OPPO อยู่ในตลาดโทรศัพท์มือถือเป็นเวลากว่า 16 ปีแล้ว จากแบรนด์ที่คนไทยไม่คุ้นเคย ปัจจุบันกลายเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนขายดีอันดับต้นๆ ทั้งในไทย อาเซียน และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับโลก พร้อมก้าวเป็นผู้นำแบรนด์ด้านเทคโนโลยีและผู้สร้างนวัตกรรมด้านอุปกรณ์อัจฉริยะ ด้วยเทคโนโลยีระดับแนวหน้าทั้ง 5G, AI, การถ่ายภาพ และ VOOC Flash Charging
นอกจากผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยี OPPO ยังประสบความสำเร็จในการติดตั้งเครือข่าย 5G Standalone (SA) แบรนด์แรกในสหราชอาณาจักร และให้บริการการจัดแบ่งเครือข่าย 5G SA แห่งแรกของยุโรป โดยในปัจจุบัน OPPO ได้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายทั่วโลกมากกว่า 50 ราย เพื่อเร่งให้เกิดการใช้งาน 5G ในเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่องทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย OPPO พร้อมแล้วที่จะนำเสนอสมาร์ทโฟน 5G ให้ครอบคลุมทุกระดับ รองรับทุกไลฟ์สไตล์ที่เหนือกว่า มอบการใช้งานที่เร็ว แรง เสถียร อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งตอนนี้ทีมงาน @flashfly ก็ได้กล่องสีดำขนาดใหญ่จากทาง OPPO ส่งมาให้เป็นที่เรียบร้อยมาดูกันว่าภายในกล่องจะมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง
บนฝากล่องจะมีคำว่า OPPO 5G NOW ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเน้นที่คำว่า 5G ที่ขยายจนเต็มพื้นที่บนกล่อง พร้อมลวดลายสวยงาม
เปิดฝาออกมาจะพบคำว่า Your 5G Experience Starts Here หรือเปิดประสบการณ์ 5G ของคุณเริ่มขึ้นที่นี่
ที่ด้านล่างจะพบกับสมาร์ทโฟน 5G ทั้ง 3 รุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง OPPPO ที่พร้อมใช้งาน 5G ทันทีที่แแกะกล่อง นั่นก็คือ OPPO Reno4 Z 5G , OPPO Find X2 Pro Green Vegan Leather Edition สีเขียวใหม่ล่าสุด และ OPPO Reno4 Pro 5G ซึ่งเราจะมาแกะกล่องดูกันว่าแต่ละรุ่นนั้นมีความน่าสนใจขนาดไหน
OPPO Reno4 Z 5G
OPPO Reno4 Z 5G สุดยอดสมาร์ทโฟน 5G ในราคาระดับกลางที่คุ้มค่าที่สุด ถูกสร้างมาเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงเทคโนโลยี 5G ได้ง่ายที่สุด นำเสนอประสบการณ์การเชื่อมต่อที่รวดเร็ว สามารถอัพเดทและแบ่งปันไลฟ์สไตล์ในแบบฉบับของตัวเองกับเพื่อนๆ ได้แบบเรียลไทม์
OPPO Reno4 Z 5G มาพร้อมกล่องสีเขียวอมฟ้า หน้ากล่องระบุชื่อรุ่น Reno4 Z ขนาดใหญ่ โดยมีโลโก้ OPPO อยู่มุมบนซ้ายมือ ที่มุมบนขวาระบุความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 128GB และมีโลโก้ 5G ที่มุมล่างขวา
เมื่อเปิดกล่องออกมาก็จะพบกับซองเอกสาร ที่ภายในมีคู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น บัตรรับประกัน เคส และ เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด
ถัดมาจะพบกับสมาร์ทโฟน OPPO Reno4 Z 5G ที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยแผ่นพลาสติก และยังระบุจุดเด่นไว้ 5 รายการ ได้แก่ รองรับ 5G Dual-mode ทั้ง SA และ NSA, จอแสดงผลให้อัตราการรีเฟรช 120Hz, กล้องคู่หน้าแบบ In-Display, กล้องหลัง 4 ตัว 48MP Ultra-wide Quad Camera และ ความจำขนาดใหญ่ RAM 8GB + ROM 128GB
