Galaxy Buds Live หูฟังไร้สายแบบ True Wireless รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Samsung ที่ได้รับการเปิดตัวพร้อมกับสมาร์ทโฟนเรือธง Galaxy Note 20 Series จึงมาในเฉดสีที่เข้ากัน แต่ไม่ได้จำกัดการใช้งานเฉพาะสมาร์ทโฟน Galaxy ของ Samsung เพราะสามารถทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนเกือบทุกรุ่นทุกแบรนด์ในตลาด ที่ใช้ระบบปฎิบัติการ Android รวมถึง iPhone
แกะกล่อง
Samsung Galaxy Buds Live มาในกล่องสีขาว หน้ากล่องพิมพ์รูปภาพของหูฟังทั้ง 2 ข้าง ตามสีสันของหูฟังที่อยู่ภายในกล่อง และพิมพ์ชื่อ Buds Live ไว้ใต้รูปภาพ
Samsung Galaxy Buds Live มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Mystic Bronze, Mystic Black และ Mystic White ต้องการซื้อสีอะไร สามารถดูได้ง่ายๆ จากรูปภาพหูฟังที่พิมพ์อยู่บนหน้ากล่อง
พลิกมาดูที่หลังกล่อง มีการระบุจุดเด่นของ Samsung Galaxy Buds Live ไว้ 4 อย่าง ได้แก่ การออกแบบตามหลักการยศาสตร์ พอดีกับใบหู, อายุการใช้งานในการเล่นเสียง 6 – 21 ชั่วโมง, ติดตั้งไมโครโฟน 3 ตัว ให้คุณภาพเสียงสนทนาขัดเจน และ มีระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ หรือ Active Noise Cancellation (ANC)
หลังกล่องยังระบุว่า Samsung Galaxy Buds Live รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และได้รับการปรับแต่งเสียงโดย AKG
เมื่อเปิดกล่องออกมา จะพบกับซองเอกสารสีขาวที่ใส่คู่มือ Quick Start Guide แนะนำการใช้งานเบื้องต้น
ชั้นถัดมาจะเจอถาดหลุมที่มีเคสชาร์จ Galaxy Buds Live วางอยู่ โดยมีแผ่นพลาสติกพันไว้เพื่อป้องกันริ้วรอยระหว่างขนส่ง ส่วนตัวหูฟังนั้นถูกเก็บไว้ในเคสชาร์จ
นอกจากนี้ยังมีกล่องเล็กๆ ที่เก็บสายชาร์จแบตเตอรี่มาให้ เป็นสาย USB-C และยังมี Wingtip แถมมาให้อีก 1 คู่
Wingtip มีลักษณะเป็นห่วงยาง แถมมาให้ 2 คู่ แต่อีกคู่นั้นติดตั้งมาให้กับหูฟังเรียบร้อยแล้ว สำหรับใครที่ใบหูใหญ่รู้สึกว่าใส่หูฟังเข้าไปแล้วไม่พอดี รู้สึกหลวม สามารถเปลี่ยน Wingtip ที่แถมมาให้ ซึ่งจะมีขนาดใหญ่กว่าที่ Wingtip ที่ติดมาให้จากโรงงาน
การออกแบบ
ก่อนที่ Galaxy Buds Live จะได้รับการเปิดตัวทางการ มีข่าวว่า Samsung กำลังพัฒนาภายใต้ชื่อ Galaxy Buds Bean ด้วยดีไซน์ที่ดูคล้ายถั่ว ซึ่งอาจจะดูแปลกตาเมื่อเทียบกับหูฟังแบบ True Wireless ที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบัน
ภายใต้การออกแบบที่แปลกตานั้น ทีมออกแบบของ Samsung ได้คิดและวิจัยมาเป็นอย่างดีแล้วว่าเป็นรูปทรงที่เข้ากับใบหูของมนุษย์มากที่สุด และเมื่อลองใส่ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ด้วยรูปทรงถั่วของ Galaxy Buds Live ทำให้สามารถสวมใส่เข้าไปในใบหูได้อย่างพอดี มีความรู้สึกแน่นและมั่นคงกว่าที่คาดไว้
หูฟัง Galaxy Buds Live ทั้ง 2 ข้าง ได้รับการออกแบบตามหลักการยศาสตร์ พอดีกับใบหู ไม่มีก้านหรือส่วนเกินยื่นออกมา ถือได้ว่าเป็นดีไซน์ที่เข้ากับใบหูอย่างลงตัว
Samsung Galaxy Buds Live มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Mystic Bronze, Mystic Black และ Mystic White โดยตัวหูฟังและเคสชาร์จจะใช้สีเดียวกัน ขณะที่ตัวหูฟัง จะมีพื้นผิวที่มันเงาเฉพาะด้านนอก ส่วนพื้นผิวด้านในมีลักษณะเป็นผิวด้าน เมื่อสวมใส่แล้วมีความกระชับไม่หลุดลื่นง่าย
