มาแล้วรีวิวของสมาร์ทโฟนแฟลกชิปรุ่นใฟม่ล่าสุดประจำปี 2020 จากทาง Vivo ที่เชื่อว่ามีแฟนคนไทยรอคอยอยู่ไม่น้อยกับ Vivo X50 Pro 5G ที่มาพร้อมกับนวตกรรมใหม่มากมายอัดแน่นอยู่ในสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ซึ่งไฮไลท์ก็คือระบบกล้องกันสั่นแบบ Gimbal รุ่นแรกในโลกนั่นเอง
ซึ่งทาง Vivo คิดค้นระบบกล้องกันสั่นแบบ Gimbal เพื่อนำมาติดตั้งไว้ในสมาร์ทโฟน โดยเริ่มทดลองใช้กับคอนเซ็ปต์โฟน Vivo APEX 2020 ที่เปิดตัวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก่อนจะนำมาใช้งานจริงกับสมาร์ทโฟน Vivo X50 Pro 5G เป็นรุ่นแรก ซึ่งตอนนี้ได้เดินทางมาอยู่ในมือของทีมงาน @flashfly เป็นที่เรียบร้อยแล้วตามมาดูกันได้เลยว่าจะมีอะไรที่สุดยอดรวมไว้อยู่บ้าง
แกะกล่อง Vivo X50 Pro 5G
Vivo X50 Pro 5G ถูกเก็บไว้ในกล่องสีน้ำเงินเข้ม ที่มี Texture ทำให้พื้นผิวกล่องสะท้อนเอฟเฟกต์แสงเป็นรูปตัว X บนฝากล่องมีการพิมพ์ชื่อรุ่น X50 Pro ขนาดใหญ่ไว้ตรงกลาง และระบุ 5G ไว้ส่วนล่าง
เมื่อยกฝากล่องออกไป จะพบกับสมาร์ทโฟน Vivo X50 Pro 5G นอนอยู่บนถาดที่มีการพิมพ์ชื่อรุ่น X50 Pro และสโลแกน Photography. redefined.
สมาร์ทโฟน Vivo X50 Pro 5G มีแผ่นพลาสติกห่อหุ้มไว้อย่างดี พร้อมคำเตือนที่ส่วนบน ซึ่งเป็นตำแหน่งของเซ็นเซอร์ Proximity และ Ambient Light ซึ่งไม่ควรมีอะไรมาปิดกั้น
ตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ มีคำเคือนว่า ฟิล์มป้องกันรอยหน้าจอจากร้านค้าอื่น ที่ไม่ได้มาจาก Vivo อาจส่งผลต่อการทำงานของเซ็นเซอร์ โดย Vivo X50 Pro 5G ได้รับการติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมาให้แล้วจากโรงงาน
หลังจากยกถาดรองสมาร์ทโฟนออกไป จะพบกับถาดวางอุปกรณ์เสริมต่างๆดังนี้
เคสใสคุณภาพดี
เข็มจิ้มช่องใส่ซิมการ์ด
คู่มือ Quick Start Guide ข้อมูลสำคัญและบัตรรับประกัน
สายเคเบิล USB-C
หูฟังรุ่น XE710 เป็นหูฟังแบบอินเอียร์ ที่ใช้แจ็ค 3.5 มิลลิเมตร แต่ในกล่องแถมตัวแปลง USB-C ให้ด้วย
อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ Vivo FlashCharge 2.0 (33W)
สเปกที่สำคัญ
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 10.5 บนพื้นฐาน Android 10
- จอแสดงผล Full HD+ ขนาด 6.56 นิ้ว
- กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 48 + 13 + 8 + 8 ล้านพิกเซล
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G
- ความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 256GB
- ชิปเสียง Hi-Fi (AK4377A)
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 2.4GHz/5GHz, Bluetooth 5.1, OTG, USB Type-C
- ระบบค้นหาตำแหน่ง GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo
- เซ็นเซอร์ In-Display Fingerprint Sensor, Accelerometer, Ambient Light Sensor, Proximity Sensor, E-compass, Gyroscope, Color Temperature Sensor
- แบตเตอรี่ 4315mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0
- ชนาดบอดี้ 158.46 x 72.80 x 8.04 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 181.5 กรัม
การออกแบบ X-Class Design
Vivo X50 Pro 5G ถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน ด้วยการรวมกันของศิลปะกับเทคโนโลยี ทำให้ดีไซน์ในทุกแง่มุมมีความสวยงาม ตั้งแต่การจัดวางโมดูลกล้องไปจนถึงองค์ประกอบทั้งหมด รวมไปถึงสีสันที่รู้สึกได้ถึงความพรีเมี่ยม
Vivo X50 Pro 5G โดดเด่นด้วยจอแสดงผลแบบ Ultra O Screen ที่มีการเจาะหลุมขนาดเล็กเพียง 3.96 มิลลิเมตร เพื่อติดตั้งกล้องเซลฟี่ 32 ล้านพิกเซล โดยมีขอบจอโค้ง 3D ทำให้จอแสดงผลมีมุมมองกว้างแบบสุดขอบ
ใต้จอแสดงผล ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (In-Display Fingerprint Sensor) สามารถปลดล็อคหน้าจอได้อย่างรวดเร็ว
ด้านหลังมีการไล่ระดับสีแบบทูโทน โดยใช้สีเทา Alpha Grey ที่มองดูแล้วให้ความรู้สึกนุ่มนวลและลึกลับในเวลาเดียวกัน และยังสะดุดตากับโมดูลกล้องหลัง Gimbal Camera System ที่จัดวางองค์ประกอบได้อย่างลงตัว
ขอบด้านข้างมีความบางราว 8 มิลลิเมตร มองเห็นความโค้งมนของขอบจอแสดงผลอย่างชัดเจน
อีกข้าง วางปุ่มปรับระดับเสียงไว้เหนือปุ่มเพาเวอร์
ด้านบนติดตั้งไมโครโฟนตัวที่ 2 ช่วยกรองเสียงรบกวนรอบข้าง และมีสัญลักษณ์ 5G พร้อมข้อความ Professional Photography เพื่อบ่งบอกว่า Vivo X50 Pro 5G ถูกสร้างมาเพื่อการถ่ายภาพระดับมืออาชีพ
ด้านล่างมีช่องใส่ซิมการ์ด ไมโครโฟน พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C และ ลำโพง
กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล
Vivo X50 Pro 5G วางกล้องหน้าไว้ในหลุมบนหน้าจอ ที่มีขนาดเล็กเพียง 3.96 มิลลิเมตร โดยใช้กล้อง 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45
โหมดถ่ายภาพ Portrait กล่องหน้ามีลูกเล่นเพิ่มความสนุกในการถ่ายภาพเพิ่มขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น Style ในการเปลี่ยนโทนสีของภาพได้ถึง 6 แบบเลือกได้ตามใจไม่ว่าจะเป็นสไตล์เกาหลี หรือญี่ปุ่น
นอกจากนี้ในโหมด Portrait ยังสามารถเลือกปรับความเบลอของฉากหลังได้ตามใจตั้งแต่รูรับแสง f16 ไปจนถึง f1.0 เลยทีเดียว ส่วนการปรับความสวยงามของใบหน้าและ Posture ตัวอย่างโพสท่าในการถ่ายเซลฟี่แบบมืออาชีพยังคงมีมาให้พร้อม
กล้องหลังกันสั่นแบบ Gimbal รุ่นแรกในโลก
ไฮไลท์ของ Vivo X50 Pro 5G อยู่ที่ระบบกล้องหลัง 4 ตัว เรียกว่า Gimbal Camera System ด้วยกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล ที่มีเลนส์ขนาดใหญ่ ติดตั้งบนระบบ Gimbal ช่วยป้องกันการสั่นสะเทือนในทิศทางที่เอียงไปด้านหน้า-ด้านหลัง และด้านซ้าย-ด้านขวา จึงสามารถป้องกันภาพสั่นไหวได้มากถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี OIS แบบเดิม
ระบบกล้องหลัง 4 ตัว ของ Vivo X50 Pro 5G ประกอบด้วย
- กล้องหลัก Gimbal ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX598 ที่ได้รับการปรับแต่งมาโดยเฉพาะ
- กล้อง Portrait ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.46
- กล้อง Super Wide-Angle & Macro ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ช่วยเก็บภาพในมุมมองกว้าง 120 องศา และถ่ายภาพในระยะใกล้สุด 2.5 เซนติเมตร
- กล้อง Telephoto แบบ Periscope ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/3.4
Portrait Mode
กล้องอีกตัวในระบบ Gimbal Camera System ที่มีความน่าสนใจเช่นเดียวกัน คือกล้อง Portrait ระดับมืออาชีพ ด้วยเลนส์ 50 มม. ซึ่งมีมุมมองใกล้เคียงกับดวงตาของมนุษย์มากที่สุด ทำงานร่วมกับอัลกอริธึมขั้นสูงของ Vivo สามารถแยกพื้นหลังออกจากบุคคลได้อย่างแม่นยำ ทำให้ได้ภาพถ่าย Portrait ที่เป็นธรรมชาติเสมือนมองด้วยตาเปล่า
สำหรับในโหมด Portrait ของกล้องหลังนั้นก็มีโทนสีให้เลือกเพิ่มขึ้นมาจากรุ่นก่อนเป็น 9 โทนสีตั้งแต่สไตล์แฟชั่นไปจนถึงโทนขาวดำ ทำให้ได้โทนสีสวยๆทันทีที่ถ่ายภาพ
นอกจกานี้ยังสามารถเลือกปรับความเบลอของฉากหลังได้ตามใจตั้งแต่ f16 ไปจนถึง f0.95 เลยทีเดียว และยังเปลี่ยนรูปโบเก้ของฉากหลังได้อีก 5 แบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปหัวใจ หรือรูปดาว ก็ทำได้เลย
Hyper Zoom 60 เท่า
ระบบกล้อง Gimbal Camera System มาพร้อมกล้อง Telephoto แบบ Periscope ที่รองรับดิจิตอลซูมสูงสุด 60 เท่า และออปติคอลซูมสูงสุด 5 เท่า ทำงานร่วมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหว และอัลกอริทึม Video SR จึงสามารถเก็บภาพจากระยะไกลได้อย่างชัดเจน รวมถึงยังสามารถถ่ายภาพดวงจันทร์ได้อย่างสวยงามมากอีกด้วย
Super Night Mode
ด้วยขนาดรูรับแสง f/1.6 ของกล้อง Gimbal ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวประสิทธิภาพสูง ผสานกับอัลกอริทึม AI Noise Cancellation จึงช่วยให้ Vivo X50 Pro 5G ถ่ายภาพในเวลากลางคืนได้อย่างสวยงามและสว่าง แม้จะถ่ายในบริเวณที่มีความมืดจนยากที่จะมองเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้ด้วยตาเปล่า
แถมยังมีโทนสีของโหมดถ่ายภาพกลางคืนให้เลือกใช้งานถึง 4 แบบ ทำให้ได้ภาพถ่ายที่สวยแปลกตาโดยไม่ต้องเสียเวลาไปแต่งภาพในแอพอื่นๆให้เสียเวลาอีกต่อไป
กล้องวิดีโอกันสั่นแบบ Gimbal พร้อม Motion AF Tracking
ระบบกล้อง Gimbal Camera System ยังเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่เป็น Vlogger หรือผู้สร้างคอนเท้นต์วิดีโอ ซึ่งปกติจะใช้กล้องโปร หรือ ใช้ Gimbal เป็นอุปกรณ์เสริมช่วยจับสมาร์ทโฟน เพื่อให้ถ่ายวิดีโอออกมาราบรื่น แต่สำหรับ Vivo X50 Pro 5G ได้รวม Gimbal ไว้ในกล้องหลักอยู่แล้ว จึงสามารถถ่ายวิดีโอได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมแต่อย่างใด
โหมดกล้องของ Vivo X50 Pro 5G ยังมีฟีเจอร์ Motion AF Tracking สามารถติดตามการเคลื่อนไหวแบบต่อเนื่องได้อย่างแม่นยำ ด้วยอัลกอริทึมอัจฉริยะในระดับแถวหน้าของอุตสาหกรรม นอกจากจะติดตามดวงตาและใบหน้า ยังสามารถติดตามร่างกายได้อีกด้วย ทำให้บุคคลที่กำลังถูกจับภาพไม่หลุดโฟกัส
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
จอแสดงผล AMOLED รีเฟซเรท 90Hz
Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ความละเอียด 2376 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.56 นิ้ว รองรับ HDR10+ สว่างสุดถึง 1300nit ให้อัตราการรีเฟรช 90Hz ที่สูงกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปให้อัตราการรีเฟรช 60Hz มีอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส 180Hz ช่วยให้การแสดงผลราบรื่น และตอบสนองการควบคุมเกมได้อย่างรวดเร็วทันใจ มั่นใจไม่พลาดทุกการสัมผัสอย่างแน่นอน
Vivo X50 Pro 5G มีฟีเจอร์ Smart switch ในการสลับอัตรารีเฟซเรทหน้าจอตามลักษณะการใช้งานเพื่อประหยัดพลังงานตัวเครื่อง หรือถ้าใครอยากใช้งานลื่นไหลตลอดเวลาก็ให้เลือกที่ 90Hz ได้เองอีกด้วย
ประสิทธิภาพชิป Snapdragon 765G ความจุ 256GB
Vivo X50 Pro 5G ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G ผลิตด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร บนสถาปัตยกรรม 64-bit ประกอบด้วยซีพียู Kryo 475 และจีพียู Adreno 620 พร้อมด้วย Artificial Intelligence Engine รุ่นที่ 5 โดยได้รับการปรับปรุงซีพียูให้เร็วขึ้น 10% ปรับปรุงจีพียูให้เร็วขึ้น 40% ลดการใช้พลังงานลง 35% และมีประสิทธิภาพด้าน AI เพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบกับชิป Snapdragon 730
ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Snapdragon Elite Gaming และด้วยความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 256GB ทำให้ Vivo X50 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่สามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล และมีพื้นที่มากพอสำหรับติดตั้งเกมขนาดใหญ่ได้หลายเกม และไม่ต้องกังวัลเรื่องการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอแล้วกังวลมาเมมจะเต็ม
ใช้งาน 5G ตั้งแต่แกะกล่อง
ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G มาพร้อมชิปโมเด็ม Snapdragon X52 ทำให้ Vivo X50 Pro รองรับเครือข่าย 5G ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายมาตรฐานใหม่ล่าสุด มีความเร็วในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตสูงกว่า 4G ในปัจจุบันมากกว่า 20 เท่า มีอัตราการตอบสนองที่รวดเร็วขึ้นหลายเท่า
เนื่องจาก 5G มีค่า Latency ไม่ถึง 1 มิลลิวินาที แต่ 4G มีค่า Latency 40 มิลลิวินาที โดยค่า Latency ยิ่งน้อย ยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับการสั่งการไร้สายจากระยะไกล อย่างเช่น การเล่นเกมออนไลน์
และการเล่นเกมผ่านระบบ Cloud ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ เทคโนโลยี 5G ยังรองรับจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อในพื้นที่เดียวกันได้มากกว่า 4G ถึง 10 เท่า โดย Vivo X50 Pro มีเสาสัญญาณ 5G อยู่รอบตัวเครื่องทำให้รับสัญญาณได้ทุกทิศทาง
Funtouch OS 10.5
Vivo X50 Pro 5G ทำงานบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Funtouch OS 10.5 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
- Dynamic Effects ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ ปลดล็อคหน้าจอ เอฟเฟกต์จดจำใบหน้า และการแสดงผลอื่นๆ ได้อีกมากมาย
- EasyShare ช่วยให้เจ้าของ Vivo X50 Pro 5G สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำได้อย่างง่ายดาย
- iManager เป็นผู้ช่วยที่คอยดูแลระบบต่างๆ เช่น ทำความสะอาดไฟล์ขยะในสมาร์ทโฟน หรือสแกนหาปัญหาในเวลากลางคืน ทำให้ Vivo X50 Pro 5G ดูเหมือนเครื่องใหม่อยู่ตลอดเวลา
Multi-Turbo 3.0
นอกจากชิปประมวลผลรุ่นใหม่ Vivo X50 Pro 5G ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Multi-Turbo 3.0 ซึ่งประกอบด้วย Center Turbo ช่วยให้การเปิดแอพพลิเคชั่นทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และ AI Turbo ช่วยวิเคราะห์ปัญหาของระบบที่อาจเกิดขึ้นกับแอพพลิเคชั่นหรือเกมที่ผู้ใช้งานติดตามเพิ่มเติม รวมไปถึงช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของเครือข่ายให้ดีขึ้น ระบายความร้อนได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การเล่นเกมและใช้งานทั่วไปราบรื่นยิ่งขึ้น
Ultra Game Mode
Vivo X50 Pro 5G สนับสนุน Ultra Game Mode เวอร์ชั่นใหม่ ที่มาพร้อม Esports Mode ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพให้เหมาะสำหรับการเล่นเกมอย่างจริงจัง และยังเพิ่มความสมจริงด้วยระบบตอบสนองแบบ 4D Game Vibration 2.0
ไม่ต้องเสียเวลารอเข้าเกม ด้วยฟีเจอร์ Game Countdown แสดงเวลานับถอยหลังก่อนเริ่มเกมบนหน้าต่างขนาดย่อ ทำให้เจ้าของสมาร์ทโฟน Vivo X50 Pro 5G ใช้เวลาระหว่างรอเข้าเกมใช้งานฟีเจอร์อื่นได้ และเมื่อเกมพร้อมเล่น ก็สามารถสลับกลับมาในเกมได้ทันที
Ultra Game Mode ยังมีโหมดห้ามรบกวน ช่วยปฏิเสธสายเรียกเข้า และการแจ้งเตือนอื่นๆ เพื่อไม่ให้รบกวนในระหว่างเล่นเกม นอกจากนี้ ยังสามารถจับภาพหน้าจอได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียวบนแถบเลื่อนด้านข้าง โดยจะถูกบันทึกไว้ในอัลบั้มเกมโดยอัตโนมัติ
ระบบเสียง Hi-Res Audio
Vivo X50 Pro 5G ตอบสนองความบันเทิงได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งภาพและเสียง นอกจากจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว ที่ให้อัตราการรีเฟรช 90Hz ยังติดตั้งชิปเสียงคุณภาพสูง AK4377A ให้เสียงระดับ Hi-Res Audio สร้างรายละเอียดเสียงได้อย่างชัดเจนในทุกมิติ ถูกใจคอเกมและคนชอบดูหนังฟังเพลงอย่างแน่นอน
Vivo Energy Guardian (VEG)
Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมเทคโนโลยี Vivo Energy Guardian หรือเรียกสั้นๆ ว่า VEG มีหน้าที่จัดการ ปรับปรุง และควบคุมการใช้พลังงานของระบบทั้งหมด เพื่อให้เกิดความสมดุลและมีประสิทธิภาพ ทำให้สมาร์ทโฟนเปิดแอพพลิเคชั่นหรือเกมขนาดใหญ่ได้อย่างราบรื่น และลดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
แบตเตอรี่ 4315mAh ชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0
Vivo X50 Pro 5G ได้รับแบตเตอรี่ความจุ 4315mAh ที่ให้อายุการใช้งานยาวนานตลอดทั้งวัน บนดีไซน์บางเพียง 8 มิลลิเมตร น้ำหนักเบา 180 กรัม และยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 0 – 50% ภายในระยะเวลาเพียง 30 นาที
สรุป
Vivo X50 Pro 5G ถือเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของ Vivo จึงได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงาม งานประกอบพรีเมี่ยม และมาพร้อมชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง ถึงแม้จะไม่ใช่ชิปที่ดีที่สุดของ Qualcomm แต่ก็ใช้ชิประดับกลางที่ตอบสนองการทำงานได้อย่างลื่นไหล โดยใช้จอแสดงผล 90Hz AMOLED ให้สีสันคมชัด ตอบสนองการสัมผัสได้อย่างราบรื่น พร้อมด้วยชิปเสียงระดับ Hi-Fi และรองรับชาร์จเร็ว 33W
นอกจากนี้ Vivo X50 Pro 5G ยังมีจุดเด่นที่ระบบกล้อง Gimbal Camera System ป้องกันภาพสั่นไหวได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพนิ่งหรือถ่ายวิดีโอ อีกทั้งยังรองรับการถ่ายภาพได้ทุกสถานการณ์ ทั้งภาพถ่ายในเวลากลางคืน การถ่ายภาพจากระยะไกลซูมได้สูงสุด 60 เท่า ภาพถ่ายระยะใกล้สุด 2.5 เซนติเมตร มีโหมดถ่ายภาพ Portrait ที่ช่วยให้ตัวบุคคลโดดเด่นจากฉากหลังที่ถูกเบลออย่างธรรมชาติ และมี Motion AF Tracking ช่วยถ่ายภาพเคลื่อนไหว โดยจับโฟกัสที่ตัวบุคคลได้ทั้งดวงตา ใบหน้า และร่างกาย เพื่อไม่ให้หลุดโฟกัสได้ง่ายๆ
Vivo X50 Pro 5G จะวางจำหน่ายวันที่ 8 กันยายน 2563 ในสีอัลฟาเกรย์ (Alpha Gray) ราคา 24,999 บาท พิเศษ!! เมื่อสั่งซื้อผ่านผู้ให้บริการ AIS และ TrueMove H มีสิทธิ์เป็นเจ้าของได้ง่ายๆ ในราคาเริ่มต้นเพียง 13,989 บาท (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้ให้บริการฯ แต่ละราย)
รับฟรีเครื่องดูดฝุ่น มูลค่า 1,999 บาท Gift Voucher สำหรับหูฟัง TWS Neo และ VIP Card ประกันหน้าจอแตก และขยายประกันเครื่องเพิ่ม 1 ปี