OPPO Watch สมาร์ทวอทช์ดีไซน์พรีเมี่ยมเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทีมงาน @flashfly ก็เคยนำเสนอรีวิวให้ได้อ่านกันไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งในรีวิวป็นการเขียนถึงภาพรวมของ OPPO Watch ที่มีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 41 มม. และ 46 มม. แต่ในบทความนี้เราจะมุ่งเน้นไปที่รุ่นใหญ่ 46 มม. โดยเฉพาะ เนื่องจากทั้ง 2 ขนาด มีรายละเอียดแตกต่างกันพอสมควร
ดีไซน์พรีเมี่ยม
OPPO Watch ขนาด 46 มม. ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยหรู ตัวเรือนใช้วัสดุอลูมิเนียมอัลลอย ซีรี่ส์ 6000 พื้นผิวด้านหลังใช้วัสดุเซรามิคและพลาสติก ส่วนสายรัดข้อมือทำมาจากยางฟลูออรีน เพื่อให้สวมใส่ได้อย่างสบายข้อมือตลอดทั้งวัน และยังมีคุณสมบัติป้องกันความชื้นได้ดี
จอแสดงผล 3D Dual-Curved Display
OPPO Watch ขนาด 46 มม. ใช้กระจกขอบโค้ง 3D Flexible Dual-Curved Display (1.91 นิ้ว) ถือได้ว่าเป็นรุ่นแรกของโลก ทำให้มีขอบจอแสดงผลที่โค้งมน และสามารถแสดงภาพได้กว้างสุดขอบ
จอแสดงผลคมชัดทุกสภาพแสง
จอแสดงผลของ OPPO Watch 46 มม. มีความละเอียด 402 x 476 พิกเซล ขนาด 1.91 นิ้ว ความหนาแน่นพิกเซล 326 PPI ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้ 72.76% สนับสนุนขอบเขตสีกว้าง DCI-P3 100%
และปรับความสว่างได้สูงสุด 1,000 นิต จึงแสดงผลได้อย่างคมชัดทั้งภายในและภายนอกอาคาร อีกทั้งยังมองเห็นหน้าปัดได้ง่ายกว่าเพราะมีขนาดหน้าจอใหญ่กว่า แถมยังมี Alway on Display ช่วยประหยัดพลังงาน
ป้องกันน้ำ 5ATM กันน้ำลึก 50 เมตร
อีกจุดที่ทำให้ OPPO Watch ขนาด 46 มม. เหนือกว่าขนาด 41 มม. คือ มาตรฐานป้องกันน้ำ ขนาด 46 มม. สามารถต้านทานน้ำในระดับ 5ATM หรือ 50 เมตร จึงสามารถสวมใส่ลงไปว่ายน้ำได้อย่างสบายใจ
เมื่อเข้าไปที่แอพพลิเคชั่น Workouts หรือ ออกกำลังกาย OPPO Watch จะแนะนำให้เปิดระบบล็อคหน้าจอ เพื่อป้องกันคลื่นน้ำมากระแทกหน้าจอ ซึ่งอาจเปิดฟีเจอร์ต่างๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ หรือเปิดระบบล็อคหน้าจอได้จากหน้าจอโฮม ดึงแผงการตั้งค่าจากขอบบนลงมา แล้วแตะที่ไอคอนรูปนิ้วชี้ที่มีเครื่อหมายทับ และถ้าต้องการออกจากระบบล็อคหน้าจอ ให้กดปุ่มด้านข้างค้างไว้ (ปุ่มใดก็ได้)
แบตเตอรี่ใช้งานยาวนาน และยังรองรับชาร์จเร็ว
OPPO Watch 46 มม. ยังมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 430mAh ให้พลังงานยาวนานถึง 21 วัน ด้วยโหมด Power Saver Mode หรือใช้งานทั่วไปได้นาน 36 ชั่วโมง เมื่อใช้โหมด Smart Mode
และยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Watch VOOC Flash Charging สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 ถึงระดับ 46% ในเวลา 15 นาที ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานตลอดทั้งวัน และสามารถชาร์จจาก 0 จนเต็ม 100% ในเวลา 75 นาที
วิธีเปิด Power Saver Mode
ผู้ใช้งาน OPPO Watch สามารถเปิด Power Saver Mode ได้ 2 วิธี โดยวิธีที่ง่ายที่สุดให้กดปุ่มมัลติฟังก์ชั่น (ปุ่มที่มีขีดสีเขียว) ค้างไว้ราว 2 วินาที แล้วเลือกโหมด Power Saver จากเมนู หรืออีกวิธีให้เข้าไปที่ Setting > System > Battery > Power Saver
นอกจากนี้ เมื่อระดับแบตเตอรี่ของ OPPO Watch ลดลงเหลือ 20% ก็จะมีข้อความแจ้งเตือนให้เปิดใช้งาน Power Saver Mode และจะแจ้งอีกครั้งเมื่อระดับแบตเตอรี่ลดลงเหลือ 10%