หูฟังแต่ละข้าง ได้รับการติดตั้งไมโครโฟนมาให้ 3 ตัว ด้านนอกที่เป็นพื้นผิวสะท้อนเงา มีไมโครโฟน 2 ตัว
ไมโครโฟนอีกตัวอยู่ด้านใน วางคู่กับ Voice Pickup Unit หรือ หน่วยตรวจจับเสียงพูด ซึ่งจะคอยตรวจจับเสียงพูดตามการขยับของขากรรไกรปาก จึงสามารถแยกเสียงพูดของผู้ใช้งาน กับเสียงพูดจากภายนอกได้อย่างแม่นยำ
ภายในหูฟัง มาพร้อมลำโพงขนาด 12 มิลลิเมตร จาก AKG วางใกล้กับช่องเสียงเบส ที่อาศัยการไหลของอากาศช่วยให้เสียงเบสนุ่มลึก หูฟังทั้ง 2 ข้าง สามารถต้านทานน้ำได้ในระดับ IPX2 ซึ่งเพียงพอสำหรับป้องกันละอองน้ำฝนและเหงื่อ
สำหรับเคสชาร์จ มีขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก มีลักษณะเป็นกล่องทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีขอบมุมโค้งมน ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากกล่องเครื่องประดับ
ด้านหลังเคสชาร์จมีพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และรองรับการชาร์จไร้สาย สามารถนำเคสชาร์จไปวางบนอุปกรณ์ชาร์จไร้สาย หรือ วางไว้บนหลังสมาร์ทโฟนที่รองรับฟีเจอร์ Wireless PowerShare ก็สามารถชาร์จไร้สายได้เช่นกัน
เมื่อเปิดฝาเคสชาร์จขึ้น จะพบกับหลุมที่รูปทรงถั่ว สำหรับวางหูฟังทั้ง 2 ข้าง มีตัวอักษร L และ R กำกับไว้ และตรงกลางติดหลอดไฟ LED มาให้ 1 จุด สำหรับแสดงสถานะของแบตเตอรี่
การเชื่อมต่อ
Samsung Galaxy Buds Live มาพร้อมเทคโนโลยี Bluetooth 5.0 สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ทั้ง Android (Android 5.0 ขึ้นไป) และ iOS (iOS 10 ขึ้นไป) โดยอุปกรณ์ Android จำเป็นต้องติดตั้งแอพพลิเคชั่น Galaxy Wearable (ดาวน์โหลดได้จาก Play Store) ส่วนอุปกรณ์ iOS ต้องใช้แอพพลิเคชั่น Samsung Galaxy Buds (ดาวน์โหลดได้จาก App Store)
สำหรับการเชื่อมต่อ Galaxy Buds Live กับสมาร์ทโฟน Galaxy ของ Samsung โดยเฉพาะรุ่นใหม่ๆ อย่าง Galaxy Note 20 ทำได้อย่างง่ายดาย เพียงนำหูฟังและสมาร์ทโฟนมาอยู่ใกล้กัน จากนั้นเปิดฝาเคสชาร์จ สมาร์ทโฟนก็จะขึ้นหน้าต่างแสดงการเชื่อมต่อ Galaxy Buds Live ขึ้นมาให้เชื่อมต่อได้ทันที
เมื่อเชื่อมต่อ Galaxy Buds Live กับสมาร์ทโฟนเสร็จเรียบร้อย ก็จะเข้าสู่แอพ Galaxy Wearable ซึ่งจะแสดงระดับแบตเตอรี่ของหูฟัง และ เคสชาร์จ รวมถึงฟังก์ชั่นต่างๆ สำหรับการควบคุมหูฟังไร้สาย
Active Noise Cancellation
ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ Active Noise Cancellation ถูกสร้างมาสำหรับการใช้งานหูฟังนอกสถานที่หรือภายนอกอาคาร ที่มีเสียงรบกวนในย่านความถี่ต่ำ โดยเฉพาะเสียงของเครื่องยนต์จากยานพาหนะต่างๆ เพื่อให้ผู้สวมใส่ Galaxy Buds Live ได้ยินเสียงเพลง หรือ ใช้สนทนาทางโทรศัพท์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟของ Galaxy Buds Live สามารถตัดเสียงรบกวนได้มากถึง 97% ในช่วงคลื่นความถี่ต่ำ โดยที่ยังคงได้ยินเสียงที่สำคัญจากรอบข้างได้ เช่น เสียงประกาศตามสถานีรถไฟ หรือ ในสนามบิน เป็นต้น
Galaxy Buds Live สามารถเปิดหรือปิดการทำงานของระบบ Active Noise Cancellation ได้จากแอพ Galaxy Wearable ซึ่งจะมีปุ่มสวิทช์ให้แตะเปิดหรือปิดได้ตามต้องการ ภายในแอพ Galaxy Wearable ยังมี Equaliser ให้ปรับเสียงได้ 6 โหมด ได้แก่ Normal, Bass boost, Soft, Dynamic, Clear และ Treble boost
การควบคุม
หูฟัง Samsung Galaxy Buds Live ทั้ง 2 ข้าง รองรับการควบคุมด้วยระบบสัมผัส ด้วยการแตะที่ตัวหูฟัง ตามคำสั่งที่ต้องการ และสามารถกำหนดคำสั่งในการแตะได้จากแอพ Galaxy Wearable
