Vivo เปิดตัวสมาร์ทโฟน Vivo V20 Series ในเดือนกันยายนที่ผ่าน นำโดยรุ่นท็อปอย่าง Vivo V20 Pro 5G ซึ่งทีมงาน @flashfly เคยนำเสนอรีวิวไปแล้วก่อนหน้านี้ และล่าสุดก็ถึงคิวของ Vivo V20 ที่มีดีไซน์คล้ายกัน แต่จะมีความแตกต่างหรือไม่อย่างไร ทีมงาน @flashfly พร้อมพาทุกคนไปสำรวจแล้ว
สเปกหลักของ Vivo V20
- จอแสดงผล AMOLED FHD+ ขนาด 6.44 นิ้ว
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 11 บนพื้นฐาน Android 11
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 720G
- ความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 128GB
- กล้องหน้า 44 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 3 ตัว 64 + 8 + 2 ล้านพิกเซล
- การเชื่อมต่อ 4G LTE, Wi-Fi (2.4GHz/5GHz), Bluetooth 5.1, USB Type-C
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Ambient Light, Proximity, E-compass, Gyroscope
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ In-Display Fingerprint Sensor
- ระบบนำทาง GPS, Beidou, Galileo, GLONASS
- แบตเตอรี่ 4,000mAh
- รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0
- ขนาดบอดี้ 161.30 x 74.20 x 7.38 มิลลิเมตร (หรือ 7.48 มิลลิเมตร สำหรับสี Sunset Melody)
- หนัก 171 กรัม (หรือ 172 กรัม สำหรับสี Sunset Melody)
แกะกล่อง Vivo V20
Vivo V20 มาพร้อมกล่องสีน้ำเงินเข้มที่มีลวดลายสะท้อนแสงเป็นรูปตัว V แบบเดียวกับกล่องของ Vivo V20 Pro 5G โดยบนฝากล่องพิมพ์ชื่อรุ่น V20 ขนาดใหญ่ ติดโลโก้ Vivo ไว้มุมบนซ้าย และอีกมุมระบุความจำ RAM 8GB กับ ROM 128GB
หลังกล่องระบุจุดเด่นไว้ 4 รายการได้แก่ กล้องหน้า 44MP Eye Autofocus, ดีไซน์บางเบาพร้อมพื้นผิวแบบ AG Matte Glass, กล้องหลัง 64MP Night Camera และ ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 720G ถัดลงมาติดฉลากให้ข้อมูลเกี่ยวกับรหัสรุ่น, สีสัน, ความจำ, เครือข่ายที่รองรับ รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ผลิต
หลังจากเปิดกล่องออกมา ก็จะพบกับซองเอกสารที่ระบุรุ่น V20 ไว้เหนือกราฟิกรูปเลนส์กล้อง
ภายในซองเอกสารแถมเคสใสมาให้ด้วย
แนบเข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ดไว้กับแผ่นกระดาษ
แน่นอนว่าในซองเอกสาร ต้องมีคู่มือการใช้งานเบื้องต้น และเอกสารการรับประกันตัวเครื่อง
ถัดลงมาเป็นชั้นวางสมาร์ทโฟน Vivo V20 ซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยแผ่นพลาสติกมาเป็นอย่างดี ช่วยป้องกันริ้วรอยระหว่างขนส่ง และบนแผ่นพลาสติกก็มีการพิมพ์จุดเด่นไว้ 4 อย่าง แบบเดียวกับที่ด้านหลังกล่อง พร้อมกราฟิกลายนิ้วมือ เพื่อบอกว่า Vivo V20 รองรับฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor)
เมื่อแกะแผ่นพลาสติกที่พันรอบตัวเครื่องออกไป ก็จะเห็นว่า Vivo V20 ได้รับการติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมาให้แล้ว
ชั้นล่างสุดแถมหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตรมาให้ โดยไม่มี Adapter แปลงแจ็ค 3.5 มิลลิเมตร เพราะ Vivo V20 ยังมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ขณะที่ Vivo V20 Pro 5G ถูกตัดออกไป
