ในที่สุด Apple ก็ได้วางจำหน่าย Apple Watch Series 6 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วแทนที่ Apple Watch Series 5 จากปีก่อน ซึ่งตอนนี้มีจำหน่ายเฉพาะรุ่น GPS ส่วนใครที่รอรุ่น GPS+Cellular อดใจรอไม่นาน ซึ่งปีนี้ยังมีรุ่นพิเศษ Apple Watch SE ที่เปิดตัวและวางจำหน่ายพร้อมกันอีกด้วย
โดยในปีนี้ Apple ยังคงใช้ดีไซน์เดิมที่คุ้นเคย เพิ่มเติมด้วยสีสันใหม่ สายแบบใหม่ และฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยติดตามสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น แต่ก่อนที่จะไปเจาะลึกในรีวิว ทีมงาน @flashfly จะเริ่มต้นที่การพรีวิวแกะกล่องกันก่อน
แกะกล่อง Apple Watch Series 6
มาเริ่มกันที่ห่อพลาสติกใสของ Apple Watch Series 6 ที่สามารถดึงออกอย่างง่ายดาย ไม่ต้องใช้ของมีคมมากรีดออกไปให้วุ่นวายอีกต่อไปแล้ว สะดวกอย่างมาก
โดยรุ่นที่ทีมงานนำมารีวิวนั้นเป็นรุ่นอลูมิเนียมสีแดง (PRODUCT)RED ใหม่ล่าสุด ด้านหน้ากล่องจะใช้โลโก้ Apple Watch สีแดงบนพื้นขาวแบบนี้เลย
ด้านหลังระบุชื่อ Series 6 วัสดุตัวเรือน ประเภทสาย และ ขนาด ซึ่งมีให้เลือกระหว่าง 40 มม. กับ 44 มม.
เมื่อแกะห่อออกมา จะพบว่าภายในของกระดาษห่อพิมพ์ลาย Apple Watch ไว้อย่างสวยงาม ส่วนสีสันด้านในของกระดาษห่อ จะแตกต่างกันไป เพราะ Apple เลือกใช้สีที่เข้ากับสีตัวเรือนที่แต่ละคนเลือกซื้อ ซึ่งสีแดง (PRODUCT)RED จะมีหน้าตาแบบนี้
ภายในกระดาษห่อจะพบกับกล่อง Apple Watch Series 6 วางซ้อนทับบนกล่องสายนาฬิกา และทั้ง 2 กล่อง มีการพิมพ์รูปภาพผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายในไว้อย่างชัดเจน โดยกล่องสายนาฬิกาจะมีความบางกว่าอย่างชัดเจน
เมื่อเปิดกล่องออกมาก็จะพบกับตัวเรือน Apple Watch Series 6 ถูกเก็บไว้ในซองอย่างดีสีเดียวกับตัวเรือน ข้างกันเป็นซองเอกสาร
เมื่อนำตัวเรือน Apple Watch Series 6 ออกมาจากซอง จะเห็นสีแดง (PRODUCT)RED ตัดกับสีดำหน้าตาสวยงามแบบนี้ ด้านหลังจะระบุชื่อรุ่นชัดเจน
สำหรับภายในซองเอกสารจะมี กระดาษสีแดง (PRODUCT)RED พร้อมคู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น การประกันสินค้าในรูปแบบภาษาไทย
สุดท้ายภายในกล่องมีสายชาร์จแบบแม่เหล็กความยาว 1 เมตร แต่ไม่มีอะแดปเตอร์จ่ายไฟมาให้เหมือนรุ่นก่อนอีกต่อไปแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของ Apple ที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
มาดูกล่องสายนาฬิกากันบ้าง ภายในได้รับสายตามที่สั่งซื้อไว้โดยจะเป็นสาย Sport Band (PRODUCT)RED
โดยด้านในก็จะมีสายให้เลือกใช้ตามขนาดข้อมือ 2 ไซส์คือ M/L และ S/M ให้เลือก
ดีไซน์พรีเมี่ยมอย่างเคย
ดีไซน์โดยรวมของ Apple Watch Series 6 ยังดูคล้ายกับ Apple Watch Series 5 แต่ได้รับสีสันใหม่ สีฟ้า สำหรับตัวเรือนอะลูมิเนียม พร้อมด้วย สีแดง (PRODUCT)RED, สีเทาสเปซเกรย์ และ สีทอง
แน่นอนว่ายังมีรุ่นตัวเรือนสแตนเลสสตีล ,Apple Watch Edition มีตัวเรือนไทเทเนียม และรุ่นหรู Hermes ให้เลือกอยู่เช่นเดิม
Apple Watch Series 6 มีให้เลือก 2 ขนาดเหมือนรุ่นก่อน ได้แก่ 40 มม. และ 44 มม. โดยรุ่นตัวเรือนอะลูมิเนียม มาพร้อมจอภาพกระจก Ion‑X ส่วนตัวเรือนสแตนเลสสตีล และ ไทเทเนียม จะได้รับจอภาพแบบผลึกแซฟไฟร์ และยังคงป้องกันน้ำที่ระดับ 50 เมตร
Apple Watch Series 6 มาพร้อมสายนาฬิกาดีไซน์ใหม่เรียกว่า Solo Loop มีวัสดุให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ ซิลิโคน และ ด้ายถัก ทั้ง 2 แบบ มีให้เลือก 9 ขนาด เพื่อให้สวมใส่ได้พอดี เพราะไม่มีหัวล็อคหรือตัวล็อคแบบเดิม และยังมีสายแบบ Leather Link ที่ออกแบบมาให้พันรอบข้อมือ โดยแนบกับแม่เหล็กขึ้นรูปอย่างยืดหยุ่น
ฟีเจอร์ SpO2 วัดออกซิเจนในเลือด