ภายในแอพ Galaxy Wearable สามารถตั้งค่าคำสั่งในการสัมผัสของหูฟังด้านซ้ายและขวาให้ทำงานแตกต่างกันได้ โดยค่าเริ่มต้น เมื่อมีการแตะครั้งเดียวจะเป็นการใช้คำสั่งเล่นหรือหยุดเล่นเสียงชั่วคราว
สำหรับการแตะหูฟังค้างไว้ สามารถเข้าไปตั้งค่าคำสั่งได้จากตัวเลือกต่อไปนี้
- Active Noise Cancellation เปิดหรือปิดระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (สำหรับหูฟังข้างซ้ายและขวา)
- Bixby เรียกผู้ช่วยดิจิตอล (สำหรับหูฟังข้างซ้ายและขวา)
- Volume down หรือ ลดระดับเสียง (สำหรับหูฟังข้างซ้าย)
- Volume up หรือ เพิ่มระดับเสียง (สำหรับหูฟังข้างขวา)
กรณีที่ผู้ใช้งานต้องการปิดฟีเจอร์การควบคุมด้วยการแตะหูฟัง แล้วเปลี่ยนไปใช้การควบคุมทั้งหมดจากสมาร์ทโฟน สามารถเปิดฟีเจอร์ Block touches ก็จะช่วยป้องกันการสัมผัสหูฟังโดยไม่ได้ตั้งใจ
แบตเตอรี่
หูฟัง Galaxy Buds Live แต่ละข้าง มาพร้อมแบตเตอรี่ 60mAh ให้อายุการใช้งานยาวนาน 8 ชั่วโมง เมื่อปิดโหมด ANC และ Bixby สำหรับการฟังเสียง และถ้านับรวมกับการชาร์จผ่านเคส จะสามารถเล่นเสียงได้นานถึง 29 ชั่วโมง
สำหรับการสนทนา จะให้อายุการใช้งานยาวนาน 5.5 ชั่วโมง เมื่อปิดโหมด ANC และถ้านับรวมกับการชาร์จผ่านเคส จะสามารถสนทนาได้นาน 19 ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่า ถ้ามีการเปิดโหมดตัดเสียงรบกวน และเปิดใช้ผู้ช่วย Bixby บ่อยครั้ง แบตเตอรี่ก็จะให้อายุการใช้งานน้อยลงไปจากนี้
เคสชาร์จของ Galaxy Buds Live มาพร้อมแบตเตอรี่ 472mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ใช้เวลาชาร์จหูฟังเพียง 5 นาที สามารถใช้ฟังเพลงนาน 1 ชั่วโมง และตัวเคสยังสนับสนุนการชาร์จแบบไร้สาย สามารถวางบนอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายของ Qi-certified หรือวางบนด้านหลังของสมาร์ทโฟนที่รองรับฟีเจอร์ Wireless PowerShare ก็ได้เช่นกัน
สรุป
Samsung Galaxy Buds Live เป็นหูฟังไร้สายแบบ True Wireless ที่ดีที่สุดของ Samsung มีความสามารถเหนือกว่า Galaxy Buds ทุกรุ่นก่อนหน้านี้ และยังมีดีไซน์ที่แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด แต่ภายใต้ดีไซน์ที่แปลกตานั้น Galaxy Buds Live กลับสวมใส่ได้อย่างกระชับและมั่นคง ไม่หลุดหล่นง่ายอย่างที่คิด
Samsung Galaxy Buds Live ยังมีจุดเด่นที่ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (Active Noise Cancellation) แต่ไม่สามารถปิดกั้นเสียงได้ 100% เนื่องจากไม่ได้ใช้ดีไซน์แบบสอดเข้าไปในหู อย่างไรก็ตาม Galaxy Buds Live สามารถปิดกั้นเสียงในความถี่ต่ำได้เป็นอย่างดี โดยที่ยังได้ยินเสียงประกาศจากรอบข้าง ซึ่งช่วยให้ผู้สวมใส่ไม่พลาดการเดินทางที่กำลังรอคอย
นอกจากนี้ Samsung Galaxy Buds Live ยังให้คุณภาพเสียงที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเสียงสนทนาหรือฟังเพลง และมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง อีกทั้งยังรองรับการชาร์จไร้สายที่ช่วยเพิ่มความสะดวกได้เป็นอย่างดี แถมยังสามารถใช้แทนไมค์ไร้สายในการถ่ายวิดีโอได้อีกด้วย
Samsung Galaxy Buds Live พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 6,990 บาท มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Mystic Bronze, Mystic Black และ Mystic White