ชั้นล่างยังเป็นที่เก็บสายเคเบิล USB Type-C และอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ Vivo FlashCharge 2.0 รองรับชาร์จเร็วสูงสุด 33W (11V, 3A)
ดีไซน์เพรียวบาง
Vivo V20 โดดเด่นที่พื้นผิวด้านหลังให้สัมผัสเรียบเนียน สวยงาม หรูหรา และ ทนทานต่อรอยขีดข่วน ด้วยเทคโนโลยี AG Matte Glass และยังผ่านการเคลือบผิวด้วยเทคโนโลยี AF ป้องกันรอยนิ้วมือ โดยมีน้ำหนักเบาเพียง 171 กรัม
Vivo V20 เลือกใช้สีสันที่เกิดจากการหล่อหลอมศิลปะเข้ากับเทรนด์และความคลาสสิก เพื่อสะท้อนความงามอย่างเป็นธรรมชาติ และมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Midnight Jazz ให้ความรู้สึกลึกลับ เต็มไปด้วยพลัง แสดงถึงความสงบและความมั่นใจ กับสี Sunset Melody เพลิดเพลินไปกับการไล่เฉดสีสันอันเร่าร้อนระหว่างโทนสีฟ้ากับสีส้ม ชวนให้นึกถึงบรรยากาศชายหาดยามพระอาทิตย์ตก
ด้านหน้าถูกสรรค์สร้างขึ้นอย่างสวยงามประณีต ด้วยขอบจอที่มีความโค้ง 2.5D ให้ผู้ใช้งานเปิดมุมมองได้กว้างกว่าที่เคย ด้วยจอแสดงผล AMOLED ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.44 นิ้ว ความหนาแน่น 408 พิกเซลต่อนิ้ว
อัตราส่วนภาพ 20:9 อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 ความสว่างสูงสุด 430 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุด 600 นิต (HBM) และสนับสนุนมาตรฐาน HDR10
Vivo V20 รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแบบเดียวกับที่พบใน Vivo V20 Pro 5G ด้วยการซ่อนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล (In-Display Fingerprint Sensor)
หรือใช้วิธีสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคก็ทำได้เช่นเดียวกัน
ขอบจอด้านบนจะพบกับกล้องหน้า 44MP แบบ Eye Autofocus วางอยู่ในรอยบากแบบหยดน้ำ ไม่ได้รับกล้องคู่หน้าเหมือนรุ่น Pro ซึ่งทำให้ Vivo V20 มีพื้นที่จอแสดงผลมากกว่าเหนือกล้องเซลฟี่เป็นตำแหน่งของลำโพง ซ่อนอยู่ในตะแกรงแนวยาวให้เสียงสนทนาชัดเจน
ขอบด้านข้างบางเฉียบเพียง 7.38 มิลลิเมตร ติดตั้งปุ่มปรับระดับเสียงกับปุ่มเพาเวอร์ ไว้ฝั่งเดียวกัน
อีกข้างมีถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple Slot รองรับ 2 ซิมการ์ด Dual Nano-SIM และสามารถวางการ์ด MicroSD เพิ่มได้อีก 1 ช่อง
ด้านบนติดตั้งไมโครโฟนตัวที่ 2 มาให้ด้วย ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง
ด้านล่างมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และ ลำโพง
ดีไซน์โดยรวมของ Vivo V20 มีความคล้ายกับ Vivo V20 Pro 5G แต่ก็มีจุดแตกต่างอย่างชัดเจนอยู่ 2 – 3 จุด คือ มีรอยบากเล็กกว่า เพราะใช้รอยบากแบบหยดน้ำ ให้พื้นที่จอแสดงผลมากกว่า และอีกจุด คือ ถาดใส่ซิมการ์ดอยู่ที่ขอบด้านข้าง ทำให้ด้านล่างมีพื้นที่ว่างสำหรับช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
กล้องหน้า 44MP Eye Autofocus
