สมาร์ทโฟนเรือธงที่มีประสิทธิภาพสูงเพียงอย่างเดียว ยังไม่สามารถตอบโจทย์เกมเมอร์ได้ นั่นทำให้ ASUS ผลิตสมาร์ทโฟนสำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะ รวมไปถึงผู้ใช้งานที่เน้นเล่นเกมอย่างจริงจัง และในปีนี้ได้พัฒนามาถึงรุ่นที่ 3 แล้ว เรียกว่า ROG Phone 3 ซึ่ง ROG มาจากคำว่า Republic Of Gamers แบรนด์เกมมิ่งของ ASUS นั่นเอง
ซึ่งในปีนี้ก็ได้เปิดตัวออกมาพร้อมกันถึง 2 รุ่นได้แก่ ROG Phone 3 (12 GB/512 GB) และ ROG Phone 3 Strix Edition (8 GB/256 GB) ในราคาเริ่มต้นที่เป็นเจ้าของได้ไม่ยาก โดยในบทความนี้เราจะมารีวิว ROG Phone 3 (12 GB/512 GB) กันแบบจุใจ
สเปกหลักของ ASUS ROG Phone 3
- จอแสดงผล 10-bit AMOLED ขนาด 6.59 นิ้ว
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 พร้อม ROG UI
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 865 Plus
- ระบบระบายความร้อน GameCool 3
- ความจำสูงสุด RAM 12GB + ROM 512GB
- ปุ่มเสริมพิเศษ AirTrigger 3 ที่สามารถปรับแต่งคำสั่งได้
- กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 3 ตัว 64MP Triple Camera
- ลำโพงคู่หน้า พร้อมระบบเสียง Dirac HD Sound
- ไมโครโฟน 4 ตัว พร้อมเทคโนโลยีลดเสียงรบกวน
- ระบบเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1, USB Type-C (2 ช่อง)
- แบตเตอรี่ 6000mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W
- ขนาดบอดี้ 171 x 78 x 9.85 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 240 กรัม
แกะกล่อง ASUS ROG Phone 3
ROG Phone 3 ถูกบรรจุไว้ในกล่องที่ออกแบบมาอย่างโดดเด่น เป็นรูปทรงปรึซึมสี่เหลี่ยมคางหมู และมีปลอกสวมทับอีกชั้น โดยสันขอบพิมพ์ชื่อ ROG Phone 3 สีแดง และข้างกล่องมีลายเส้นที่แสดงถึงความโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย
เมื่อถอดปลอกกล่องออกไป จะพบสมาร์ทโฟน ROG Phone 3 วางอยู่ที่ส่วนฐาน โดยมีแผ่นพลาสติกห่อหุ้มไว้ เพื่อป้องกันริ้วรอยก่อนส่งมอบถึงมือเจ้าของ และนั่นหมายถึงอุปกรณ์ทั้งหมดถูกเก็บไว้ในกล่องรูปทรงปรึซึมสี่เหลี่ยมคางหมู
สมาร์ทโฟน ROG Phone 3 มาพร้อมกับพัดลม AeroActive Cooler 3 อุปกรณ์เสริมที่ช่วยระบายความร้อนให้กับสมาร์ทโฟน และเป็นอุปกรณ์เสริมชิ้นแรกที่พบได้ทันทีเมื่อพลิกกล่องขึ้นมา
AeroActive Cooler 3 ช่วยลดอุณหภูมิของพื้นผิว ROG Phone 3 ได้ 4 องศาเซลเซียส และยังมีขาตั้งในตัว รวมถึงช่องต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร สามารถแนบติดกับด้านหลังของ ROG Phone 3 ได้ แม้สวมใส่ Aero Case ก็ตาม (เคสที่แถมมาให้ในกล่อง)
หลังจากหยิบ AeroActive Cooler 3 ออกมาแล้ว ก็สามารถเปิดฝากล่องเพื่อสำรวจอุปกรณ์อื่นๆ ที่ถูกเก็บไว้ภายใน โดยสิ่งแรกที่ต้องเจอก็คือ Aero Case เคสที่ออกแบบมาโดยคำนึงถึงการระบายความร้อนเป็นพิเศษ และยังสามาถแนบติดกับ AeroActive Cooler 3 ได้ทันทีโดยไม่ต้องถอดเคสนี้ออก
ถัดมาจะพบกับซองเอกสาร ที่แนบเข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ดมาให้ ซึ่งออกแบบที่จับมาเป็นพิเศษตามธีมของ ROG
