแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับการตั้งค่าระบบ การตั้งค่าเครือข่าย การเชื่อมต่อเครือข่าย และปัจจัยอื่นๆ