Sony กำลังจะวางจำน่าย PlayStation 5 ในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ สำหรับกลุ่มประเทศแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, แคนาดา, เม็กซิโก, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ จากนั้นจะวางจำหน่ายทั่วโลก ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2020 เป็นต้นไป แต่นอกเหนือจากคอนโซล ยังมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่อาจทำให้เสียเงินเพิ่มอย่างน้อย 5 รายการ
DualSense
ภายในกล่อง PlayStation 5 แถมคอนโทรลเลอร์ DualSense มาให้ 1 อัน ดังนั้น อาจต้องเสียเงินซื้อเพิ่มอีก 1 อัน เพื่อมาเล่นกับสมาชิกในครอบครัว หรือเพื่อนๆ และ Sony ได้วางจำหน่ายแยกต่างหากในราคา 70 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 2,190 บาท
DualSense ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวในเกมด้วยมอเตอร์สั่นคู่ พร้อมการสั่นสะเทือนแบบไดนามิก สามารถจำลองความรู้สึกของทุกสิ่งตั้งแต่สภาวะแวดล้อมไปจนถึงแรงถีบของอาวุธในเกมที่แตกต่างกัน และมีเอฟเฟกต์ทริกเกอร์แบบไดนามิก ทำให้การควบคุมเกมมีความสมจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดึงสายธนูที่ตึงเปรียะ
หรือการเหยียบเบรกรถที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง
DualSense ยังมีลำโพงและไมโครโฟนในตัว พร้อมช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร รองรับการแชทกับเพื่อนแบบออนไลน์ และสามารถปิดเสียงพูดได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ด้วยปุ่มปิดเสียงเฉพาะ นอกจากนี้ DualSense ยังรองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Android และ PC ผ่าน Bluetooth หรือเชื่อมต่อกับ PC ที่ไม่มี Bluetooth ด้วยสาย USB
PS5 HD Camera
สำหรับใครที่ชอบแคสเกมไปด้วย PS5 HD Camera คืออุปกรณ์เสริมอีกชิ้นที่ขาดไม่ได้ เพราะออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับปุ่มครีเอทบนคอนโทรลเลอร์ DualSense มาพร้อมกล้องคู่ระดับ Full HD 1080p และมีฐานในตัว สามารถจัดวางตำแหน่งไว้ด้านบนหรือด้านล่างของทีวีได้อย่างมั่นคง
PS5 HD Camera มาพร้อมเครื่องมือลบพื้นหลัง ไม่ต้องเสียเวลาจัดบ้านให้เป็นระเบียบ และยังมีโหมด Picture-in-Picture (PiP) สามารถแสดงภาพของผู้เล่นบนวิดีโอเกมที่กำลังแคส
PS5 HD Camera วางจำหน่ายในราคา 60 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 1,890 บาท
PlayStation Plus
Sony ได้เปิดตัวบริการใหม่ PlayStation Plus Collection ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของ PlayStation 5 สามารถเข้าถึงเกม PlayStation 4 ได้มากมาย แต่จำเป็นต้องสมัครสมาชิก PlayStation Plus ซึ่งมีค่าใ้จ่ายรายปี 30 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 990 บาท
PlayStation Plus Collection จะเริ่มให้บริการในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2020 เป็นต้นไป และในช่วงแรกของการให้บริการ จะสนับสนุนเกมที่มีรายชื่อต่อไปนี้
- Bloodborne
- Days Gone
- Detroit: Become Human
- God of War
- Infamous Second Son
- Ratchet and Clank
- The Last Guardian
- The Last of Us Remastered
- Until Dawn
- Uncharted 4: A Thief’s End
- Batman: Arkham Knight
- Battlefield 1
- Call of Duty: Black Ops III – Zombies Chronicles Edition
- Crash Bandicoot N. Sane Trilogy
- Fallout 4
- Final Fantasy XV Royal Edition
- Monster Hunter: World
- Mortal Kombat X
- Persona 5
- Resident Evil 7: Biohazard
Sony ยังให้สัญญาว่า เกมในระบบ PlayStation 4 เหล่านี้ เมื่อเล่นบน PlayStation 5 จะมีความเร็วในการโหลดไวขึ้น และยังได้รับการปรับปรุงเฟรมเรทด้วย
PS5 Media Remote
นอกจากถูกสร้างมาเพื่อเล่นเกม PlayStation 5 ยังเป็นอุปกรณ์ให้ความบันเทิงภายในบ้านด้วย รองรับการสตรีมภาพยนตร์ผ่านแอพพลิเคชั่น Apple TV Plus, Crunchyroll, Hulu และบริการวิดีโอสตรีมรายอื่น โดยตัวรีโมทยังมีปุ่มทางลัดเข้าถึงบริการ Disney Plus, Netflix, Spotify และ YouTube ได้โดยตรง
PS5 Media Remote วางจำหน่ายในราคา 30 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 990 บาท
External Harddisk
PlayStation 5 มาพร้อมความจุ SSD 825GB แต่พื้นที่บางส่วนจะถูกใช้ไปกับระบบปฏิบัติการ ทำให้ PlayStation 5 อาจเหลือพื้นที่ว่างสำหรับติดตั้งเกมประมาณ 660GB ดังนั้น External Harddisk จึงเป็นผลิตภัณฑ์อีกรายการที่จะต้องหาซื้อมาใช้ โดยเฉพาะเจ้าของ PlayStation 5 ที่ต้องการเล่นเกม PlayStation 4
PlayStation 5 สามารถเล่นเกมในระบบ PlayStation 4 ที่อยู่ใน External Harddisk แต่การเล่นเกม PlayStation 5 จะต้องเล่นจากเกมที่อยู่ใน SSD ของตัวคอนโซลเท่านั้น
ทั้งนี้ PlayStation 5 มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ PlayStation 5 Digital Edition ราคาเริ่มต้น 399.99 ดอลล่าร์สหรัฐ เหลือราว 12,900 บาท และ รุ่นมาตรฐานที่มาพร้อม Ultra HD Blu-Ray Disc Drive ราคา 499.99 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 15,900 บาท
ที่มา – The Verge
https://www.flashfly.net/wp/321332