มาถึงไฮไลท์ที่น่าสนใจที่สุดของ Vivo V20 คือระบบกล้องหน้าที่มีความะเอียดคมชัดสูง 44 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง f/2.0 มาพร้อม Eye Autofocus ช่วยจับโฟกัสดวงตาของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเคลื่อนไหว หรืออยู่ในมุมไกล เพื่อให้ได้ภาพถ่ายเซลฟี่ที่สวยงามเป็นธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องใช้สายตาโฟกัสไปที่กล้องหน้าตลอดเวลา
กล้องหน้าของ Vivo V20 มีระบบโฟกัสอัตโนมัติ (AF) สามารถจับโฟกัสจากระยะใกล้สุด 15 เซนติเมตร จนถึงจุดที่ไกลที่สุดแม้ยึดติดสมาร์ทโฟนกับไม้เซลฟี่ ก็ยังถ่ายเซลฟี่ได้อย่างคมชัด และสามารถตั้งค่าให้โฟกัสส่วนอื่นได้อีก อย่าง Body Autofocus โฟกัสที่ตัวบุคคล หรือ Object Autofocus โฟกัสตามวัตถุเคลื่อนที่ได้
ในโหมด Portrait ก็มี Style หรือโทนสีสวยๆสำหรับถ่ายภาพถึง 9 แบบ ปรับความสวยงามของใบหน้า รวมไปถึงสามารถเลือกปรับความเบลอหรือ Bokeh ของฉากหลังได้ตามใจ ตั้งแต่ f1.0 ไปจนถึง f16
ถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยให้สว่างสดใสด้วย Super Night Selfie ซึ่งอาศัยเทคโนโลยี AI อัจฉริยะช่วยควบคุม Noise หรือจุดรบกวนบนภาพถ่าย และช่วยเปิดรับแสงหลายภาพในเวลากลางคืน เพื่อให้ภาพถ่ายเซลฟี่ในเวลากลางคืนสามารถแสดงรายละเอียดใบหน้าอย่างชัดเจน และยังมีโหมด Selfie Softlight Band ใช้จอแสดงผลช่วยเพิ่มแสงสว่างที่นุ่มนวลเหมือนแสงไฟสตูดิโอ ทำให้โทนสีผิวของใบหน้าสวยงามเป็นธรรมชาติ
การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าก็ถือเป็นอีกไฮไลท์ที่น่าสนใจของ Vivo V20 สามารถถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียดสูงถึง 4K และยังรองรับโหมด Eye Autofocus แบบเดียวกับการถ่ายภาพนิ่ง
พร้อมด้วย Steadiface Selfie Video เทคโนโลยีตรวจจับการสั่นของมือแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวราบรื่น ไม่ว่าจะเดินหรือวิ่งในขณะถ่ายวิดีโอ
Vivo V20 รองรับ Dual-View Video สามารถถ่ายวิดีโอด้วยกล้อง 2 ตัว พร้อมกัน โดยมีให้เลือก 2 โหมด ได้แก่ Dual View แยกหน้าต่างของกล้องทั้ง 2 ตัวอย่างชัดเจน และ Picture-in-Picture วางภาพซ้อนทับกัน
และยังสามารถเลือกจับคู่กล้องได้ ไม่ว่าจะเป็น กล้องหน้า + กล้องหลังตัวหลัก, กล้องหน้า + กล้องหลัง Wide-Angle หรือ กล้องหลังตัวหลัก + กล้องหลัง Wide-Angle
Slo-Mo Selfie Video เป็นอีกฟีเจอร์ที่ไม่ควรพลาดของกล้องหน้า Vivo V20 รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion ด้วยอัตรา 240 เฟรมต่อวินาที
Art Portrait Video ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้กล้องหน้าสามารถถ่ายวิดีโอแบบ Portrait ละลายฉากหลังด้วยเอฟเฟกต์ Bokeh เพื่อให้ตัวบุคคลโดดเด่น และสามารถเปลี่ยนฉากหลังเป็นสีขาว-ดำได้ อีกทั้งยังมีโทนสีหรือ Style ในโหมดวิดีโอให้เลือกหลากหลายแบบ และรองรับ Face Beauty ช่วยปรับแต่งใบหน้าให้ดูดีมากขึ้น
กล้องหลัง 3 ตัวความละเอียด 64MP
