หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ iPad Air รุ่นใหม่ล่าสุดในปี 2020 คือ การย้าย Touch ID จากปุ่มโฮมใต้หน้าจอ มารวมไว้กับปุ่มเพาเวอร์ที่ด้านบน ช่วยให้จอแสดงผลสามารถขยายพื้นที่เป็นแบบ edge-to-edge เหมือนดีไซน์ของ iPad Pro และตำแหน่ง Touch ID ใหม่บน iPad Air 4 ยังเหมาะที่จะนำมาใช้กับ iPhone 12 ตามความคิดเห็นของ Tom Warren จากเว็บไซต์ The Verge
iPhone เริ่มเปลี่ยนจาก Touch ID มาใช้ Face ID กับ iPhone X เป็นรุ่นแรก ซึ่งออกมาในปี 2017 ก่อนจะนำ Face ID มาใช้กับ iPhone ทุกรุ่นที่ออกมาในปี 2018 โดย Apple อ้างว่ามีความปลอดภัยและทำงานได้รวดเร็วกว่า Touch ID อย่างไรก็ตาม Touch ID ยังคงถูกนำมาใช้กับ iPhone SE รุ่นที่ 2 ทำให้ขอบจอแสดงผลยังมีความหนา
Tom Warren แสดงความคิดเห็นว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เขาต้องสวมหน้ากากออกจากบ้านทุกครั้ง เพราะยังอยู่ในช่วงการระบาดของ COVID-19 และไม่สามารถใช้ Face ID ได้โดยไม่ถอดหน้ากาก นั่นทำให้เขาต้องใช้วิธีการปลดล็อค iPhone ด้วยการป้อนรหัสผ่านแทน
การแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังไม่มีสัญญาณว่าจะชะลอตัวลง ทำให้ Tom Warren ไม่ได้ใช้งาน Face ID มานานหลายเดือน อีกทั้งยังพบว่า Face ID ทำงานได้ไม่สะดวก เมื่อเทียบกับ Touch ID เมื่อวาง iPhone ราบบนพื้นโต๊ะ
Apple เคยถูกลือว่าจะรวมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้กับจอแสดงผล iPhone แต่ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ถ้าหาก Apple นำเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ iPad Air 4 มาใช้กับ iPhone ด้วย จะช่วยให้ผู้ใช้งาน iPhone มีความสะดวกมากขึ้น เพราะจะรองรับทั้ง Face ID และ Touch ID โดยที่ยังใช้จอแสดงผลแบบ All Screen
ถึงแม้ iPhone 12 มีแนวโน้มว่ายังไม่ได้ใช้ Touch ID บนปุ่มเพาเวอร์เหมือนกับ iPad Air 4 แต่มีข่าวว่าจะได้รับชิปประมวลผล A14 Bionic เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ iPad Air 4 ยังเปลี่ยนมาใช้พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C แทนที่ Lightning แต่ดูเหมือน Apple ยังไม่สนใจที่จะนำพอร์ต USB-C มาใช้กับ iPhone 12
ที่มา – The Verge
https://www.flashfly.net/wp/315299