Apple เริ่มวางจำหน่าย Apple Watch Series 6 อย่างทางการแล้วในสหรัฐอเมริกา และอีกกว่า 27 ประเทศ โดยมีเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด ซึ่งถือเป็นการฟีเจอร์ที่โดดเด่นที่สุด และยังปรับปรุงประสิทธิภาพด้วย แต่จะดีพอให้เจ้าของ Apple Watch Series 5 อัพเกรดมาซื้อรุ่นใหม่หรือไม่?
การออกแบบ
Apple Watch Series 6 ยังคงใช้ดีไซน์เดียวกับ Apple Watch Series 5 โดยมีให้เลือก 2 ขนาดเหมือนกัน ระหว่าง 40 มม. และ 44 มม. และมีวัสดุตัวเรือนให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ อะลูมิเนียม, สแตนเลสสตีล และ ไทเทเนียม ไม่มีเซรามิคแบบเดียวกับที่ Apple Watch Series 5 เคยมีให้เลือก
Apple Watch Series 6 ตัวเรือนอะลูมิเนียม มี 2 สีใหม่อย่าง สีน้ำเงิน กับ สีแดง (PRODUCT)RED และยังคงมีสีสีเงิน, สีเทาสเปซเกรย์ และสีทอง ให้เลือกด้วย สำหรับตัวเรือนสแตนเลสสตีลมี 3 ตัวเลือก ได้แก่ สีเงิน, แกรไฟต์ ที่ให้สีดำเทาเข้มข้นมันวาวสวยงาม และยังมีการปรับปรุงสีเยลโลว์โกลด์แบบคลาสสิกด้วย ส่วนตัวเรือนไทเทเนียมมาในสีเงินไทเทเนียม และสีดำสเปซแบล็ค
จอแสดงผล
Apple Watch Series 5 และ Apple Watch Series 6 ใช้จอแสดงผลแบบเดียวกัน โดยใช้จอภาพ LTPO OLED Retina แบบติดตลอด หรือ Always-on ความละเอียด 368 х 448 พิกเซล ความสว่าง 1,000 นิต อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ในโหมด Always-on จอแสดงผลของ Apple Watch Series 6 จะให้ความสว่างมากกว่า 2.5 เท่า ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในที่กลางแจ้ง
ประสิทธิภาพ
Apple Watch Series 6 ได้รับชิปรุ่นใหม่ S6 พร้อมโปรเซสเซอร์แบบ 64-bit Dual‑core ซึ่งมีความเร็วเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับชิป S5 ของ Apple Watch Series 5
Apple ระบุว่าโปรเซสเซอร์ Apple Silicon S6 รุ่นใหม่ ใช้โปรเซสเซอร์ A13 Bionic ที่ใช้ใน iPhone 11 และ iPhone SE
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
Apple Watch Series 6 ให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ 18 ชั่วโมงเท่ากับ Apple Watch Series 5 แต่การที่ Apple Watch Series 6 ได้รับชิปรุ่นใหม่กว่า ก็ควรมีประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานได้ดีกว่า
Apple Watch Series 6 ยังรองรับการชาร์จแบตเตอรี่เร็วกว่า Apple Watch Series 5 ถึง 20% สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 – 100% ภายในเวลาเพียง 1.5 ชั่วโมง ระบบชาร์จเร็ว ช่วยให้เจ้าของ Apple Watch Series 6 ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่ไม่นานเกินไปก่อนจะใช้ฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับก่อนเข้านอน
คุณสมบัติด้านสุขภาพ
Apple Watch Series 6 มีเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด SpO2 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นที่สุดของ Apple Watch รุ่นใหม่ล่าสุด และเป็น Apple Watch เพียงรุ่นเดียวที่สามารถวัดระดับออกซิเจนในเลือดได้ โดยใช้แอพออกซิเจนในเลือด สามารถวัดออกซิเจนในเลือดได้ระหว่าง 70% ถึง 100% และสามารถอ่านค่าด้วยตนเองได้ในเวลาเพียง 15 วินาที นอกจากนี้ยังสามารถวัดค่าโดยอัตโนมัติเป็นพื้นหลัง เมื่อไม่มีการใช้งานหรือระหว่างนอนหลับ