Vivo V20 ไม่ได้มีความโดดเด่นที่กล้องหน้าเพียงอย่างเดียว แต่กล้องหลังก็ถือเป็นอีกไฮไลท์ที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน เพราะมาพร้อมระบบกล้องหลัง 3 ตัว แบบเดียวกับ Vivo V20 Pro 5G โดยกล้องแต่ละตัวมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- กล้องหลัก ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง f/1.89
- กล้อง Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง f/2.2 ช่วยเก็บภาพมุมกว้าง 120 องศา
- กล้อง Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง f/2.4 สำหรับถ่ายภาพด้วยเอฟเฟกต์ขาว-ดำ
โดยกล้องหลังของ Vivo V20 มอบรายละเอียดภาพที่ชัดเจนเมื่อซูมภาพ และไม่ว่าจะซูมเข้าใกล้อย่างรวดเร็วหรือซูมออกก็ตาม Smart Zoom จะช่วยโฟกัสที่ตัวบุคคลเพื่อให้อยู่ตรงกลางเฟรม และยังช่วยให้การซูมเข้าหรือซูมออกมีความราบรื่น สามารถถ่ายได้ในระยะตั้งแต่ Super Wide-Angle มุมกว้าง 120 องศา 1x ,2x และสูงสุด 10x แบบดิจิตอล
ในโหมด Portrait ก็ยกฟีเจอร์จากรุ่นโปรมาครบไม่ว่าจะเป็น Style หรือโทนสีสวยๆสำหรับถ่ายภาพทั้ง 9 แบบเช่นเดียวกับกล้องหน้า ปรับความสวยงามของใบหน้า รวมไปถึงสามารถเลือกปรับความเบลอหรือ Bokeh ของฉากหลังได้ตามใจ ตั้งแต่ f0.95 ไปจนถึง f16 และยังเลือกเปลี่ยนรูป Bokeh ให้เป็นรูปทรงต่างๆได้อีก 5 แบบคือ วงกลม ,หัวใจ ,สามเหลี่ยม ,ดาว และห้าเหลี่ยม
นอกจากนี้กล้อง Super Wide Angle ยังทำหน้าที่เป็นกล้อง Macro สามารถถ่ายภาพในระยะใกล้วัตถุเพียง 2.5 เซนติเมตร รวมถึงยังมีเลนส์ Bokeh ในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลายได้สวยงามอีกด้วย ทำให้กล้องหลังของ Vivo V20 รองรับการถ่ายภาพได้ทุกสถานการณ์
สำหรับการถ่ายภาพคนหรือวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว Vivo V20 ก็มีฟีเจอร์ Motion Auto Focus ช่วยติดตามการโฟกัสของคนหรือวัตถุเพียงแค่แตะ 2 ครั้ง บนหน้าจอที่ตัวบุคคลหรือวัตถุที่ต้องการให้ระบบโฟกัสติดตามการเคลื่อนไหว นอกจากจะติดตามตัวบุคคล Motion Auto Focus ก็สามารถติดตามการโฟกัสสัตว์เลี้ยงได้เช่นกัน
Dynamic Sky เป็นฟีเจอร์อัจฉริยะช่วยเปลี่ยนพื้นหลังที่เป็นท้องฟ้าให้มีความน่าสนใจขึ้นด้วยเอฟเฟกต์ที่มีชีวิตชีวา ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้าที่ฝนตก แดดออก และสามารถทำให้พื้นหลังบนภาพถ่ายเคลื่อนไหวได้ รวมถึงยังสามารถเปลี่ยนท้องภาพได้ตามใจอีกด้วยฟีเจอร์ Change Sky
สำหรับใครที่มีภาพถ่ายใบเก่าต้องการเก็บไว้ กล้องหลังของ Vivo V20 ก็มีฟีเจอร์ Memory Recaller ช่วยทำให้ภาพเก่ามีความคมชัดระดับ HD ด้วยเครื่องมือตกแต่งอัจฉริยะ และสามารถเพิ่มสีสันให้ภาพเก่ากลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยเข้าไป Repair แล้วเลือก HD Restoration เท่านั้น
กล้องหลังของ Vivo V20 ยังมาพร้อมฟีเจอร์แก้ไขภาพอัจฉริยะที่เรียกว่า AI Image Matting สามารถแยกตัวบุคคลออกจากฉากหลังได้อย่างแนบเนียน และทำได้อย่างง่ายดาย เพราะ AI จะ Crop หรือ เลือกตัวบุคคล และฉากหลังให้โดยอัตโนมัติในสัมผัสเดียวเท่านั้น สามารถเปลี่ยนฉากหลัง ลบบุคคลที่ไม่ต้องการออกจากภาพ ก็ทำได้ง่ายๆ ด้วย AI ไม่ต้องไปเสียเวลาตัดต่อภาพถ่ายบนคอมพิวเตอร์อีกต่อไป