ภายในซองเอกสาร มีคู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น และยังแถมสติกเกอร์ ROG มาให้ด้วย รวม 6 ชิ้น อยู่ในแผ่นเดียวกัน
ชั้นล่างสุดเป็นที่เก็บอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ 30W Power Adapter, สายเคเบิล USB-C และ Adapter แปลงแจ็คหูฟัง 3.5 มม. เป็น USB-C รวมถึงจุกยางสำรองสำหรับปิดช่องพอร์ตในเครื่องเมื่อไม่ได้ใช้งาน
ดีไซน์เรียบหรูขึ้น
เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน จะพบว่า ROG Phone 3 มีดีไซน์ที่เรียบหรูขึ้น โดยเฉพาะมุมมองด้านหลัง แต่ยังคงจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ในตำแหน่งเดียวกัน ที่โดดเด่นก็คือโลโก้ ROG ที่สามารถเปล่งแสงไฟ Aura RGB ได้ และจัดวางโลโก้ในแนวนอนเหมือนกับรุ่นก่อน เนื่องจาก ROG Phone ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกม และเกมส่วนใหญ่จะแสดงผลในแนวนอน
ตำแหน่งช่องระบายอากาศจากภายในก็ยังอยู่ที่เดิมแต่ดีไซน์ของตะแกรงเปลี่ยนไป และจุดที่แตกต่างอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับ ROG Phone 2 ก็คือ ในรุ่นใหม่มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว (รุ่นก่อนมีกล้องหลัง 2 ตัว) และยังมีแฟลช LED กับไมโครโฟนอยู่ใกล้กัน
ด้านหลังยังได้รับการปกป้องด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 ส่วนด้านหน้าใช้กระจกรุ่นใหม่กว่า Corning Gorilla Glass 6
ด้านหน้ายังดูคล้ายกับ ROG Phone 2 แต่ไม่ได้ทำสีให้กับตะแกรงลำโพงคู่หน้าแล้ว และยังคงใช้จอแสดงผลแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยไม่มีการเจาะรูหรือทำรอยบาก เพื่อให้แสดงกราฟิกเกมบนหน้าจอได้อย่างเต็มที่ไม่มีจุดรบกวนสายตา ทำให้กล้องเซลฟี่ของ ROG Phone 3 ยังอยู่ในตำแหน่งเดียวกับรุ่นก่อน คือ อยู่ชิดขอบจอด้านบนทางขวามือ
ROG Phone 3 มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED 10-bit HDR ขนาดใหญ่ 6.59 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรชสูงถึง 144Hz (รุ่นก่อน 120Hz) มีค่า Touch Sample Rate หรืออัตราตอบสนองการสัมผัส 270Hz (รุ่นก่อน 240Hz)
และยังติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผลด้วย
หน้าจอของ ROG Phone 3 มีขอบจอด้านข้างที่แคบหรือบางกว่าขอบจอด้านบนกับด้านล่าง ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องขีดจำกัดของการออกแบบ แต่เป็นความตั้งใจของผู้ผลิต ที่ต้องการให้ผู้ใช้งานจับสมาร์ทโฟนในแนวนอนเพื่อเล่นเกมได้ถนัดมากขึ้น
เสียงถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบหลักที่ทำให้การเล่นเกมสนุกมากขึ้น ROG Phone 3 จึงติดตั้งลำโพงมาให้ 2 ตัว ไว้ที่ด้านบนและด้านล่าง จึงให้เสียงในระบบสเตอริโอ และยังให้เสียงดังสะใจ ปรับความดังได้หลายระดับ
ด้านล่างมาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และรูไมโครโฟน ไม่มีช่องต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ที่เคยพบใน ROG Phone 2
