Vivo บุกตลาดสมาร์ทโฟนประเทศไทยต่อเนื่องหลังจากที่วางจำหน่ายรุ่นแฟลกชิปอย่าง Vivo X50 Pro 5G ไปไม่นาน ก็พร้อมทำตลาดสมาร์ทโฟน Vivo V20 series อย่างทางการแล้ว ซึ่งออกมาสานต่อความสำเร็จที่ Vivo V19 series ทำไว้ในช่วงครึ่งปีแรก
และตอนนี้ทีมงาน @flashfly ก็อยู่กับ Vivo V20 Pro 5G สมาร์ทโฟน 5G ดีไซน์บางที่สุดในโลก และเบาเพียง 170 กรัม มาพร้อมกล้องคู่เซลฟี่ 44 ล้านพิกเซล Eye Autofocus และกล้องหลัง 64 ล้านพิกเซล รองรับชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0 โดยสีตัวเครื่องที่ได้มาทดสอบนั้นเป็นสี Sunset Melody สวยงามมากๆ เราจะมาทำการรีวิวไปพร้อมๆกันได้เลย
สเปกหลักของ Vivo V20 Pro 5G
- รองรับ 5G
- จอแสดงผล AMOLED FHD+ ขนาด 6.44 นิ้ว
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G
- ความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 128GB
- กล้องคู่หน้า 44 + 8 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 3 ตัว 64 + 8 + 2 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ 4,000mAh
- รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0
- บาง 7.39 มิลลิเมตร
- หนัก 170 กรัม
แกะกล่อง Vivo V20 Pro 5G
Vivo V20 Pro 5G ถูกเก็บไว้ในกล่องสีน้ำเงินเข้ม พิมพ์ชื่อรุ่น V20 Pro ขนาดใหญ่ไว้บนฝากล่องที่มีลวดลายตัว V ดีไซน์สะท้อนแสงดูหรูหราสวยงาม และที่มุมบนขวาระบุว่ารุ่นนี้มาพร้อม RAM 8GB และ ROM 128GB
ด้านหลังกล่องระบุฟีเจอร์เด่นของรุ่นนี้เอาไว้ 4 อย่างด้วยกันคือ กล้องหน้าความละเอียด 44 ล้านพิกเซล ระบบ Eye Autofocus ถัดมาเป็นดีไซน์บางเบาใช้กระจกด้านสวยงาม กล้องหลังถ่ายภาพกลางคืนได้ที่ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล และใช้ชิป Snapdragon 765G รองรับการใช้งาน 5G ในไทย
เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับซองเอกสารสีน้ำเงินเขียนว่า V20 Pro ด้านล่างเป็นภาพกราฟิกเลนส์กล้องนั่นเอง
ในกล่องจะมีเคสใสแถมมาให้เลย
เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
เอกสารการรับประกันตัวเครื่องและคู่มือการใช้งานเบื้องต้น
สายเคเบิล USB-C รองรับ 33W Vivo FlashCharge 2.0
ถัดลงมาจะพบสมาร์ทโฟน Vivo V20 Pro 5G ที่ติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมาให้แล้ว
ที่ชั้นล่างสุดจะจบแถมหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร พร้อม Adapter แปลงแจ็ค 3.5 มิลลิเมตร เป็นพอร์ต USB-C มาให้ด้วย เพราะ Vivo V20 Pro 5G ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
และสุดท้ายคืออุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0
ดีไซน์เรียบหรูบางเฉียบ
Vivo V20 Pro 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ความละเอียด 2400×1080 (FHD+) ขนาด 6.44 นิ้ว 408ppi แสดงผลอัตราส่วนแบบ 20:9 ให้ความสว่าง 600 nits
และรองรับ HDR 10 ด้านบนมีรอยบากสำหรับติดตั้งกล้องคู่เซลฟี่ความละเอียด 44 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล
รองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอ และปลดล็อคหน้าจอด้วยกล้องหน้าได้
และยังเปิดใช้งาน Alway on Display ได้อีกด้วย
