Apple เปิดตัว iPad Air รุ่นที่ 4 พร้อมกับ iPad รุ่นที่ 8 ในดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่วางจำหน่าย iPad 8 ไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่ง iPad 8 ไม่ได้ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ไปมากนักเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน แต่ iPad Air 4 ได้พลิกโฉมการออกแบบใหม่หมด ดูคล้ายกับ iPad Pro มากขึ้น
และยังได้รับชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุด A14 Bionic ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลตัวแรกของโลก ที่ใช้กระบวนการผลิตแบบ 5 นาโนเมตร ซึ่งตอนนี้ก็มาถึงมือของทีมงาน @flashfly เรียบร้อยแล้ว มาทำการแกะกล่องสัมผัสเครื่องจริงกันเลย
แกะกล่อง iPad Air 4
มาเริ่มที่ตัวพลาสิกใสที่ห่อกล่อง iPad Air 4 ก็สามารถใช้มือดึงออกได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาหาอุปกรณ์ปลายแหลมใช้มีดหรือคัทเตอร์มาให้วุ่นวาย แถมยังปลอดภัยมากกว่าอีกด้วย
iPad Air รุ่นที่ 4 มาพร้อมกล่องบรรจุภัณฑ์สีขาวสะอาดตาตามสไตล์ Apple ด้านบนจะเป็นรูปด้านหน้าของตัวเครื่องที่มีภาพ Wallpaper ตามสีของตัวเครื่อง โดยสีที่ทีมงาน @flashfly นำมาทดสอบนั้นเป็นสีน้ำเงิน Sky Blue
ด้านข้างกล่องจะมีชื่อ iPad Air สีเงิน
ด้านหลังกล่องระบุความจุ 256GB ถัดลงมาระบุชื่อ iPad Air ( 4th Generation) Wi-Fi พร้อมรายละเอียดสิ่งที่อยู่ภายในกล่องด้วย
เมื่อเปิดฝากล่องออกมาก็จะพบกับตัวเครื่อง iPad Air 4 ที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลาสติกมาอย่างดี
โดยมีแผ่นพลาสติกยื่นออกมาช่วยให้ดึง iPad ออกจากกล่องได้สะดวก
พลิกด้านหลังแล้วแกะห่อพลาสติกออก ยลโฉม iPad Air 4 สวยๆได้เลย
ชั้นถัดมาจะพบกับซองเอกสารสีขาว ภายในมีคู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น เอกสารการรับประกันในรูปแบบภาษาไทย เอกสารจาก กสทช.
และแถมสติกเกอร์โลโก้ Apple มาให้ 2 ชิ้น บนแผ่นเดียวกัน
ชั้นล่างเป็นช่องเก็บอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ขนาด 20 วัตต์แบบเดียวกับที่แถมในรุ่น iPad 8 ที่วางจำหน่ายไปก่อนหน้า และสายเคเบิล USB-C ยาว 1 เมตร
ดีไซน์
iPad Air รุ่นที่ 4 ได้รับการออกแบบใหม่หมด แตกต่างไปจาก iPad Air ทุกรุ่นก่อนหน้านี้ และมองเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ด้านหน้า ซึ่งมีส่วนคล้ายกับ iPad Pro ด้วยพื้นที่ขอบจอรอบด้านที่แคบลง และไม่มีปุ่มโฮมใต้หน้าจออีกต่อไปแล้ว
มิติบอดี้โดยรวมยังใกล้เคียงกับรุ่นก่อน แต่ iPad Air 4 มีขนาดจอแสดงผลใหญ่ขึ้นจากเดิม 10.5 นิ้ว ขยายเป็น 10.9 นิ้ว โดยใช้จอภาพ Liquid Retina ความละเอียด 2360 x 1640 พิกเซล และรองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2
เหนือจอแสดงผลติดตั้งกล้อง FaceTime HD ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล ไม่ได้รับระบบกล้อง TrueDepth เหมือนกับ iPad Pro จึงไม่รองรับ Face ID ถึงแม้จะมีดีไซน์แบบเดียวกัน
iPad Air 4 เป็น iPad รุ่นแรกของ Apple ที่ติดตั้ง Touch ID รวมไว้กับปุ่มด้านบนหรือปุ่มเพาเวอร์ แทนการใช้กล้อง TrueDepth เพื่อสนับสนุน Face ID