ด้านข้างมีถาดใส่ซิมการ์ด และตรงกลางเป็นพอร์ต Side-mounted เหมือนกับรุ่นก่อน สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม หรือ ต่อสายชาร์จแบตเตอรี่ในระหว่างใช้งานสมาร์ทโฟนในแนวนอน
อีกข้างหนึ่งติดตั้งปุ่ม AirTrigger ไว้ทั้ง 2 มุม เหมือนรุ่นก่อน แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เรียกว่า AirTrigger 3 และยังพบปุ่มปรับระดับเสียง ปุ่มเพาเวอร์ และรูไมโครโฟน ทางฝั่งเดียวกันด้วย
ด้านบนยังติดตั้งไมโครโฟนมาให้อีก 1 ตัว รวมแล้ว ROG Phone 3 มาพร้อมไมโครโฟน 4 ตัว ติดตั้งไว้ที่ด้านบน, ด้านล่าง, ด้านข้าง และ ด้านหลัง (ใกล้แฟลช LED) ช่วยให้ ROG Phone 3 รองรับเสียงได้จากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะจับถือสมาร์ทโฟนในแนวตั้งหรือแนวนอน ทำให้การพูดคุยและบันทึกเสียงได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการบันทึกเสียงในระหว่างบันทึกภาพการเล่นเกมไปด้วย และยังมาพร้อมเทคโนโลยีลดเสียงรบกวน
จอแสดงผลสุดคมชัด 10-bit ให้อัตราการรีเฟรชสูง 144Hz
ROG Phone 3 ยังคงใช้จอแสดงผล AMOLED 10-bit HDR ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.59 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 19.5:9 เท่ากับรุ่นก่อน แต่ได้รับการปรับปรุงให้สนับสนุนอัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงถึง 144Hz ซึ่งปัจจุบันมีสมาร์ทโฟนเพียงไม่กี่รุ่นที่รองรับ และเพื่อรักษาความสมดุลของแบตเตอรี่ จอแสดงผลของ ROG Phone 3 สามารถปรับอัตราการรีเฟรชได้ตามคอนเท้นต์ที่รองรับ ระหว่าง 60Hz, 90Hz, 120Hz และ 144Hz
นอกจากอัตราการรีเฟรชหน้าจอ 144Hz ที่ช่วยให้การแสดงผลราบรื่น ROG Phone 3 ยังให้อัตราตอบสนองการสัมผัส 270Hz (รุ่นก่อน 240Hz) อีกทั้งยังมีความล่าช้าในการสัมผัสเพียง 25 มิลลิวินาที และมีความล่าช้าในการสไลด์เพียง 18 มิลลิวินาที ส่งผลให้ ROG Phone 3 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีความล่าช้าในการสาผัสต่ำที่สุดในโลก
จอแสดงผลของ ROG Phone 3 รองรับ 10-bit HDR10+ สามารถสร้างสีได้ถึง 1.07 พันล้านสี ให้ขอบเขตสีกว้าง DCI-P3 113%, NTSC 108.8%, sRGB 153.7% และมีค่า Delta E น้อยกว่า 1 ซึ่งหมายถึงให้สีสันที่ถูกต้อง มีความผิดเพี้ยนของสีน้อยมาก จึงมั่นใจได้ว่าการแสดงกราฟิกเกมจะให้รายละเอียดที่สมบูรณ์ที่สุด รวมไปถึงการรับชมคอนเท้นต์วิดีโอด้วย
นอกจากนี้ จอแสดงผลของ ROG Phone 3 ยังได้รับการรับรอง TÜV Low Blue Light (Hardware Solution) และ Flicker Reduced ช่วยถนอมสายตา เมื่อต้องเล่นเกมเป็นเวลานาน
ประสิทธิภาพ Snapdragon 865+ แรม 12GB แรงที่สุดในโลก
ROG Phone 3 ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 865 Plus 3.1GHz 64-bit Octa-core พร้อมด้วยจีพียู Adreno 650 ถือเป็นชิปที่ดีที่สุดของ Qualcomm ในปัจจุบันนี้
และยังใช้ RAM แบบ LPDDR5 จับคู่กับ ROM แบบ UFS3.1 ซึ่งเป็นมาตรฐานความจำและที่เก็บข้อมูลที่มีความเร็วสูง โดย LPDDR5 มีอัตราการส่งข้อมูลสูงกว่า LPDDR4x ถึง 50% และประหยัดพลังงานลงถึง 20%
ชิปประมวลผลอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับการเล่นเกมอย่างจริงจัง ROG Phone 3 จึงมาพร้อมระบบระบายความร้อน GameCool 3 ซึ่งประกอบด้วยชั้นฟิล์มกราไฟท์ขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้จอแสดงผลมากที่สุด ช่วยกระจายความร้อนรอบหน้าจออย่างสม่ำเสมอ ชั้นถัดมาเป็นฮีตซิงค์ทองแดงที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อนถึง 6 เท่า จึงกระจายความร้อนได้เร็วขึ้น และถ่ายเทความร้อนออกไปทางช่องระบายอากาศที่ด้านหลัง
ROG Phone 3 ยังมาพร้อม AeroActive Cooler 3 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนด้วยพัดลม ทำให้ ROG Phone 3 เล่นเกมเป็นเวลานานได้ โดยที่ความร้อนส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพน้อยมากๆ
และ ROG Phone 3 ยังรองรับการใช้งาน 5G ในประเทศไทยอีกด้วย
AirTrigger 3
จุดเด่นของ ROG Phone 3 คือมีปุ่มควบคุมพิเศษที่ขอบด้านข้าง เรียกว่า AirTrigger 3 เป็นปุ่มแบบอัลตราโซนิกที่ไวต่อการสัมผัส ติดตั้งอยู่บริเวณมุม ทั้ง 2 มุม และยังถือเป็นการพัฒนาไผอีกขั้นจากปุ่ม AirTrigger 2 ของรุ่นก่อน โดยรองรับทั้งการสไลด์และการปัด อีกทั้งยังสามารถแบ่งแต่ละปุ่มออกเป็น 2 พาร์ติชัน ทำให้เหมือนมีปุ่ม AirTrigger ถึง 4 ปุ่ม
AirTrigger 3 ไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะการเล่นเกมเท่านั้น เมื่อจับถือสมาร์ทโฟนในแนวตั้ง ก็สามารถบีบเพื่อสั่งให้เปิดฟีเจอร์หรือทำงานที่ต้องการได้ สามารถปรับแต่งได้ทั้งการบีบค้างไว้หรือบีบเพียงสั้นๆ
การเล่นเกมระดับ AAA
นอกจากชิปประมวล ระบบระบายความร้อน และปุ่ม AirTrigger 3 อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ ROG Phone 3 เล่นเกมได้อย่างสมบูรณ์แบบก็คือจอแสดงผล AMOLED 10-bit HDR ขนาดใหญ่ 6.59 นิ้ว ที่ให้ทั้งความคมชัด และยังให้อัตราการรีเฟรชสูงสุด 144Hz พร้อม Touch Sample Rate หรืออัตราตอบสนองการสัมผัส 270Hz
อีกทั้งยังมีความล่าช้าในการสัมผัสเพียง 25 มิลลิวินาที และมีความล่าช้าในการสไลด์เพียง 18 มิลลิวินาที จึงสามารถควบคุมเกมได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น ยิ่งทำงานผสานกับปุ่ม AirTrigger 3 ก็ยิ่งทำให้การเล่นเกมมีความสนุก ให้ประสบการณ์เหมือนเล่นเกมคอนโซล
สำหรับเกมที่รองรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอ 144Hz มีมากกว่า 200 เกม ไม่ว่าจะเป็น Arma Mobile Ops, Batman: The Enemy Within, Bullet Force, Alto’s Adventure, Dead Trigger 2, Injustice 2, Marvel Contest of Champions, Minecraft, Mortal Kombat, Pumped BMX 3, Real Racing 3, Shadow Fight 3, The Walking Dead: Road to Survival, UNKILLED – Zombie FPS Shooting, Rise of Kingdoms และอีกหลายเกม
ระบบปฏิบัติการ
ROG Phone 3 ทำงานบนพื้นฐาน Android 10 พร้อมด้วย ROG UI และยังมี OptiFlex ซึ่งเป็นเอ็นจิ้นรุ่นล่าสุดสำหรับจัดการหน่วยความจำ โดยอาศัย AI ช่วยติดตามแอพที่มีการใช้งานบ่อย และแอพที่มีแนวโน้มว่าจะใช้งานต่อไป เพื่อทำให้การเปิดแอพครั้งหน้ารวดเร็วขึ้น