ชั้นล่างสุดเป็นที่เก็บหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, สายเคเบิล USB Type-C และ อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ 18W Power Adapter
OPPO Reno4 Z 5G มีจุดเด่นที่รองรับ 5G แบบ Dual-Mode จึงเชื่อมต่อเครือข่าย 5G ได้ทั้งแบบ SA (Standalone ) และ NSA (Non-Standalone) โดย SA หมายถึงเครือข่าย 5G โดยตรงที่ให้ความเร็วสูงสุด ส่วน NSA เป็นการเชื่อมต่อ 5G ผ่านเครือข่าย 4G ในปัจจุบัน ซึ่งพร้อมให้บริการทันที ไม่ต้องลงทุนวางโครงสร้าง 5G ใหม่ทั้งหมด
OPPO Reno4 Z 5G มาพร้อมจอแสดงผลคุณภาพสูง ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอถึง 120Hz ครอบคลุมพื้นที่สี NTSC 81.5% โดยมีความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.57 นิ้ว ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้ 90.4% ป้องกันรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3+ และยังใช้ดีไซน์แบบ Punch Hole Display หรือ เจาะหลุมเพื่อวางกล้องเซลฟี่ไว้ใต้จอแสดงผล
OPPO Reno4 Z 5G ได้รับการออกแบบมาอย่างโดดเด่น ด้วยดีไซน์กล้องหลังที่สะดุดตาบนพื้นผิวไล่เฉดสีอย่างพรีเมี่ยม
OPPO Reno4 Z 5G ยังติดตั้งกล้องมาให้ถึง 6 ตัว ประกอบด้วยกล้องเซลฟี่แบบ Dual In-Display Selfie Camera กล้องหลัก 16 ล้านพิกเซล วางคู่กับกล้อง Depth 2 ล้านพิกเซล ช่วยในการถ่ายภาพ Portrait พร้อมเอฟเฟกต์ Bokeh ที่สวยงามเป็นธรรมชาติ
ขณะที่กล้องหลังมีด้วยกัน 4 ตัว ได้แก่ กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล, กล้อง Ultra-wide 8 ล้านพิกเซล, กล้อง B&W Portrait Monochrome 2 ล้านพิกเซล และ กล้อง Vintage Portrait Monochrome 2 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K
OPPO Reno4 Pro 5G
OPPO Reno4 Pro 5G สุดยอดสมาร์ทโฟน 5G ที่สามารถถ่ายวิดีโอได้ดีที่สุด จะแชร์ต่อก็ราบรื่นไม่มีสะดุด อีกทั้งยังมีดีไซน์บางเฉียบเพียง 7.6 มิลลิเมตร พร้อมด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็วถึง 65W
OPPO Reno4 Pro 5G ถูกเก็บไว้ในกล่องสีเขียวอมฟ้าสไตล์เดียวกับกล่องของ Reno4 Z 5G ด้านหน้ากล่องพิมพ์ชื่อรุ่น Reno4 Pro ขนาดใหญ่ มีโลโก้ OPPO อยู่มุมบนซ้ายมือ มุมบนขวาระบุความจำ RAM 12GB จับคู่กับ ROM 256GB และมีโลโก้ 5G ที่มุมล่างขวา
เมื่อเปิดกล่องออกมาก็จะพบกับซองเอกสาร สำหรับเก็บคู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น บัตรรับประกัน เคส และ เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด
จากนั้นจะพบกับสมาร์ทโฟน OPPO Reno4 Pro 5G ที่ได้รับการห่อหุ้มมาเป็นอย่างดี พร้อมระบุจุดเด่นไว้บนแผ่นพลาสติกไว้ 5 รายการ ได้แก่ โหมดถ่ายวิดีโอในเวลากลางคืน, เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W, ชิปประมวลผล Snapdragon 765G, ดีไซน์บางเฉียบ 7.6 มิลลิเมตร และ จอแสดงผล 90Hz ขอบโค้ง 3D
ชั้นล่างสุดเป็นที่เก็บหูฟังแบบ USB Type-C, สายเคเบิล USB Type-C และ อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ 65W SuperVOOC 2.0