กล้องหลังของ Vivo V20 ถูกสร้างมาเพื่อรองรับการถ่ายภาพในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อยอย่างมีประสิทธิภาพสมชื่อ Night Camera โดยมีทั้งโหมด Super Night Mode ถ่ายภาพกลางคืนด้วยกล้องหลัก Super Wide Angle Night Mode โหมดถ่ายภาพกลางคืนที่เพิ่มมุมมองให้กว้างขึ้น มี Style หรือโทนสีให้เลือก 4 แบบเช่นเดียวกับรุ่นโปรเพิ่มสีสันในการถ่ายภาพกลางคืนยิ่งขึ้น หรือการถ่ายตอนกลางคืนในโหมดปกติก็ได้ภาพที่สว่างคมชัดไม่แพ้กัน
และยังมีโหมดขาตั้งกล้อง Tripod Night Mode สำหรับเก็บภาพในเวลากลางคืนให้คมชัดไร้ที่ติ ด้วยการยืดระยะเวลาการเปิดรับแสงและเพิ่มความเสถียร
นอกจากนี้มีฟีเจอร์ Sky Divide ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับถ่ายภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนให้สวยงามคมชัดเป็นธรรมชาติ โดยมีเทคโนโลยี AI Noise Cancellation ช่วยลดจุดรบกวนบนภาพถ่าย
การถ่ายวิดีโอกล้องของ Vivo V20 นั้นรองรับความละเอียด 4K ฟีเจอร์ต่างๆก็ทำได้แบบกล้องหน้าทั้ง ระบบกันสั่น Ultra Stable ,Art Portrait Video หรือ Dual-View Video แต่ที่น่าสนใจมีโหมด Movie Camera เพิ่มเข้ามา ช่วยให้การถ่ายวิดีโอในมุมกว้างและเบลอฉากหลังได้สไตล์ภาพยนตร์
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ประสิทธิภาพ
Vivo V20 ใช้ชิปประมวลผลระดับ 8 นาโนเมตร Qualcomm Snapdragon 720G ประกอบด้วยซีพียู Kryo 465 Octa Core สูงสุด 2.3GHz บนสถาปัตยกรรม 64-bit ใช้จีพียู Adreno 618 และมี AI Engine รุ่นที่ 5 ช่วยทำงานด้าน AI มาพร้อม Snapdragon Elite Gaming ช่วยให้กราฟิกเกมนุ่มนวลขึ้น และยังรองรับเกม HDR รวมถึงสนับสนุนเทคโนโลยีเสียง Qualcomm aptX Adaptive เมื่อเชื่อมต่อหูฟัง Bluetooth เพื่อให้การเล่นเกมสมบูรณ์แบบทั้งภาพและเสียง
ชิปประมวลผล Snapdragon 720G ได้รับการปรับปรุงซีพียูให้เร็วขึ้น 20% ปรับปรุงจีพียูให้เร็วขึ้น 14% ลดการใช้พลังงานลง 44% และมีประสิทธิภาพ AIE เพิ่มขึ้น 115% เมื่อเทียบกับชิป Snapdragon 712
ด้านความจำ Vivo V20 มีพื้นที่ขนาดใหญ่เท่ากับ Vivo V20 Pro 5G โดยได้รับ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 128GB และยังสามารถเก็บข้อมูลเพิ่มเติมไว้ในการ์ด MicroSD ได้อีกด้วย
Multi-Turbo
นอกจากชิปประมวลผล Vivo V20 ยังได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพด้วย Multi-Turbo ซึ่งประกอบด้วย ART ++ Turbo ช่วยเร่งการเปิดใช้งาน รวมถึงการสลับแอพพลิเคชัน สามารถลดความล่าช้าได้ถึง 31%,
Game Turbo สร้างช่องทางด่วนสำหรับการเล่นเกม (Game Highway) และยังจัดลำดับความสำคัญของซีพียู และหน่วยความจำ ช่วยลดปัญหาเฟรมเรทตกได้ถึง 30% และ AI Pre-loading สามารถประมวลการเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่ใช้งานบ่อยได้เร็วขึ้น 20% เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนที่ไม่มี Multi-Turbo
Ultra Game Mode