ROG UI ยังมาพร้อม Armory Crate ที่ได้รับการออกแบบใหม่ตามเสียงเรียกร้องของผู้ใช้งาน และเป็นแอพสำหรับปรับแต่งเกมต่างๆ ที่ติดตั้งมาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัส, จอแสดงผล, ประสิทธิภาพ, เครือข่าย, เสียง รวมถึงการตั้งค่าปุ่มกดในแต่ละเกม
ในมุมมอง Console จะพบกับการตั้งค่าโดยรวม อย่างเช่น X Mode สำหรับปรับแต่งประสิทธิภาพตามอายุการใช้งานแบตเตอรี่, Game Genie ตัวช่วยในระหว่างเล่นเกม, ตั้งค่าปุ่ม AirTrigger, ควบคุมระบบพัดลม และ ควบคุมระบบไฟ Aura RGB ของโลโก้ ROG ที่ด้านหลัง
กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล
ROG Phone 3 มาพร้อมกล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล ถึงจะมีกล้องตัวเดียว แต่ก็รองรับโหมด Portrait และยังให้มุมมองกว้างรองรับการถ่ายเซลฟี่แบบกลุ่ม รวมถึงใช้งานสำหรับการแคสต์เกม วิดีโอแชท และปลดล็อคสมาร์ทโฟนด้วยการสแกนใบหน้า
กล้องหลัง 3 ตัว 64 ล้านพิกเซล
ROG Phone 3 ได้รับการปรับปรุงระบบกล้องหลังให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว พร้อมแฟลช LED และให้ภาพถ่ายออกมาเป็นที่น่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็นสภาพแสงในตอนกลางวัน หรือในเวลากลางคืนที่มีแสงน้อย โดยใช้ประโยชน์จากกล้องตัวหลักที่มีขนาดรูรับแสง F1.8 ทำงานร่วมกับ Night Mode
ระบบกล้องหลังของ ROG Phone 3 ประกอบด้วย
- กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล (Sony IMX686) รูรับแสง F1.8 รองรับ 2×1 On-chip-lens PDAF
- กล้อง Ultrawide 13 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 125 องศา
- กล้อง Macro 5 ล้านพิกเซล
กล้องหลักของ ROG Phone 3 รองรับโหมด Pro ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ มีโหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพบุคคล โหมด Night สำหรับการถ่ายภาพในเวลากลางคืน โหมด Panorama สำหรับเก็บภาพในมุมมองกว้างเป็นพิเศษ
สำหรับการถ่ายวิดีโอ ROG Phone 3 สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 8K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที หรือ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที รองรับการถ่ายวิดีโอในโหมด Slow Motion (4K ที่ 120 เฟรมต่อวินาที, 1080p ที่ 240 เฟรมต่อวินาที และ 720p ที่ 480 เฟรมต่อวินาที) และรองรับโหมด Time Lapse ความละเอียด 4K
การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลักของ ROG Phone 3 ยังรองรับการถ่ายด้วยกล้อง Ultrawide พร้อมระบบกันสั่น Hyper Steady Video มีโหมด HDR สำหรับวิดีโอ มีตัวกรองเสียงลม และมีฟีเจอร์ Mic Focus สำหรับเน้นจับเสียงที่กล้องกำลังซูมเข้าไป
ตัวอย่างภาพถ่าย
ระบบเสียง