ส่วนขอบด้านข้างยังคงรักษาความบางเฉียบที่ 6.1 มิลลิเมตร แต่ส่วนขอบนั้นแบนราบคล้ายกับ iPad Pro ไม่โค้งมนเหมือนรุ่นก่อน
ด้านข้างของ iPad Air 4 มีช่องต่อแบบแม่เหล็กสำหรับแนบติดกับ Apple Pencil รุ่นที่ 2
ด้านหลังมี Smart Connector สำหรับเชื่อมต่อกับ Magic Keyboard แบบ iPad Pro รวมถึง Smart Keyboard Folio
พอร์ตเชื่อมต่อด้านล่างของ iPad Air 4 ถูกเปลี่ยนมาใช้ USB-C แทนที่พอร์ตเชื่อมต่อ Lightning จึงสนับสนุนอุปกรณ์เสริมหรืออุปกรณ์ต่อพ่วงได้หลากหลายและกว้างขวางมากขึ้น
iPad Air 3 มีให้เลือกเพียง 3 สี แต่ iPad Air 4 มีให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีเงิน, สีเทาสเปซเกรย์, สีโรสโกลด์, สีเขียว และ สีสกายบลู โดยตัวเครื่องทำมาจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100%
จอ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว
iPad Air 4 มาพร้อมจอภาพ Liquid Retina ความละเอียด 2360 x 1640 พิกเซล ขนาด 10.9 นิ้ว ที่ 264 พิกเซลต่อนิ้ว ให้ความสว่าง 500 นิต รองรับขอบเขตสีกว้างแบบ P3 การแสดงผลแบบ True Tone และได้รับการเคลือบป้องกันแสงสะท้อน
จอแสดงผลของ iPad Air 4 ยังรองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 แตกต่างจากรุ่นก่อนที่รองรับ Apple Pencil รุ่นแรก และมีช่องต่อแบบแม่เหล็กสำหรับแนบติดกับ Apple Pencil ที่ด้านข้าง เหมือนกับ iPad Pro
ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ A14 Bionic
iPad Air 4 เป็นผลิตภัณฑ์แรกของ Apple ที่ได้รับชิปประมวลผล A14 Bionic ซึ่งใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิตแบบ 5 นาโนเมตร ส่งผลให้มีความเร็วเพิ่มขึ้น 40% และยังมาพร้อมจีพียูแบบ 4‑core ให้คุณภาพกราฟิกเร็วขึ้น 30% เมื่อเทียบกับชิป A12 Bionic
นอกจากนี้ A14 Bionic ยังประกอบด้วย Neural Engine แบบ 16‑core สามารถประมวลผลกระบวนการต่างๆ ได้ถึง 11 ล้านล้านรายการต่อวินาที ช่วยให้ประสิทธิภาพการเรียนรู้ของระบบเพิ่มขึ้นถึง 70% และช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลด้านการเรียนรู้ของระบบถึง 10 เท่า
กล้อง
iPad Air 4 มากล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง f/1.8 ขณะที่รุ่นก่อนมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง f/2.4 หมายความว่ากล้องหลังของ iPad Air รุ่นใหม่นอกจากจะให้ความละเอียดที่สูงขึ้น ยังสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นด้วย
กล้องหลังของ iPad Air 4 ยังสามารถถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที ขณะที่รุ่นก่อนถ่ายได้สูงสุดที่ระดับ HD 1080p และยังสามารถถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ในระหว่างบันทึกวิดีโอระดับ 4K เรียกได้ว่าระบบกล้องหลังของ iPad Air 4 ได้รับการปรับปรุงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับ iPad Air 3