ด้านหลังดูเรียบหรูด้วยกระจกด้านเรียบเนียนด้วยเทคโนโลยี AG Matte Glass เพิ่มความสวยงาม หรูหรา ให้กับตัวเครื่อง แถมยังทนทานต่อรอยขีดข่วน พร้อมเทคโนโลยี AF ที่ช่วยป้องกันรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี ด้านหลังสะดุดตาด้วยการไล่ระดับสี หล่อหลอมศิลปะ เทรนด์และความคลาสสิกเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อแสดงถึงความงามอย่างเป็นธรรมชาติมึทั้งหมด 3 สี
โดยเฉพาะสีตัวเครื่องที่ได้มาทดสอบนั้นเป็นสี Sunset Melody การผสมผสานรวมกันเฉดสีฟ้าและสีส้มที่ชวนให้นึกถึงบรรยากาศที่ชายหาดยามพระอาทิตย์ตกสวยงามมาก และยังมีสีดำ Midnight Jazz ที่ลึกลับ เต็มไปด้วยพลัง แสดงถึงความสงบและความมั่นใจ และสีขาว Moonlight Sonata สวยงามราวกับแสงจันทร์ที่ตกกระทบบนท้องทะเล ให้เลือกด้วย
กล้องหลังทั้ง 3 ตัว ตัวของ Vivo V20 Pro 5G ถูกจัดวางอย่างระเบียบเป็นชั้นบาง ๆ วางเลเยอร์ที่เพิ่มแต่ละขั้นอย่างประณีตตั้งแต่ขั้นแรกเป็นสีดำคลาสสิกที่ใส่เลนส์กล้องเอาไว้ ขั้นที่สองคือฐานกรอบตกแต่งโดยรอบที่มีสีกลมกลืนกับฝาครอบ ถัดลงมาเป็นตำแหน่งแฟลช LED พร้อมคำว่า Hybrid Zoom ขั้นที่สามคือฝาหลังที่ใช้ครอบแบตเตอรี่
ส่วนโลโก้ Vivo จัดวางในแนวนอน โดยมีโลโก้ 5G ต่อท้าย
จุดเด่นในด้านการออกแบบของ Vivo V20 Pro 5G คือขอบจอที่มาพร้อมความโค้ง 2.5D ขอบด้านข้างที่บางเฉียบ เพียง 7.39 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 170 กรัมเท่านั้น ทำให้ Vivo V20 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่มีความบางที่สุดในโลกในตอนนี้
ปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่มเพาเวอร์ ติดตั้งอยู่ทางฝั่งขวา ด้านซ้ายไม่มีปุ่มกดใดๆ
มุมมองด้านบนจะเห็นว่า Vivo V20 Pro 5G มีไมโครโฟนตัวที่ 2 ติดตั้งมาให้ด้วย ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง
ด้านล่างประกอบไปด้วยลำโพง, พอร์ต USB-C, ไมโครโฟน และ ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ 3 ช่อง รองรับ 2 ซิมการ์ด และใส่การ์ด microSD ได้อีก 1 ช่อง
กล้องคู่หน้า 44MP Eye Autofocus
จุดเด่นของ Vivo V20 Pro 5G สิ่งแรกที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลยคือการที่มีการติดตั้งกล้องคู่เซลฟี่ไว้ในรอยบากบนหน้าจอ ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 44 ล้านพิกเซล f/2.0 พร้อมฟีเจอร์ Eye Autofocus และกล้อง Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.28 มุมกว้าง 105 องศา
ฟีเจอร์ Eye Autofocus สำหรับโฟกัสดวงตาแบบติดตามอัตโนมัติ จะช่วยการถ่ายภาพด้วยกล้องเซลฟี่ออกมาคมชัดสวยงามแม้ว่าจะเคลื่อนไหวใบหน้าไปทางไหนก็ตาม ก็จับโฟกัสที่ดวงตาอย่างรวดเร็วในระยะ 15 ซม. ถึงจุดที่ไกลที่สุดได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะถ่ายระยะใกล้หรือจะใช้ไม้เซลฟี่ระยะไกลแค่ไหน ก็สามารถถ่ายเซลฟี่ได้อย่างคมชัด
จึงไม่จำเป็นต้องจ้องไปที่กล้องตลอดทุกครั้งจึงทำได้ภาพที่ดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น แตกต่างจากสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆแน่นอน นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าเลือกให้โฟกัสส่วนอื่นได้อีกทั้ง Body Autofocus โฟกัสที่ตัวบุคคลและ Object Autofocus โฟกัสตามวัตถุเคลื่อนที่ได้