แน่นอนว่าคุณภาพเสียง เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเกมมิ่งสมาร์ทโฟน และเพื่อให้ ROG Phone 3 เป็นสมาร์ทโฟนเพื่อการเล่นเกมที่สมบูรณ์แบบที่สุด จึงมาพร้อมลำโพงคู่หน้า ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม เพิ่มระดับจากแม่เหล็ก 5 เป็น 7 ตัว พร้อมด้วย Smart Amplifier (dual NXP TFA9874) ให้เสียงดังขึ้น ลึกขึ้น แต่มีความผิดเพี้ยนน้อยลง พร้อมด้วยระบบเสียง Dirac HD Sound
ที่น่าสนใจก็คือ ROG Phone 3 มีโหมดเกมพิเศษ ที่ปรับแต่งมาเพื่อให้ได้ยินเสียงเกมที่มีความถี่แตกต่างกันได้อย่างชัดเจนจากลำโพงสเตอริโอ โดยเฉพาะเสียงที่มีความสำคัญ อย่างเสียงฝีเท้า
ROG Phone 3 ยังสนับสนุนไฟลืเสียงคุณภาพสูงระดับ Hi-Res Audio 192kHz/24-bit ส่วนการฟังเพลงผ่านหูฟัง Bluetooth ก็รองรับมาตรฐาน aptX HD, aptX adaptive, LDAC และ AAC นอกจากนี้ ROG Phone 3 ยังมีแอพ AudioWizard ที่มีอีควอไลเซอร์ให้ปรับแต่งเสียงได้ง่ายๆ และยังถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับหูฟังของ ASUS
แบตเตอรี่ 6000mAh
ROG Phone 3 ได้รับความจุแบตเตอรี่ 6000mAh เท่ากับรุ่นก่อน แต่ได้รับการปรับปรุงให้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น เพื่อรองรับการใช้งาน 5G และการเล่นเกมเป็นเวลานาน จนสามารถเล่นเกม PUBG Mobile ได้นานถึง 9 ชั่วโมง และเล่นเกม Asphalt 9 ได้นานถึง 9.5 ชั่วโมง
ROG Phone 3 มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30W Quick Charge 4.0 และเทคโนโลยี HyperCharge ที่มีวงจรการชาร์จในอุปกรณ์ Power Adapter แทนที่จะมีเฉพาะในสมาร์ทโฟนเท่านั้น ช่วยลดความร้อนให้กับสมาร์ทโฟนในระหว่างชาร์จ จึงสามารถชาร์จได้แม้กำลังเล่นเกม
อุปกรณ์เสริมแบบจัดเต็ม
นอกจากนี้ ROG Phone 3 ยังมีอุปกรณ์เสริมพิเศษที่น่าสนใจอย่าง TwinView Dock 3 มาพร้อมจอแสดงผลในตัว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.59 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 19.5:9 แสดงภาพคมชัดด้วยเทคโนโลยี AMOLED และรองรับอัตราการรีเฟรช 144Hz เหมือนจอแสดงผลของ ROG Phone 3
TwinView Dock 3 ช่วยเพิ่มจอแสดงผลที่สองให้กับ ROG Phone 3 เพื่อรองรับการใช้งาน 2 หน้าจอพร้อมกัน จะเล่นเกมพร้อมกัน 2 จอ 2 เกม หรือ จะเล่นเกมพร้อมใช้งานแอพพลิเคชั่นอื่นก็ทำได้ คล้ายกับการแยก 2 หน้าต่าง แต่นี่เป็นการแยกหน้าจอออกจากกันอย่างชัดเจน เหมือนมีสมาร์ทโฟน 2 เครื่อง หรือ จะเล่นเกมเดียวกันโดยใช้จอแสดงผลของสมาร์ทโฟนเป็นปุ่มควบคุมเกมก็ได้
TwinView Dock 3 ยังมีไฟ Aura RGB ที่เป็นโลโก้ ROG มีพัดลมระบายความร้อน 1 ตัว และมีแบตเตอรี่ในตัว 5000mAh สามารถจ่ายไฟให้กับสมาร์ทโฟนได้
สำหรับใครที่มีคอนโทรลเลอร์ของ PlayStation, Xbox หรือ Stadia และต้องการต่อคอนโทรลเลอร์กับสมาร์ทโฟน ROG Phone 3 ก็สามารถทำได้ด้วยอุปกรณ์เสริมที่มีชื่อว่า ROG Clip ตัวหนีบคอนโทรลเลอร์ และมีขาจับสมาร์ทโฟนในแนวนอน ให้ประสบการณ์เหมือนเล่นเกมคอนโซลแบบพกพา
ROG Phone 3 ยังมีเคสอีกแบบเรียกว่า ROG Lighting Armor Case 3 ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ มีโลโก้ ROG ขนาดใหญ่สามารถเปล่งแสงและสลับสีได้ เพิ่มความโดดเด่นได้เป็นอย่างดี โดยอาศัยไฟ LED ที่ติดอยู่ใกล้กล้องหลังของ ROG Phone 3