Vivo V20 ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมให้ดีขึ้นด้วย Ultra Game Mode ช่วยปลดปล่อยศักยภาพของฮาร์ดแวร์ และคุ้มกันการต่อสู้ตลอดการเล่นเกม ผู้ใช้งานสามารถบล็อกการแจ้งเตือนทาง SMS และการแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อไม่ให้รบกวนสมาธิระหว่างโฟกัสอยู่กับเกม
Ultra Game Mode ยังมีฟีเจอร์ป้องกันการสัมผัสหน้าจอโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อการควบคุมที่แม่นยำ ไม่หลุดออกจากเกมกลางคัน และสามารถล็อกความสว่างเพื่อเพลิดเพลินกับเอฟเฟกต์ภาพที่ดีที่สุด นอกจากนี้ ยังสามารถปรับเปลี่ยนอัตราเฟรมเรทและอุณหภูมิได้อย่างชาญฉลาด ช่วยจัดสรรกระบวนการที่จำเป็นของซีพียู
Android 11 ใหม่ล่าสุด
Vivo V20 ทำงานบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 11 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่ออกมาในปีนี้ และปัจจุบันมีสมาร์ทโฟนเพียงไม่กี่รุ่นที่มาพร้อม Android 11 โดยครอบทับด้วย Funtouch OS 11 ที่ได้รับการปรับแต่งอย่างล้ำลึก เพื่อให้มีความเรียบง่าย ตอบสนองการใช้งานได้ราบรื่นยิ่งขึ้น และยังมาพร้อมฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิ…
Jovi Home ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น เพียงเลื่อนนิ้วไปทางขวาบนหน้าจอโฮม ก็จะพบกับ Jovi Home ที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างสะดวก
Shortcuts ทางลัดที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงแอพพลิเคชั่นการล้างพื้นที่เครื่อง เครื่องคิดเลข ล็อคแอพพลิเคชั่น และอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว
Suggestions คำแนะนำที่สามารถแจ้งเตือนอัจฉริยะสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เวลาพักผ่อน และ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
My Services สามารถปรับแต่งตามความสนใจของผู้ใช้งาน เช่น การแข่งขันกีฬา ข้อมูลด้านสุขภาพ การออกกำลังกาย หรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดื่มน้ำ เกม ภาพยนตร์ และ การพยากรณ์อากาศ โดยเจ้าของ Vivo V20 Pro 5G เตรียมอัพเดทเป็น Android 11 ได้เร็วๆนี้เช่นเดียวกัน
เทคโนโลยีชาร์จเร็ว Vivo FlashCharge 2.0
Vivo V20 ได้รับความจุแบตเตอรี่ 4000mAh ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่พอสมควรเมื่อเทียบกับความบางของตัวเครื่องเพียง 7.38 มิลลิเมตร และให้อายุการใช้งานเพียงพอตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะฟังเพลง เล่นเกม ถ่ายรูป
และยังรองรับ เทคโนโลยีชาร์จเร็ว Vivo FlashCharge 2.0 สูงสุด 33W สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 – 65% ภายในเวลาเพียง 30 นาที โดยแถมอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ Vivo FlashCharge 2.0 (11V, 3A) มาให้ในกล่อง
สรุป
ชัดเจนว่า Vivo V20 ถูกสร้างมาเป็นอีกทางเลือกของ Vivo V20 Pro 5G ด้วยดีไซน์แบบเดียวกันที่ให้ทั้งความสวยงาม พรีเมียม บอดี้บางเฉียบ และยังมีจุดเด่นเหมือนกันหลายอย่าง ทั้งกล้องหน้า 44MP Eye Autofocus กล้องหลัง 64MP Night Camera เทคโนโลยีชาร์จเร็ว Vivo FlashCharge 2.0