สำหรับโหมด Portrait หรือโหมดถ่ายภาพบุคคลพร้อมโหมดบิวตี้ สามารถถ่ายได้ทั้งระยะปกติที่ 1x และ 0.6x หรือภาพเซลฟี่มุมกว้างพิเศษ 105 องศาที่เหมาะกับการถ่ายภาพกลุ่มหรือถ่ายรูปคู่กับวิวสวยๆ พร้อมด้วยอัลกอริธึมการแก้ไขความบิดเบือนมุมกว้างของการแยกฉากพื้นหลัง และตัวบุคคล
มีโทนสีหรือ Style ให้เลือกหลากหลายแบบไม่ว่าจะเป็นแนวสวยใสแบบเกาหลีหรือญี่ปุ่น
รวมถึงสามารถปรับความเบลอของฉากได้ตามใจตั้งแต่ f16 ไปจนถึง f0.95 และยังเลือกปรับรูป Bokeh ได้อีก 5 แบบอาทิ หัวใจ หรือรูปดาว
ในโหมดถ่ายภาพกลางคืน Vivo V20 Pro 5G สามารถถ่ายเซลฟี่ได้สวยงามด้วย AI low-light portrait ที่ช่วยปรับแสงสว่างให้กับใบหน้าแถมยังเปิดโหมดบิ้วตี้ได้อีกด้วย
และยังเพิ่มความสว่างของใบหน้าด้วย Selfie Softlight Band เปลี่ยนไฟหน้าจอให้เป็นแสงนวลเหมือนไฟสตูดิโอเวลาถ่ายภาพให้อุณหภูมิสีที่สมบูรณ์แบบ และโทนสีผิวที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น
การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องเซลฟี่ของ Vivo V20 Pro 5G รองรับความละเอียดสูงถึง 4K 60fps มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว Super Portrait Stabilization พร้อมระบบบันทึกเสียงแบบ 3D Sound Tracking
มีโทนสีหรือ Style ในโหมดวิดีโอให้เลือกหลากหลายแบบเช่นเดียวในโหมดถ่ายภาพ Portrait รวมถึงการปรับความงามใบหน้า และใช้เลนส์ Super Wide Angle ถ่ายวิดีโอเซลฟี่ได้เช่นเดียวกัน
การถ่ายวิดีโอกล้องหน้าด้วย Art portrait แบบหน้าชัดหลังเบลอก็สามารถทำได้ หรือจะถ่ายฉากหลังให้เป็นขาวดำก็ทำได้เช่นเดียวกัน ฟิลเตอร์ต่างๆก็มีให้เลือกใช้เพียบ
ฟีเจอร์ใหม่ Dual View VDO ของ Vivo V20 Pro 5G สามารถถ่ายวิดีโอพร้อมกันได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังมี 2 แบบให้เลือกคือ Picture in Picture มีจอเล็กและจอใหญ่
หรือแบบแบ่งครึ่งจอ Dual View ซ้ายขวา บนล่าง สามารถสลับช่องไปมาได้อีกด้วย เหมาะสำหรับเวลาไปเที่ยวจะได้ไม่พลาดโอกาสเก็บโมเม้นต์ทั้งตัวเราเองและวิวสวยๆไปพร้อมๆกัน
ในโหมดนี้เรายังสามารถเลือกปรับใช้เลนส์ได้ 3 รูปแบบคือ กล้องหน้าและกล้องหลัง กล้องหน้าและกล้องเลนส์มุมกว้าง Super Wide Angle ที่กล้องหลัง สุดท้ายใช้งานกล้องหลังพร้อมกันทั้งเลนส์หลักและเลนส์ Super Wide Angle
รวมถึงยังสามารถถ่ายวิดีโอแบบ Slo-Mo Selfie ด้วยกล้องหน้าไว้อวดเพื่อนบนโลกออนไลน์ได้แบบเก๋ๆ
กล้องหลัง 3 ตัว 64 ล้านพิกเซล
หลังจากที่เจาะฟีเจอร์กล้องหน้าไปเรียบร้อยแล้วเรียกได้ว่าจัดเต็มแบบสุดๆ มาดูกล้องหลังของ Vivo V20 Pro 5G กันบ้างโดยมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล f/1.89
- กล้อง Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.2 ถ่ายภาพมุมกว้าง 120 องศา
- กล้อง Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
กล้องหลังของ Vivo V20 Pro 5G มีความละเอียดถึง 64 ล้านพิกเซล f/1.89 สามารถถ่ายในระยะ 0.6x ,1x ,2x และไกลสุด 10x มีเลนส์ถ่ายภาพให้เลือก 3 แบบคือ เลนส์ Super Wide Angle มุมกว้างพิเศษ 120 องศา เลนส์เอฟเฟกต์ Bokeh และเลนส์ Super Macro สำหรับถ่ายภาพใกล้วัตถุในระยะถึง 2.5 ซม.