ด้านหน้าของ ROG Phone 3 ได้รับการปกป้องด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 6 แต่เพื่อความแน่นอน จะติดกระจกกันรอยจาก ASUS เพิ่มก็ได้ Glass Screen Protector ของ ROG Phone 3 เป็นกระจกขอบโค้ง 2.5D บางเพียง 0.21 มิลลิเมตร และมีความแข็งแรงระดับ 9H
สรุป
ROG Phone 3 ถูกสร้างมาเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะ หรือผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนไว้เล่นเกมอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเกมระดับ AAA ที่สมาร์ทโฟนเรือธงทั่วไป ไม่สามารถตอบสนองได้อย่างเต็มที่ และด้วยประสิทธิภาพ ระบบระบายความร้อน ปุ่มควบคุมเกมพิเศษอย่าง AirTrigger 3 ลำโพงคู่หน้า รวมไปถึงอุปกรณเสริมต่างๆ ทำให้ ROG Phone 3 เป็นเกมมิ่งสมาร์ทโฟนที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด ไม่ว่าจะใช้เล่นเกม หรือ เล่นเกมพร้อมกับการบันทึกภาพหน้าจอ ก็ทำได้อย่างลื่นไหล
นอกจากการเล่นเกม ROG Phone 3 ยังได้รับการปรับปรุงกล้องให้มีความคมชัดมากขึ้น และยังเป็นสมาร์ทโฟนที่มีจอแสดงผลสวยงาม ขนาดใหญ่ รองรับการชมวิดีโอระดับ HDR10 และ HDR10+ อีกทั้งยังเป็นเกมมิ่งสมาร์ทโฟนที่ให้แบตเตอรี่มาจุใจถึง 6000mAh พร้อมรองรับชาร์จเร็ว 30W
ราคาและช่องทางการจัดจำหน่าย
ROG Phone 3 (12 GB/512 GB) วางจำหน่ายในราคา 32,990 บาทและ ROG Phone 3 Strix Edition (8 GB/256 GB) ราคา 24,990 บาทตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563 เป็นต้นไปพร้อมอุปกรณ์เสริม TwinView Dock 3 (ราคา 7,990 บาท) ROG Phone 3 Lighting Armor case (ราคา 1,990 บาท) และ ROG Clip (ราคา 1,990 บาท) ขณะที่ ROG Kunai 3 Gamepad (ราคา 3,990 บาท) จะพร้อมวางจำหน่ายในช่วงเดือน พ.ย. 2563 ทั้งนี้เอซุสยังส่งโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านช่องทางต่างๆดังนี้
• AIS
มอบส่วนลดสูงสุดถึง 6,500 บาท ให้คุณเป็นเจ้าของ ROG Phone 3 Strix Edition ในราคาเริ่มต้นเพียง 18,490 บาท เมื่อสมัครแพคเกจ Hot Deal แบบรายเดือน* ซื้อรุ่นนี้พร้อมย้ายค่ายเบอร์เดิมมาเป็นครอบครัวเอไอเอสรับส่วนลดเพิ่มอีก 1,000.- พร้อมรับฟรี YouTube Premium สูงสุด 6 เดือน และ AIS Play Family ไม่คิดค่าเน็ตนาน 6 เดือน
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
สามารถสั่งซื้อผ่าน AIS Online Store หรือที่เอไอเอสช็อปทั้ง 7 สาขา ได้แก่
เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ (ชั้น 4) |
เอไอเอสช็อป สาขาเมกา บางนา (ชั้น 2) |
เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล เวสต์เกต (ชั้น 2) ติดทางออกลานจอดรถ |
เอไอเอสช็อป สาขาเดอะมอลล์ บางกะปิ (ชั้น 3) |
เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า (ชั้น 3 โซนเซ็นทรัล) |
เอไอเอสช็อป สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 1 (ชั้น GF) |
เอไอเอสช็อป สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ (ชั้น 3) |