Apple ประกาศจิดกิจกรรม Hi, Speed ขึ้นในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ ซึ่งตรงกับเวลา 0.00 น. ของวันที่ 14 ตุลาคม ตามเวลาในประเทศไทย และคาดกันว่าจะเป็นกิจกรรมเปิดตัว iPhone รุ่นแรกของ Apple ที่รองรับ 5G แต่รายงานล่าสุดจากแหล่งข่าวในประเทศจีน อ้างว่างานนี้… ไม่ได้มีแค่ iPhone 12
ผลิตภัณฑ์แรกที่จะเปิดเผยในกิจกรรม Hi, Speed คือ HomePod Mini
HomePod Mini จะมาพร้อมโปรเซสเซอร์ S5 แบบเดียวกับที่พบใน Apple Watch Series 5 ได้รับการติดตั้งลำโพง 3.3 นิ้ว และจะมีความสูงน้อยกว่า HomePod รุ่นแรกประมาณ 48%
HomePod Mini ยังถูกลือว่า จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 16 หรือ 17 พฤศจิกายนนี้ โดยมีราคาเพียง 99 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 3,090 บาท
iPhone 12 Series
iPhone รุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในสัปดาห์หน้า จะมีด้วยกัน 4 รุ่น ตามที่ลือกันก่อนหน้านี้ ได้แก่ iPhone 12 Mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ทั้งหมดจะรองรับ 5G แต่จะมีเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ที่สนับสนุน mmWave
iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น จะมาพร้อม Smart Data Mode เพื่อจัดสรรแบนด์วิดท์ระหว่าง 4G กับ 5G สำหรับการทำงานต่างๆ เพื่อประหยัดพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น จะได้รับจอแสดงผล OLED แต่ Apple เรียกว่า Super Retina XDR พร้อมเทคโนโลยีกระจกหน้าจอใหม่โดยใช้เซรามิกเพื่อเพิ่มความแข็งและความต้านทานการตก
iPhone 12 mini
- จอแสดงผล Super Retina XDR ขนาด 5.4 นิ้ว
- การถ่ายภาพ Native Dolby Vision
- รองรับ 5G mmWave (เฉพาะรุ่นที่จำหน่ายในสหรัฐฯ)
- การชาร์จไร้สาย 15W
- มีให้เลือก 5 สี Black, White, Red, Blue และ Green
- ความจุ 64GB, 128GB และ 256GB
- ไม่แถมหูฟังและอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่
- ราคาเริ่มต้น $699 หรือราว 24,900 บาท
iPhone 12
- จอแสดงผล Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว
- การถ่ายภาพ Native Dolby Vision
- รองรับ 5G mmWave (เฉพาะรุ่นที่จำหน่ายในสหรัฐฯ)
- การชาร์จไร้สาย 15W
- มีให้เลือก 5 สี Black, White, Red, Blue และ Green
- ความจุ 64GB, 128GB และ 256GB
- ไม่แถมหูฟังและอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่
- ราคาเริ่มต้น $799 หรือราว 27,900 บาท
iPhone 12 Pro
- จอแสดงผล Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว
- กล้องหลัก 3 ตัว Wide + Ultra-wide + Telephoto พร้อม 4x Optical Zoom
- รองรับ LiDAR Scanner
- กล้องหน้า 7MP FaceTime ได้รับการปรับปรุงใหม่
- การถ่ายภาพ Native Dolby Vision
- รองรับ 5G mmWave (เฉพาะรุ่นที่จำหน่ายในสหรัฐฯ)
- การชาร์จไร้สาย 15W
- มีให้เลือก 4 สี Gold, Sliver, Black และ Blue
- ความจุ 128GB, 256GB และ 512GB
- ไม่แถมหูฟังและอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่
- ราคาเริ่มต้น $999 หรือราว 35,900 บาท
iPhone 12 Pro Max
- จอแสดงผล Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว
- กล้องหลัก 3 ตัว Wide + Ultra-wide + Telephoto พร้อม 5x Optical Zoom
- เซ็นเซอร์กล้องใหญ่ขึ้น 47% เมื่อเทียบกับ iPhone 12 Pro
- รองรับ LiDAR Scanner
- กล้องหน้า 7MP FaceTime ได้รับการปรับปรุงใหม่
- การถ่ายภาพ Native Dolby Vision
- รองรับ 5G mmWave (เฉพาะรุ่นที่จำหน่ายในสหรัฐฯ)
- การชาร์จไร้สาย 15W
- มีให้เลือก 4 สี Gold, Sliver, Black และ Blue
- ความจุ 128GB, 256GB และ 512GB
- ไม่แถมหูฟังและอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่
- ราคาเริ่มต้น $1,099 หรือราว 39,900 บาท
การกลับมาของ MagSafe Charger
ชื่อของ MagSafe ชุดขั้วต่อสายไฟแบบแม่เหล็กของ Apple จะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง โดยเคสของ iPhone 12 จะได้รับการฝังแม่เหล็กไว้ภายในและจะเชื่อมต่อกับขั้วต่อ MagSafe เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ นอกจากนี้ Apple จะเปิดตัวอุปกรณ์ชาร์จไร้สาย MagSafe Charger และ MagSafe Duo Charger รองรับการชาร์จไร้สายสูงสุด 15W
MagSafe Charger จะรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์เครื่องเดียว ขณะที่ MagSafe Duo Charger สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 เครื่อง
ที่มา – Gizmochina
https://www.flashfly.net/wp/317394