ในโหมดถ่ายภาพบุคคลหรือโหมด Portrait มีโทนสีหรือ Style สวยให้เลือกใช้งานแบบกล้องหน้าไม่ต้องเสียเสลาไปแต่งภาพในแอพอื่นๆให้เสียเวลา รวมถึงมีโหมดบิ้วตี้ และปรับการเบลอของฉากหลังได้ตั้งแต่ f16-f0.95 แน่นอนว่ายังเลือก Bokeh ให้เป็นรูปทรงต่างๆได้ทั้งรูปหัวใจ หรือรูปดาว เป็นต้น
เพิ่มลูกเล่นให้กับการถ่ายภาพด้วย Portrait light effect ที่มีเอ็ฟเฟ็คแสงให้เลือกหลายแบบไม่ว่าจะเป็น Studio light, Stereo light,Loop light,Rainbow light และ Monochrome Background
โหมดถ่ายภาพที่น่าสนใจมีดังนี้ High resolution ถ่ายภาพที่ความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล ,โหมด Pro ที่สามารถตั้งค่ากล้องได้ละเอียดขึ้น พร้อมรองรับการถ่ายภาพในรูปแบบไฟล์ RAW, Duble exposure โหมดถ่ายภาพแบบซ้อนภาพ 2 ภาพด้วยกล้องหน้าหลังพร้อมกัน
หมดปัญหาในการถ่ายภาพ สัตว์เลี้ยงขณะวิ่ง หรือวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว เพียงแค่แตะสองครั้งที่บุคคลหรือวัตถุ จะเป็นการเปิดใช้งาน Motion Auto focus ตัวโฟกัสจะติดตามวัตถุ ช่วยให้ได้ภาพที่คมชัด และถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับโหมดอื่นๆ Live Photo ,Panorama ,Time-lapse ,Slo-Mo ,Doc หรือ AR Sticker ก็มีให้ใช้งาน
โหมดถ่ายภาพในเวลากลางคืนของ Vivo V20 Pro 5G นั้นก็ถ่ายสนุกไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง Vivo X50 Pro ด้วยเทคโนโลยี AI noise cancellation ลดสัญญาณรบกวนหรือการเกิดนอยส์ของภาพ และ Sky Divider ช่วยให้ภาพถ่ายท้องฟ้าดูเป็นธรรมชาติ นำเสนอความงามยามค่ำคืนได้อย่างชัดเจน
นอกจากจะถ่ายภาพระยะปกติได้คมชัดแล้ว ยังสามารถถ่ายระยะ 2x และ 0.6x ได้ด้วย เท่านี้ยังไม่พอยังมีโทนสีภาพกลางคืนมาให้เลือกอีก 4 แบบสวยงามมากได้แก่ Black & Gold ,Blue Ice,Green Orange และ Cyberpunk
โหมดถ่ายวิดีโอของกล้องหลังใช้งานทุกฟีเจอร์ได้แบบเดียวกับกล้องหน้า แต่สามารถซูมได้ 1x ,2x และสูงสุด 10x สามารถถ่ายมุมกว้าง Super Wide Angle ได้
รองรับความละเอียดถึง 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว Ultra Stable เปิดโหมดบิวตี้ได้เช่นเคย โหมดอื่นๆก็มีมาครบทั้ง Dual View VDO หรือ Art portrait
แก้ไขภาพถ่าย เปลี่ยนฉากหลังง่ายๆ ด้วย AI Image Matting และ Memory Recaller
Vivo V20 Pro 5G มาพร้อมฟีเจอร์แก้ไขภาพอัจฉริยะที่เรียกว่า AI Image Matting สามารถแยกตัวบุคคลออกจากฉากหลังได้อย่างแนบเนียน และทำได้อย่างง่ายดาย เพราะ AI จะ Crop หรือ เลือกตัวบุคคล และฉากหลังให้โดยอัตโนมัติในสัมผัสเดียวเท่านั้น
สามารถเปลี่ยนฉากหลัง ลบบุคคลที่ไม่ต้องการออกจากภาพ ก็ทำได้ง่ายๆด้วย AI ไม่ต้องไปเสียเวลาตัดต่อภาพถ่ายบนเครื่องคอมพิวเตอร์อีกต่อไป
ทำให้ภาพเก่ากลับมาคมชัดได้ทันทีด้วยฟังก์ชั่น Memory Recaller เครื่องมือตกแต่งสีอัจฉริยะ สามารถแก้ไขและเพิ่มสีสันให้ภาพเก่านั้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
รองรับการใช้งาน 5G ตั้งแต่แกะกล่อง
ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G มาพร้อมชิปโมเด็ม Snapdragon X52 ทำให้ Vivo V20 Pro 5G รองรับเครือข่าย 5G ได้เช่นเดียวกับรุ่น Vivo X50 Pro ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า รองรับทั้งเครือข่าย SA&NSA 5G เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดช่วยให้การเชื่อมต่อไม่มีสะดุด ลดความล่าช้าของเครือข่ายในที่สัญญาณไม่ดีหรือในที่อับสัญญาณ เช่นลิฟต์ หรือ รถไฟใต้ดิน
โดย 5G มีความเร็วในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตสูงกว่า 4G ในปัจจุบันมากกว่า 20 เท่า มีค่า Latency ไม่ถึง 1 มิลลิวินาที โดยค่า Latency ยิ่งน้อย ยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับการสั่งการไร้สายจากระยะไกล อย่างเช่น การเล่นเกมออนไลน์ และการเล่นเกมผ่านระบบ Cloud ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ เทคโนโลยี 5G ยังรองรับจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อในพื้นที่เดียวกันได้มากกว่า 4G ถึง 10 เท่า
ประสิทธิภาพสูง Snapdragon 765G แรม 8GB
Vivo V20 Pro 5G เลือกใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G มาพร้อม RAM 8GB ความจุ 128GB ซึ่งชิป Snapdragon 765G ได้รับการปรับปรุงซีพียูให้เร็วขึ้น 10% ปรับปรุงจีพียูให้เร็วขึ้น 40% ลดการใช้พลังงานลง 35% และมีประสิทธิภาพ AIE เพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบกับชิป Snapdragon 730
Qualcomm Snapdragon 765G ผลิตด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร บนสถาปัตยกรรม 64-bit ประกอบด้วยซีพียู Kryo 475 และจีพียู Adreno 620 พร้อมด้วย Artificial Intelligence Engine รุ่นที่ 5 สำหรับประมวลผลด้าน AI และยังมีฟีเจอร์ Snapdragon Elite Gaming ช่วยให้สมาร์ทโฟนตอบสนองการเล่นเกมอย่างรวดเร็วและราบรื่น ด้วยเสียงและกราฟิกระดับโรงภาพยนตร์
Multi-Turbo 3.0
Multi-Turbo เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่ได้รับการอัปเดตด้วย ART ++ Turbo ที่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพเอาใจคอเกมมากยิ่งขึ้น ด้วย Game Turbo ที่จะมาช่วยจัดลำดับความสำคัญของ CPU และหน่วยความจำ ที่ช่วยลดปัญหาเฟรมเรตตกได้ถึง 78.05%
System Framework Optimization (ใน Center Turbo) ควบคุมลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการตอบสนองเพิ่มขึ้น 30% และ ART ++ Turbo ช่วยเร่งการเปิดใช้งาน รวมถึงการสลับแอปพลิเคชัน ซึ่งโดยประมาณจะสามารถลดความล่าช้าได้ถึง 40%
Ultra Game Mode
นอกจากจะมีเทคโนโลยี Multi-Turbo 3.0 แล้ว Vivo V20 Pro 5G ยังได้รับการอัปเดต Ultra Game Mode ใหม่อีกด้วย ในการที่จะมาช่วยเปิดโหมดห้ามรบกวนต่างๆขณะเล่นเกม ป้องกันการจับภาพหน้าจอในขณะเล่นเกมที่เกิดจากการสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ
นอกจากนี้ยังมี Visual Effect ในการล็อคความสว่างหน้าจอให้คมชัดที่สุด ปรับอัตราเฟรมให้เหมาะสมกับอุณหภูมิของ CPU ให้กับเกม เพื่อให้ได้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุด
และยังรับรองเสียงความละเอียดสูง Hi-Res Audio ถูกใจคนที่ชอบดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมอย่างแน่นอน
Vivo V20 Pro 5G ยังมีระบบถ่ายเทความร้อน Vapor Chamber Liquid Cooling ด้วยของเหลว D5 สามารถกระจายความร้อนจาก CPU ได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะใช้งานอย่างหนัก และยังเพิ่มอายุการใช้งานของ CPU ให้ยาวนานมากขึ้น ไม่ว่าจะเปิดการใช้งานต่างๆ ไว้มากมาย V20 Pro ยังคงมีอุณหภูมิคงที่สามารถเล่นเกมต่อเนื่องได้ยาวนาน
Funtouch OS 11 บนพื้นฐาน Android 10
Vivo V20 Pro 5G ใช้ระบบปฎิบัติการ Funtouch OS 11 บนพื้นฐาน Android 10 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด สามารถเลือกปรับ Dynamic Effects ตั้งค่าภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ ปลดล็อคหน้าจอ เอฟเฟกต์จดจำใบหน้า และการแสดงผลอื่นๆ ได้อีกมากมาย มี iManager เป็นผู้ช่วยที่คอยดูแลระบบต่างๆ เช่น ทำความสะอาดไฟล์ขยะในสมาร์ทโฟน หรือสแกนหาปัญหาในเวลากลางคืน
แบตเตอรี่ 4,000mAh ชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0
Vivo V20 Pro 5G ได้รับแบตเตอรี่ความจุ 4,000mAh ที่ให้อายุการใช้งานยาวนานตลอดทั้งวัน และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0 ที่ใช้เวลาเพียง 30 นาทีได้แบตเตอรี่มากกว่า 50% และ vivo Energy Guardian (VEG) ตัวจัดการพลังงานอัจฉริยะช่วยให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน
สรุป
Vivo V20 Pro 5G มีความโดดเด่นที่ดีไซน์บางเบา เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G ให้ทั้งความสวยงาม และดูพรีเมี่ยม อีกทั้งยังมีจุดเด่นที่กล้องเซลฟี่ 44 ล้านพิกเซล พร้อมฟีเจอร์ Eye Autofocus ระบบกล้องหลัง 3 ตัว 64 ล้านพิกเซล ให้ความคมชัดทั้งสภาพแสงตอนกลางวันและกลางคืน
นอกจากนี้ ยังใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G แบบเดียวกับ Vivo X50 Pro 5G ทำให้สมาร์ทโฟน Vivo V20 Pro 5G ตอบโจทย์การใช้งานได้รอบด้าน นอกจากการถ่ายภาพได้อย่างสวยงาม ก็ยังเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ในราคาที่คุ้มค่ากว่าจึงเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจมากในเวลานี้
Vivo V20 Pro 5G เปิดราคาออกมาเพียง 14,999 บาทเท่านั้น ซื้อพร้อมแพคเกจจาก AIS หรือ Truemove H เริ่มต้นเพียง 4,898 บาท พร้อมเปิดรับจองทันทีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปถึงวันที่ 29 กันยายน และวางจำหน่ายทางการในวันที่ 30 กันยายน 2563 ที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขา ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และผู้ให้บริการเครือข่าย AIS และ TrueMove H
และเร็วนี้ๆจะมีการเปิดตัวรุ่น Vivo V20 ตามมา สานต่อความแรงของ Vivo V20 Series 5G ในประเทศไทยต่อไป
#VivoV20Pro5G #V20Series5G #BeTheFocus