เมื่อเปิด Power Saver Mode ยังคงใช้งานฟีเจอร์ทั่วไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงจำนวนก้าว วัดอัตราการเต้นของหัวใจ รวมถึงการแจ้งเตือนต่างๆ
สายรัดข้อมือถอดเปลี่ยนได้ง่าย
OPPO Watch ออกแบบมาให้สามารถเปลี่ยนสายรัดข้อมือได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือช่วย เพียงกดปุ่มปลดล็อคสายทั้ง 2 ข้าง ที่ติดอยู่ด้านหลัง ก็สามารถดึงสายออกมาได้อย่างสะดวก
ออกแบบหน้าปัดด้วย AI Outfit
OPPO Watch มีหน้าปัด หรือ Watch Face ให้เลือกใช้งานหลายแบบ แต่ละแบบมีการแสดงผลกราฟิกและให้ข้อมูลบนหน้าปัดที่แตกต่างกัน แต่ที่น่าสนใจก็คือฟีเจอร์ AI Outfit ที่ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถออกแบบหน้าปัดได้เอง เพื่อให้เข้ากับสไตล์การแต่งตัวในแต่ละวัน
AI Outfit สามารถเข้าถึงได้จากแอพพลิเคชั่น HeyTap Health สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจาก Play Store หลังจากเข้ามาในแอพ HeyTap Health และผ่านกระบวนการจับคู่กับ OPPO Watch เรียบร้อยแล้ว ให้เข้าไปที่ไอคอนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ (ในส่วนนี้จะสามารถเปลี่ยนหน้าปัด หรือ Watch Face ได้เช่นเดียวกับแอพ Wear OS) และแตะเข้าไปที่ไอคอน AI Outfit
หลังจากเปิดฟีเจอร์ AI Outfit สมาร์ทโฟนที่จับคู่กับ OPPO Watch จะเปิดใช้งานกล้อง เพื่อให้ถ่ายภาพเสื้อผ้า หรือ พื้นผิวอื่นๆ ตามต้องการ จากนั้น AI ใน OPPO Watch จะสร้าง Watch Face ขึ้นมาให้เลือก ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบ โดยมีสีสันที่เข้ากับเสื้อผ้าหรือพื้นผิวที่ได้จับภาพไว้
ฟีเจอร์ AI Outfit สามารถสร้างหน้าปัด หรือ Watch Face ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และมีให้เลือกหลากหลายแบบ นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถเลือกภาพถ่ายในสมาร์ทโฟนมาตั้งค่าเป็น Watch Face ได้อีกด้วย
ติดตามการออกกำลังได้ทุกประเภท
OPPO Watch มาพร้อมแอพพลิเคชั่น Workouts ที่สามารถติดตามการออกกำลังกายได้ 5 ประเภท ได้แก่ Fitness Run (วิ่งเพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพ), Fat Burn Run (การวิ่งเพื่อเผาผลาญไขมัน), Outdoor Walk (การเดินกลางแจ้ง), Outdoor Cycling (การปั่นจักรยานกลางแจ้ง) และ Swimming (ว่ายน้ำ)
นอกจากติดตามการออกกำลังกาย 5 ประเภทข้างต้น OPPO Watch ยังมีฟังก์ชั่นการออกกำลังกาย 5 นาที สำหรับคนที่มีเวลาน้อย สามารถใช้เวลาเพียง 5 นาทีให้คุ้มค่า ด้วยการออกกำลังกายตามโปรแกรม OPPO Watch ติดตั้งมาให้ ซึ่งประกอบไปด้วย ตัวช่วยสำหรับการปลุก, การกระตุ้นทุกระบบของร่างกาย, การผ่อนคลาย, การเผาผลาญไขมันส่วนเกิน หรือ แม้แต่ตัวช่วยสำหรับการเตรียมตัวเข้านอน โดยมีวิดีโอสอน พร้อมคำแนะนำด้วยเสียง เปรียบเสมือนมีเทรนเนอร์ส่วนตัว
ถ้าต้องการติดตามกิจกรรมหรือการออกกำลังกายที่นอกเหนือจากแอพ Workouts สามารถติดตั้ง Google Fit แอพติดตามสุขภาพที่ Google พัฒนาร่วมกับองค์การอนามัยโลก และสมาคมแพทย์โรคหัวใจอเมริกัน มาพร้อมฟีเจอร์ติดตามการออกกำลังกายมากกว่า 90 แบบ ซึ่งครอบคลุมทุกกิจกรรมและทุกชนิดกีฬา