ในฐานะรุ่นน้อง Vivo V20 ยังมีบางอย่างที่ขาดหายไป แต่มีในรุ่น Pro เช่น กล้องรองของกล้องหน้า ซึ่งเป็นกล้อง Super Wide Angle 8 ล้านพิกเซล ช่วยให้ Vivo V20 Pro 5G ถ่ายเซลฟี่ในมุมมองกว้างพิเศษ ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 720G ขณะที่รุ่น Pro ใช้ชิป Snapdragon 765G พร้อมรองรับ 5G
อย่างไรก็ตาม Vivo V20 ยังมีระบบกล้องหลัง 3 ตัว 64 + 8 + 2 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดถ่ายภาพในเวลากลางคืน และลูกเล่นอื่นๆ แบบเดียวกัน ได้รับความจำเท่ากัน RAM 8GB จับคู่กับ ROM 128GB และยังมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานว่าต้องการกล้องเซลฟี่มุมกว้างพิเศษหรือไม่ ต้องการสัมผัสเทคโนโลยี 5G หรือไม่ ต้องการประสิทธิภาพโดยรวมจากชิป Snapdragon 765G หรือไม่ และถ้าไม่ Vivo V20 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า
Vivo V20 วางจำหน่ายในราคาเพียง 11,999 บาท เท่านั้น มีให้เลือกถึง 2 สีด้วยกัน ได้แก่ Sunset Melody และ Midnight Jazz รับฟรีทันทีของแถมสุดพรีเมียม กระเป๋า Duffle Bag มูลค่า 1,399 บาท* บัตร VIP Card มูลค่า 6,999 บาท และรับสิทธิประกันหน้าจอแตก 1 ปี พร้อมขยายระยะเวลารับประกันให้อีก 1 ปี
รายละเอียดเงื่อนไขการสั่งจอง
ลูกค้าสามารถทำการสั่งจองผ่านร้าน Vivo Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายโดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ลูกค้าที่ทำการจอง Vivo V20 ที่ Vivo Brand Shop, ร้านตัวแทนจำหน่ายทุกสาขา รวมถึงผู้ให้บริการเครือข่าย AIS, TrueMove H, Dtac และช่องทางออนไลน์ Lazada, Shopee, JD Central, Thisshop รับสิทธิ์ได้เครื่องก่อนใครพร้อมทั้งได้รับสิทธิพิเศษอื่นๆ มากมาย
1. ลูกค้าจะได้รับ กระเป๋า Duffle Bag มูลค่า 1,399 บาท พร้อม บัตร VIP Card มูลค่า 6,999 บาท
2. ลูกค้าจ่ายค่ามัดจำในการจองเพียง 500 บาท พร้อมทั้งกรอกรายละเอียดการจองและตรวจสอบการจองให้ครบถ้วน หากเกิดข้อผิดพลาดจากตัวผู้จองเอง ทางบริษัท วีไอคิว กรุ๊ป จำกัด จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นในทุกกรณี
3. ต้องนำใบการจองพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนมารับสินค้า พร้อมทั้งชำระค่าส่วนต่างในวันรับเครื่อง
- ลูกค้าสามารถรับเครื่อง Vivo V20 ในสาขาที่ทำการจองเท่านั้น มิฉะนั้น จะถือว่าสละสิทธิ์ในการรับของแถม พร้อมทั้งสงวนสิทธิ์ในการคืนค่ามัดจำในทุกกรณี
- ระยะเวลาเปิดรับการจองเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม ถึง 22 ตุลาคม 2563 เท่านั้น ที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
- บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
- หากมีข้อสงสัยในการสั่งจองสามารถติดต่อได้ที่: บริษัท วีไอคิว กรุ๊ป จำกัด Call Center. 02-294-3111-2 หรือที่ www.vivo.co.th
- สำหรับผู้ที่ทำการจอง Vivo V20 สามารถรับเครื่องพร้อมของแถมในวันที่ 23 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป