Apple ประกาศจัดกิจกรรมพิเศษขึ้นในวันที่ 15 กันยายนนี้ ซึ่งตรงกับเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 16 กันยายน ตามเวลาในประเทศไทย โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ เหมือนกับงาน WWDC 2020 ที่ผ่านมา และสามารถรับชมได้พร้อมกันทั่วโลกบนทุกอุปกรณ์ ผ่านช่องทางการถ่ายทอดสดใน YouTube
กิจกรรมครั้งสำคัญของ Apple ในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ โดย Mark Gurman จากสำนักข่าว Bloomberg มั่นใจว่า Apple จะไม่เปิดตัว iPhone 12 จนกว่าจะถึงเดือนตุลาคมนี้ นั่นหมายความว่า กิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้ Apple จะมุ่งเน้นไปที่ iPad และ Apple Watch รุ่นใหม่
Apple Watch Series 6
เจอร์ใหม่ที่โดดเด่นที่สุดสำหรับ Apple Watch Series 6 คือการตรวจสอบออกซิเจนในเลือด ช่วยให้ Apple Watch รุ่นใหม่ ตรวจจับและติดตามระดับออกซิเจนในเลือด ซึ่งค่าปกติควรจะอยู่ที่ 95 – 100% ถ้าหากระดับออกซิเจนในเลือดต่ำกว่าค่าเหล่านี้ อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพของผู้สวมใส่
ฟีเจอร์ติดตามออกซิเจนในเลือดของ Apple Watch Series 6 จะมีประโยชน์อย่างมากในช่วงที่ COVID-19 ยังคงระบาดอยู่ทั่วโลก เนื่องจากไวรัสสามารถทำให้ระดับออกซิเจนลดลง ดังนั้น เจ้าของ Apple Watch รุ่นใหม่ จะได้รับการแจ้งเตือนอย่างทันท่วงที และได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว
Apple Watch Series 6 ยังถูกอ้างว่าจะได้รับการปรับปรุงระบบส่งสัญญาณไร้สาย ทำให้การเชื่อมต่อ WiFi และ Cellular มีความเร็วกว่ารุ่นก่อน
ความจุแบตเตอรี่ของ Apple Watch Series 6 ถูกพบว่ามีขนาด 303.8mAh ใหญ่กว่ารุ่นปัจุบันเพียงเล็กน้อย แต่เชื่อว่า Apple จะมีวิธีทำให้ Apple Watch ประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วยซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่
รายงานก่อนหน้านี้ เคยอ้างว่า Apple Watch Series 6 จะใช้ประโยชน์จากเซ็นเซอร์ติดตามออกซิเจนในเลือด ทำให้เกิดฟีเจอร์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต อย่างเช่น ตรวจจับการจู่โจมด้วยโรคแพนิก (Panic Disorder) หรือที่เรียกว่า Panic Attack เป็นอาการตื่นตระหนก หรือ กลัวสุดขีดจนใจสั่น ผู้ป่ายที่มีอาการแพนิก จะเป็นๆ หายๆ ติดต่อกันเป็นเวลาเกิน 1 เดือนขึ้นไป โดยจะเกิดขึ้นติดๆ กัน โดยไม่ทราบสาเหตุของการกระตุ้นที่ชัดเจน
Apple Watch รุ่นถัดไป ที่ทำงานบน watchOS 7 จะสามารถตรวจจับโรคแพนิก ก่อนที่ผู้สวมใส่จะแสดงอาการออกมา เพื่อแจ้งเตือนให้ทราบล่วงหน้า พร้อมแนะนำวิธีการฝึกหายใจเพื่อลดอาการของโรคแพนิก ซึ่งวิธีการปฎิบัติตัวที่ถูกต้องเมื่อเกิดอาการแพนิคก็คือการตั้งสติ และหายใจเข้า-ออกลึกๆ ช้าๆ เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย เพราะถ้าหากเกิดอาการของโรคแพนิก ในระหว่างขับรถยนต์ อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ เมื่อผู้ใช้งาน Apple Watch ได้รับการแจ้งเตือนของโรคแพนิก จะได้มีเวลาจอดรถก่อนที่ร่างกายจะแสดงอาการออกมา
iPad Air 4
iPad Air 4 ถูกลือว่าจะมีขนาดใกล้เคียงกับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว มาพร้อมจอแสดงผล Liquid Retina ขนาด 11 นิ้ว (iPad Air 3 มีขนาด 10.5 นิ้ว) ได้รับชิปประมวลผล A14 (รุ่นเดียวกับ iPhone 12 Series) และคาดว่าจะมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ 128GB, 256GB และ 512GB
iPad Air 4 จะไม่มีปุ่มโฮมใต้หน้าจออีกต่อไป แต่ก็ไม่ได้รับ Face ID แบบ iPad Pro เพราะจะย้าย Touch ID ไปรวมไว้กับปุ่มเพาเวอร์ และยังถูกอ้างว่า จะเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C แทนที่ Lightning เพื่อรองรับ Magic Keyboard
AirTags
AirTags ยังไม่มีภาพหลุดรั่วไหลออกมา แต่จากรูปภาพที่ค้นพบใน iOS พอจะบอกได้ว่า AirTags มีดีไซน์เป็นวงกลม ใช้แบตเตอรี่แบบถ่านกระดุม CR2032 ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ หรือ ใช้แบตเตอรี่ในตัวที่สามารถชาร์จได้แบบ Apple Watch รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และ Ultra-wideband (UWB) เพื่อให้แอพ Find My สามารถค้นหาและติดตามตำแหน่งของ AirTags
iPhone ที่มีชิป U1 ซึ่งเป็นชิป UWB อย่าง iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max จะสามารถติดตาม AirTags ได้แม่นยำมากกว่าการใช้ Bluetooth เพียงอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น ค้นหากุญแจที่ทำหล่นและถูกซุกไว้ในเบาะของโซฟา แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า AirTags จะติดกับกุญแจ หรือ สิ่งของอื่นๆ ได้อย่างไร เพราะยังไม่เห็นการออกแบบที่ชัดเจน
AirTags จะทำงานร่วมกับแอพ Find My ใน iPhone, iPad, Mac เพื่อใช้ค้นหาสิ่งของที่ติดกับ AirTags และเมื่อเข้าใกล้ตำแหน่ง ก็จะแสดงแผนที่แบบ AR เพื่อให้ไปถึงตำแหน่งได้แม่นยำขึ้น รวมถึงสามารถสั่งให้ AirTags ส่งสัญญาญเสียงได้ เมื่อเข้าไปใกล้ ช่วยให้ผู้ใช้งานมองหาสิ่งของที่ทำหายได้ง่ายขึ้น
iPhone 12
iPhone 12 Series ถูกลือว่าจะมีด้วยกัน 4 รุ่น ได้แก่ iPhone 12 (ขนาดหน้าจอ 5.4 นิ้ว), iPhone 12 Max (ขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว), iPhone 12 Pro (ขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว) และ iPhone 12 Pro Max (ขนาดหน้าจอ 6.7 นิ้ว) ทั้ง 4 รุ่น จะได้รับจอแสดงผล OLED
iPhone 12 และ iPhone 12 Max ถูกอ้างว่าจะได้รับกล้องคู่หลัง ส่วน iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max จะมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว และยังมี LiDAR Scanner เพิ่มเข้ามาด้วย Apple เคยนำ LiDAR Scanner มาใช้งานแล้วบน iPad Pro 2020 แต่ดูเหมือน LiDAR Scanner บน iPhone จะมีขนาดเซ็นเซอร์เล็กกว่า
iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น ถูกลือว่าจะใช้ชิป A14 รองรับ 5G โดย iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max อาจมาพร้อมบอดี้สีน้ำเงินเข้ม Dark Blue แทนทีสีเขียว Midnight Green ของ iPhone 11 Pro
iPhone 12 Series ยังถูกเปิดเผยความจุแบตเตอรี่ออกมาแล้ว
- iPhone 12 (5.4″) แบตเตอรี่ A2471 ความจุ 2227 mAh
- iPhone 12 Max (6.1″) แบตเตอรี่ A2431 ความจุ 2775 mAh
- iPhone 12 Pro (6.1″) แบตเตอรี่ A2479 ความจุ 2815 mAh
- iPhone 12 Pro Max (6.7″) แบตเตอรี่ A2466 ความจุ 3687 mAh
นอกจากนี้ ยังมีข่าวร้ายตามมาด้วย เนื่องจาก iPhone 12 Series ถูกลืออยู่บ่อยครั้งว่าจะไม่แถมหูฟังและอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่มาให้อีกต่อไปแล้ว และรายงานล่าสุดจาก TrendForce บริษัทวิจัยในไต้หวัน ก็ยังคงตอกย้ำข่าวลือเหล่านั้นว่าเป็นความจริง ซึ่งนั่นหมายถึง iPhone 12 Series จะแถมสายเคเบิล Lightning to USB-C มาให้เพียงชิ้นเดียว
TrendForce ชี้ว่า iPhone 12 Series มีต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น เนื่องจากการสนับสนุน 5G จึงจำเป็นต้องถอดหูฟังและอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ออกจากกล่อง เพื่อลดต้นทุน ถึงอย่างไรก็ตาม บริษัทวิจัยยังเชื่อว่าราคาขายปลีกของ iPhone 12 Series จะสูงขึ้น 50 – 100 ดอลล่าร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับราคาเปิดตัว iPhone 11 Series