OPPO Reno4 Pro 5G ชูจุดเด่นที่ระบบกล้องหลัง Ultra Clear Triple LDAF Camera ประกอบด้วยกล้องหลัก Ultra Clear 48 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นซอร์ Sony IMX586 รูรับแสง f/1.7 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS (Optical Image Stabilization) มาพร้อมกล้อง Ultra Night Wide-angle Video 12 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นซอร์ Sony IMX708 รูรับแสง f/2.2 มุมมองกว้าง 120 องศา อีกทั้งยังมีกล้อง Telephoto 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
ระบบกล้องหลังของ OPPO Reno4 Pro 5G สามารถถ่ายวิดีโอในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อยให้สว่างคมชัด และให้มุมมองกว้างกว่าปกติด้วยกล้อง Ultra Night Wide-angle Video และยังรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที หรือจะถ่ายวิดีโอในโหมด Slow Motion ก็ให้ความละเอียด Full HD 1080p (120 เฟรมต่อวินาที) หรือ HD 720p (240 เฟรมต่อวินาที) นอกจากนี้ยังมีระบบกันสั่น Ultra Steady Video สำหรับกล้องหลัก และ Ultra Steady Video Pro สำหรับกล้อง Ultra Wide
OPPO Reno4 Pro 5G ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0 ใช้เวลาชาร์จเพียง 5 นาที สามารถเล่นวิดีโอได้ยาวนานถึง 4 ชั่วโมง หรือ ชาร์จจาก 0 – 60% ภายในเวลาเพียง 15 นาที และ สามารถชาร์จจนเต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 36 นาที
OPPO Reno4 Pro 5G มีความจุแบตเตอรี่ 4000mAh พร้อมด้วยโหมดประหยัดพลังงานอัจฉริยะ Super Power Saving Mode เพื่อให้ใช้งาน 5G ได้อย่างไร้กังวลแม้ระดับแบตเตอรี่เหลือน้อย ด้วยแบตเตอรี่ที่เหลือเพียง 5% ก็ยังสามารถแชทกับเพื่อนๆ ผ่าน WhatsApp ได้นานถึง 1.5 ชั่วโมง
OPPO Reno4 Pro 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.5 นิ้ว ขอบเขตสีกว้าง DCI-P3 100% ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอ 90Hz ให้ประสบการณ์ในการรับชมวิดีโอได้อย่างยอดเยี่ยม และยังมีอัตราความไวหน้าจอสัมผัส 180Hz ตอบสนองการเล่นเกมได้รวดเร็วทันใจ โดยมีดีไซน์ขอบมุมโค้ง 3D ป้องกันรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 และผ่านการรับรองมาตรฐานการปล่อยแสงสีฟ้าในระดับต่ำจาก TÜV Rheinland
OPPO Reno4 Pro 5G ให้ประสิทธิภาพที่น่าประทับใจ ด้วยความจำขนาดใหญ่ RAM 12GB ความจุ ROM 256GB ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G รองรับ 5G ทั้งแบบ SA และ NSA ทำความเร็วสูงสุดในการดาวน์โหลดสูงสุด 3.7Gbps และอัพโหลดสูงสุด 1.6Gbps
นอกจากนี้ OPPO Reno4 Pro 5G ยังมีดีไซน์เพรียวบาง 7.6 มิลลิเมตร เบาเพียง 172 กรัม และหน้าจอโค้ง 3D ก็มีส่วนช่วยให้จับถือได้อย่างถนัดด้วยมือเพียงข้างเดียว
ด้านหลังก็โดดเด่นสะดุดตากับดีไซน์ Reno Glow ที่มีพื้นผิวเป็นเอกลักษณ์ เรียบเนียนไม่เหมือนใคร ให้ความรู้สึกถึงดวงดาวนับล้านดวงบนจักรวาลที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่ในมือ และยังออกแบบมาเพื่อป้องกันรอยนิ้วมือและรอยขีดข่วน
OPPO Find X2 Pro Green Vegan Leather Edition สีใหม่ล่าสุด