สำหรับกล้องหน้า ถึงแม้ยังคงใช้ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล เท่าเดิม แต่ iPad Air 4 รองรับฟีเจอร์ Smart HDR และสามารถถ่ายวิดีโอในระดับ 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที ขณะที่รุ่นก่อนจำกัดที่ 30 เฟรมต่อวินาที และแน่นอนว่ากล้องหน้าของ iPad Air 4 ยังสนับสนุน FaceTime การโทรแบบวิดีโอ
แบตเตอรี่
iPad Air 4 ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมพอลิเมอร์ขนาด 28.6 วัตต์ต่อชั่วโมง ขณะที่รุ่นก่อนมีขนาด 30.2 วัตต์ต่อชั่วโมง แต่ iPad Air 4 ยังคงให้อายุการใช้งานยาวนานเท่ารุ่นก่อน สามารถดูวิดีโอหรือท่องเว็บผ่าน Wi‑Fi ได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง หรือถ้าใช้ Cellular ก็จะลดลง 1 ชั่วโมงเท่ากัน
ส่วนความแตกต่างที่ชัดเจนก็คือ iPad Air 4 ได้เปลี่ยนพอร์ตเชื่อมต่อมาใช้ USB‑C และแถมอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ขนาด 20 วัตต์ มาให้ในกล่อง
ระบบปฏิบัติการ iPadOS 14
iPad Air 4 มาพร้อม iPadOS 14 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อยกระดับ iPad ให้ตอบสนองการทำงานได้มากขึ้น ทำงานร่วมกับ Apple Pencil ได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะฟีเจอร์ Smart Selection ใช้การเรียนรู้ของระบบในตัวอุปกรณ์เพื่อแยกแยะระหว่างลายมือและรูปวาด สามารถวาดรูปทรงเรขาคณิตได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
อุปกรณ์เสริม
iPad Air 4 ถูกออกแบบมาให้รองรับ Magic Keyboard แบบเดียวกับที่เคยนำมาใช้เป็นครั้งแรกกับ iPad Pro รวมถึงยังใช้งาน Smart Keyboard Folio และ Smart Folio ของ iPad Pro ได้เช่นเดียวกัน
iPad Air 4 รองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 ซึ่งออกแบบมาให้ยึดติดของด้านข้าง iPad ด้วยแม่เหล็ก และเมื่อยึดติดกันแล้วจะเป็นการจับคู่โดยอัตโนมัติ รวมถึงชาร์จแบตเตอรี่ให้กับ Apple Pencil ในแบบไร้สาย
ราคา
iPad Air 4 มีให้เลือก 5 สี ได้แก่สีเทา Space Gray,สีเงิน Silver, สีชมพู Rose Gold,สีเขียว Green และสีไฮไลท์สีฟ้า Sky Blue โดยแบ่งออกเป็น 2 เวอร์ชั่น 2 ความจุ และมีราคาแตกต่างกันดังนี้
- iPad Air 4 รุ่น Wi-Fi ความจุ 64GB ราคา 19,900 บาท
- iPad Air 4 รุ่น Wi-Fi ความจุ 256GB ราคา 24,900 บาท
- iPad Air 4 รุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 64GB ราคา 24,400 บาท
- iPad Air 4 รุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 256GB ราคา 29,400 บาท
ราคาอุปกรณ์เสริม
- Magic Keyboard ราคา 9,990 บาท
- Smart Keyboard Folio ราคา 5,990 บาท
- Smart Folio ราคา 2,990 บาท
- Apple Pencil รุ่นที่ 2 ราคา 4,490 บาท
สรุป
iPad Air รุ่นที่ 4 ถูกยกเครื่องใหม่หมดทั้งการออกแบบและประสิทธิภาพ ด้านการออกแบบมีความพรีเมี่ยมไม่ต่างไปจาก iPad Pro ด้านประสิทธิภาพก็ทรงพลังกว่าแล็ปท็อปหลายรุ่นในตลาด ทำให้ iPad Air 4 เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหา iPad หรือ แท็บเล็ตประสิทธิภาพสูง ที่ตอบโจทย์การทำงานได้เทียบเท่า iPad Pro แต่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายกว่า iPad Pro และยังตอบสนอบความบันเทิงหรือการใช้งานโดยรวมได้ดีกว่า iPad รุ่นที่ 8