Apple Watch Series 6 มีจุดเด่นที่แอพพลิเคชั่นและเซ็นเซอร์วัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด หรือ SpO2 ซึ่งหมายถึงเปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนที่เซลล์เม็ดเลือดนำจากปอดไปยังส่วนที่เหลือของร่างกาย ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าออกซิเจนในกระแสเลือดได้รับการส่งผ่านไปทั่วร่างกายได้ดีเพียงใด
เซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือดจะใช้ LED สีเขียว แดง และอินฟราเรดสี่กลุ่ม พร้อมกับโฟโต้ไดโอดสี่ตัวที่ฝาหลังคริสตัลของ Apple Watch เพื่อวัดแสงที่กระทบกลับจากเลือด จากนั้น Apple Watch จะใช้อัลกอริทึมขั้นสูงที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะที่มีอยู่ในแอพออกซิเจนในเลือด ซึ่งออกแบบมาเพื่อวัดระดับออกซิเจนในเลือดตั้งแต่ 70% ถึง 100%
แอพออกซิเจนในเลือดสามารถทำการวัดเป็นระยะๆ โดยอัตโนมัติ ทำงานอยู่ในพื้นหลังเมื่อผู้สวมใส่ไม่ได้ใช้งาน Apple Watch รวมถึงขณะนอนหลับ ข้อมูลทั้งหมดจะแสดงในแอพสุขภาพ และผู้ใช้สามารถติดตามข้อมูลแนวโน้มเมื่อเวลาผ่านไป เพื่อดูว่าระดับออกซิเจนในเลือดมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
ประสิทธิภาพ S6 เร็วขึ้นถึง 20% จอสว่างขึ้น 2.5 เท่า
Apple Watch Series 6 ได้รับชิป System in Package (SiP) รุ่น S6 ประกอบด้วยโปรเซสเซอร์แบบ Dual-core 64-bit สามารถทำงานได้เร็วขึ้นถึง 20% ช่วยให้แอพเปิดได้เร็วขึ้น 20% เมื่อเทียบกับชิป S5 ของ Apple Watch Series 5 และยังมีชิป U1 พร้อมสายอากาศอัลตร้าไวด์แบนด์ ซึ่งเตรียมไว้รองรับฟีเจอร์ใหม่ๆ ในอนาคต
Apple Watch Series 6 ยังคงใช้จอภาพ LTPO OLED Retina แบบติดตลอด ความสว่าง 1,000 นิต เหมือนที่พบในรุ่นก่อน แต่มีความสว่างมากกว่า Apple Watch Series 5 ถึง 2.5 เท่า ช่วยให้ดูหน้าปัดได้ง่ายยิ่งขึ้นเมื่ออยู่กลางแจ้ง ส่วนแบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 18 ชั่วโมง
มาพร้อม watchOS 7
Apple Watch Series 6 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ watchOS 7 มาพร้อมฟีเจอร์ด้านสุขภาพและฟิตเนสใหม่ รวมถึง VO2 Max ช่วงต่ำ, การติดตามการนอนหลับ, การตรวจจับการล้างมืออัตโนมัติ และการออกกำลังกายประเภทใหม่ๆ รวมถึงการเต้น จะช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจสุขภาวะโดยรวมของตนได้ดียิ่งขึ้น แอพแผนที่ยังได้รับการอัพเดทให้มาพร้อมเส้นทางการขี่จักรยานซึ่งดูได้ง่ายๆ จากบนข้อมือ และ Siri ก็สามารถแปลภาษาได้แล้ว นอกจากนี้ ยังได้รับหน้าปัดนาฬิกาใหม่ 7 แบบ และสามารถแชร์หน้าปัดกับคนอื่นได้
สรุป
Apple Watch Series 6 เป็น Apple Watch ที่มีฟีเจอร์ติดตามสุขภาพที่ครบครันที่สุด แต่อาจจะไม่ถูกใจเจ้าของ Apple Watch Series 5 มากนัก เนื่องจากฟีเจอร์ส่วนใหญ่ยังพบได้ในรุ่นเดิม อย่างไรก็ตาม Apple Watch Series 6 ยังได้รับสีสันใหม่ ได้รับชิปรุ่นใหม่ที่ทำงานเร็วขึ้น 20%
และเป็น Apple Watch เพียงรุ่นเดียวที่มีเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด ส่วนจะมีความสำคัญพอให้อัพเกรดจาก Series 5 มาเป็น Series 6 หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละคน แต่ถ้าใครใช้ Apple Watch ที่มีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป หรือกำลังตัดสินใจชื้อ Apple Watch เป็นครั้งแรก นี่คือ Apple Watch ที่ดีที่สุดในปัจจุบันนี้
Apple Watch Series 6 เริ่มวางจำหน่ายแล้ว เฉพาะรุ่น GPS ราคาเริ่มต้น 13,400 บาท สำหรับขนาด 40 มม. และเริ่้มต้น 14,400 บาท สำหรับขนาด 44 มม. สำหรับ Apple Watch Series 6 รุ่น GPS + Cellular จะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้ ราคาเริ่มต้น 16,900 บาท