OPPO Find X2 Pro เป็นสุดยอดสมาร์ทโฟน 5G ระดับพรีเมี่ยมของ OPPO ในปีนี้ และตัวเลือกใหม่ล่าสุด Green Vegan Leather Edition ยังคงมาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสุดจากชิปประมวลผลเรือธง Qualcomm Snapdragon 865 รองรับ 5G ที่เร็วแรง และเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0 เพื่อให้เจ้าของสมาร์ทโฟนใช้เวลาทุกนาทีได้อย่างคุ้มค่าโดยไม่ต้องรอ
OPPO Find X2 Pro Green Vegan Leather Edition มีความโดดเด่นที่ด้านหลัง ใช้วัสดุหนังไมโครไฟเบอร์ชนิดพิเศษเหมือนกับสีส้ม Orange Vegan Leather มีผิวสัมผัสละเอียดอ่อนนุ่ม ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยม และยังผ่านกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้สามารถกันน้ำ น้ำมัน ความชื้น และการสึกหรอ รวมถึงทนทานต่อการฉีกขาดที่อาจเกิดจากการใช้งานทั่วไป
OPPO Find X2 Pro Green Vegan Leather Edition มาพร้อมจอแสดงผล 120Hz Ultra Vision Screen ใช้จอ OLED ความละเอียด 3K QHD+ (3168 x 1440 พิกเซล) ขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว ให้ความลึกสีถึง 1.07 พันล้านสี หรือ 10-bit ขอบเขตสีกว้าง P3 100% จึงแสดงสีสันได้อย่างสมจริง อัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้ 93.1% ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอ 120Hz อัตราความไวหน้าจอสัมผัส 240Hz และได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 6
OPPO Find X2 Pro Green Vegan Leather Edition ให้ประสิทธิภาพระดับเรือธงด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 865 รองรับ 5G แบบ Dual-Mode พร้อมด้วยความจำขนาดใหญ่ RAM 12GB จับคู่กับ ROM 512GB
รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 38 นาที และยังมีระบบป้องกันถึง 5 ชั้น เพื่อความปลอดภัยในระหว่างชาร์จ โดยมีความจุแบตเตอรี่ 4260mAh
อีกหนึ่งจุดเด่นของ OPPO Find X2 Pro Green Vegan Leather Edition อยู่ที่ระบบกล้องหลัง Ultra Vision Camera System ด้วยกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX689 เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพดีที่สุด พร้อมระบบโฟกัสแบบ All Pixel Omni-Directional PDAF ที่ช่วยจับโฟกัสได้แบบรอบทิศทาง และยังช่วยหาสมดุลของแสง อีกทั้งยังมีระบบซูมที่คมชัดยิ่งขึ้น และ Ultra Steady Video Pro ระบบกันสั่นสำหรับการถ่ายวิดีโอ
และนี่คือสมาร์ทโฟน 5G ทั้ง 3 รุ่นใหม่จากทาง OPPO ที่ได้เตรียมมาบุกตลาดประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบซึ่งทาง OPPO พร้อมแล้วที่จะนำเสนอสมาร์ทโฟน 5G ให้ครอบคลุมทุกระดับ รองรับทุกไลฟ์สไตล์ที่เหนือกว่า มอบการใช้งานที่เร็ว แรง เสถียร อย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยสุดยอดสมาร์ทโฟน 5G ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno4 Z, OPPO Reno4 Pro และ OPPO Find X2 Pro ที่อัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพ ตอบสนองการใช้งานทั้ง Work & Play ให้ผู้ใช้งานได้อัพเดตไลฟ์สไตล์ เชื่อมต่อกับเพื่อนๆ ได้แบบเรียลไทม์ไม่มีสะดุด ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ ส่งวิดีโอ ทำงาน หรือ เล่มเกมส์ ใครที่สนใจรุ่นไหนอยู่ก็อดใจรอไม่นานรีวิวฉบับเต็มมีมาให้อ่านกันแน่นอน พร้อมโปรโมชั่นและราคาทางการ