สำหรับฟีเจอร์เด่นของ Apple Watch Series 5 ก็ยังคงมีใช้ใน Apple Watch Series 6 ไม่ว่าจะเป็น เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า, การโทรฉุกเฉินทั่วโลก, SOS ฉุกเฉิน, ตรวจจับการล้ม และตรวจสอบเสียงรบกวน
คุณสมบัติอื่นๆ
Apple Watch Series 6 รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 5GHz ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่รวดเร็วและเชื่อถือได้มากกว่า Apple Watch Series 5 ที่ถูกจำกัดด้วย Wi-Fi 2.4GHz
Apple Watch Series 6 มาพร้อมมาตรวัดความสูงแบบทำงานตลอด ซึ่งบอกระดับความสูงแบบเรียลไทม์ตลอดทั้งวัน โดยใช้ Barometric Altimeter ทำงานร่วมกับ GPS และเครือข่าย Wi-Fi ในบริเวณใกล้เคียง ขณะที่ Apple Watch Series 5 สามารถอ่านค่าระดับความสูงเป็นระยะๆ เท่านั้น
Apple Watch Series 6 ยังได้รับชิป U1 Ultra Wideband ช่วยให้อุปกรณ์สามารถรับรู้เชิงพื้นที่ได้มากขึ้น หรือระบุตำแหน่งได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งในช่วงแรกอาจยังไม่มีความสำคัญเท่าไรนัก แต่ในอนาคตจะมีประโยชน์มากขึ้น เพราะจะทำงานร่วมกับฟีเจอร์ Car Key รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับติดตามของหายที่ถูกเรียกว่า AirTag
สรุป
สำหรับเจ้าของ Apple Watch Series 5 หลายคนอาจยังไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้ Apple Watch Series 6 เนื่องจากในรุ่นใหม่ยังไม่มีฟีเจอร์ที่สำคัญ ถึงขนาดที่ต้องอัพเกรดทันที นอกจากจะถูกล่อลวงด้วยสีสันใหม่ แต่ถ้าเป็นเรื่องดีไซน์แทบไม่มีความแตกต่าง อีกทั้ง Apple Watch Series 5 ยังสามารถเปลี่ยนมาใช้สายรุ่นใหม่ Solo Loop ได้เช่นกัน
Apple Watch Series 6 มาพร้อมชิปรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าก็จริง แต่ชิป S5 ที่อยู่ใน Apple Watch Series 5 ก็ยังเป็นชิปรุ่นเดียวกับ Apple Watch SE ที่เปิดตัวพร้อมกับ Series 6 นั่นหมายถึง Apple Watch Series 5 ยังคงได้รับการสนับสนุนจาก Apple ต่อไปอีกหลายปี
Apple Watch Series 5 รองรับการอัพเดทเป็น watchOS 7 ที่มาพร้อมคุณสมบัติใหม่ๆ มากมาย จึงให้ประสบการณ์การใช้งานคล้ายกับ Apple Watch รุ่นใหม่ล่าสุด
ปัจจัยสำคัญที่เจ้าของ Apple Watch Series 5 ควรใช้ Apple Watch รุ่นเดิม เพราะยังมีเซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า, เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคอล รุ่นที่ 2, การตรวจจับการล้ม, ใช้จอภาพ LTPO OLED Retina แบบติดตลอด และอีกหลายฟีเจอร์ ที่มีความสามารถแบบเดียวกับ Apple Watch Series 6
สุดท้าย เว็บไซต์ 9to5Mac แนะนำว่า เจ้าของ Apple Watch Series 5 ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน แต่ควรรอดูว่า Apple Watch ในปีหน้า จะมีแรงดึงดูดมากพอหรือไม่ โดยมีข่าวลือว่า Apple Watch Series 7 จะได้รับการออกแบบใหม่ที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจน
เปรียบเทียบ Apple Watch Series 6 vs Apple Watch SE vs Apple Watch Series 3
ที่มา – 9to5Mac
https://www.flashfly.net/wp/314946