OPPO Watch ได้รับการติดตั้งเซ็นเซอร์สาหรับการออกกาลังกาย 5 ตัว และระบบนาทาง GPS + GLONASS ทำให้ OPPO Watch สามารถติดตามเส้นทางการออกกำลังกายได้อย่างแม่นยำ รวมถึงติดตามการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเข้าไปดูประวัติหรือบันทึกกิจกรรมในแต่ละวันได้จากแอพ HeyTap Health
ผู้ช่วยที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพ
OPPO Watch ติดตั้งเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบ 4 จุด ไว้ที่ด้านหลังของสมาร์ทวอทช์ เพื่อติดตามและประมวลผลอัตราการเต้นของหัวใจได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ โดยจะติดตามการเต้นของหัวใจอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะออกกำลังกาย พักผ่อน หรืออยู่ในโหมด Power Saver เพื่อคอยตรวจหาความผิดปกติ และถ้าพบจะแจ้งเตือนทันที
OPPO Watch ยังติดตามสุขภาพการนอนหลับได้ เพื่อตรวจสอบดูว่าในคืนที่ผ่านมาผู้สวมใส่นอนหลับลึกหรือหลับตื้นนานขนาดไหน และตื่นนอนในช่วงเวลาใด โดยจะเริ่มตรวจจับสุขภาพการนอนหลับตั้งแต่เวลา 20.00 น. จนถึง 10.00 น. ของวันถัดไป
นอกจากนี้ OPPO Watch ยังมาพร้อมคำแนะนำการหายใจ เพื่อช่วยให้ผ่อนคลายจากความตึงเครียด และมีระบบแจ้งเตือนให้ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสาย ถ้าหากผู้สวมใส่นั่งนานเกินไป
ระบบปฏิบัติการ Wear OS by Google สำหรับสมาร์ทวอทช์โดยเฉพาะ
OPPO Watch ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Wear OS by Google ซึ่งได้รับการพัฒนามาเพื่อทำงานบนสมาร์ทวอทช์หรืออุปกรณ์สวมใส่โดยเฉพาะ ทำให้ OPPO Watch สนับสนุนแอพพลิเคชั่นและบริการของ Google ที่สร้างมาเพื่ออุปกรณ์สวมใส่อย่างครบถ้วน
โดยมีฟีเจอร์ที่โดดเด่นอย่าง Google Assistant ผู้ช่วยดิจิตอลที่สามารถเรียกใช้งานได้ทันที ด้วยการกดปุ่มโฮมค้างไว้ หรือจะเป็น Google Translate สามารถแปลภาษาได้ด้วยคำสั่งเสียงแทนการพิมพ์
นอกจากนี้ OPPO Watch ยังสามารถรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนที่จับคู่กัน สามารถตอบกลับข้อความได้อย่างสะดวกด้วยคำสั่งเสียง รวมถึงควบคุมเครื่องเล่นเพลงได้จากข้อมือโดยตรง
สรุป
OPPO Watch รุ่น 46 มม. นอกจากจะมีขนาดหน้าจอและตัวเรือนใหญ่กว่า รุ่น 41 มม. ยังมีดีไซน์ที่สวมงามกว่าด้วยจอแสดงผลขอบโค้งแบบ 3D Flexible Dual-Curved Display ป้องกันน้ำได้ดีกว่า และแบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานยาวนานกว่า แต่ก็เหมาะสำหรับข้อมือของผู้ชายโดยเฉพาะ
สำหรับผู้หญิงที่ต้องการสมาร์ทวอทช์จอใหญ่ มองเห็นหน้าปัดอย่างชัดเจน ต้องไปลองสัมผัสเครื่องจริงดูว่ามีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับข้อมือตัวเองหรือไม่ เพราะถ้าใหญ่เกินไป OPPO Watch รุ่น 41 มม. ก็สามารถตอบสนองการใช้งานได้ดีไม่แพ้กัน
ราคา
OPPO Watch พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว ผ่านทาง OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ราคา 5,999 บาท สำหรับขนาด 41 มม. มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Black และ Pink Gold ขณะที่รุ่น 46 มม. วางจำหน่ายในราคา 7,999 บาท มีเฉพาะสีดำ
ล่าสุด OPPO ได้เปิดตัว OPPO Watch ขนาด 46 มม.ตัวเรือนสีทองใหม่ล่าสุด เป็นรุ่นพิเศษที่จับมือกับแบรนด์ดัง Greyhound ในชื่อ OPPO Watch x Greyhound มาพร้อมของแถมพิเศษทั้งสายนาฬิกา เสื้อยืดและกระเป๋าผ้า จำนวนจำกัดวางจำหน่ายแล้ววันนี้