หลังจากทีมงาน @flashfly เคยนำเสนอแกะกล่องพร้อมพรีวิวสมาร์ทโฟน OPPO Reno4 เผยให้เห็นดีไซน์รอบตัวเครื่องกันไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะพาไปทำความรู้จักกับ Reno4 กันให้มากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ามีจุดเด่นที่ระบบกล้องตามสโลแกน “Clearly the best you ถ่ายรูปสวยชัดในสไตล์ที่เป็นคุณ”
สเปกหลักของ OPPO Reno4
- จอแสดงผล AMOLED Full HD+ ขนาด 6.4 นิ้ว
- กล้องคู่เซลฟี่ 32MP + AI-enhanced Smart Sensor
- กล้องหลัง 4 ตัว 48MP
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 สวมทับด้วย ColorOS 7.2
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 720G
- ความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 128GB
- รองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 256GB
- แบตเตอรี่ 4015mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W VOOC 4.0
- ขนาดบอดี้ 160.3 x 73.9 x 7.7 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 165 กรัม
ดีไซน์บางเบา โดดเด่น
ดีไซน์ด้านหลังของ OPPO Reno4 มาในบอดี้สีน้ำเงิน Galactic Blue ซึ่งถูกผลิตขึ้นด้วยเทคนิคพิเศษ เรียกว่า “Reno Glow” และนำมาใช้กับ OPPO Reno4 เป็นรุ่นแรก โดยมีการเคลือบสีแบบด้าน พร้อมประกายบนฝาหลัง เพื่อให้สีสันที่สดใส และมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
OPPO Reno4 ยังมีสีดำให้เลือกด้วย เรียกว่าสี Space Black แสดงถึงความลึกลับมืดมิดในอวกาศด้วยสีดำเข้ม แต่เมื่อมีแสงมาตกกระทบบนพื้นผิวจะทำให้ดูโปร่งแสง และส่วนล่างยังมีลวดลายกราฟิก OPPO Monogram ที่เกิดจากการนำตัวอักษร O และ P (ชื่อแบรนด์ OPPO) มาทับซ้อนให้เกิดเป็นลวดลายที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์
นอกจากนี้ OPPO Reno4 ได้รับการออกแบบมาให้มีความบางเพียง 7.7 มิลลิเมตร น้ำหนักเบา 165 กรัม ช่วยให้จับถือได้ง่ายถนัดมือ
ติดตั้งปุ่มเพาเวอร์ไว้ทางซ้ายของจอแสดงผล
อีกด้านมีถาดใส่ซิมการ์ด ปุ่มเพิ่มเสียง และปุ่มลดเสียง
ด้านล่างประกอบไปด้วยช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟน, พอร์ต USB-C และ ลำโพง
ด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่ 2 ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง เพิ่มคุณภาพให้กับการบันทึกเสียงในวิดีโอ รวมถึงการสนทนาก็ชัดเจนขึ้น
หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว
OPPO Reno4 มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.4 นิ้ว ให้อัตราส่วนภาพ 20:9 อัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้ 90.7%
OPPO Reno4 ใช้จอแสดงผลแบบ Dual Punch-hole Display ซึ่งถูกเจาะหลุมเป็นรูปทรงแคปซูล สำหรับวางกล้องหน้า 32MP และเซ็นเซอร์ AI-enhanced Smart Sensor
และยังติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล
และยังสามารถปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้าได้อีกด้วย
กล้องหน้าถ่ายเซลฟี่ได้อย่างโดดเด่น
OPPO Reno4 ซ่อนกล้องเซลฟี่ไว้ใต้จอแสดงผลแบบ Dual Punch-hole Display โดยกล้องหลักมีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX616 ขนาด 1/2.74 นิ้ว รูรับแสง F2.4 ให้มุมมองกว้างกว้างกล้องหน้าทั่วไป จึงทำให้กล้องคู่หน้าของ OPPO Reno4 ถ่ายภาพในโหมดบุคคลได้อย่างโดดเด่น ละลายฉากหลังได้อย่างแนบเนียนยิ่งขึ้น
กล้องหน้าของ OPPO Reno4 มีจุดเด่นที่ฟิลเตอร์ AI Color Portrait ช่วยถ่ายภาพบุคคลให้มีสีสัน แต่ฉากหลังจะกลายเป็นสีขาว-ดำ ทำให้ตัวบุคคลโดดเด่นยิ่งขึ้น
โหมดถ่ายภาพจากกล้องหน้ายังมี โหมดถ่ายภาพในเวลากลางคืน Ultra Night Selfie, HDR, พาโนราม่า และแทรกสติ๊กเกอร์ AR เพิ่มความสนุกให้กับภาพถ่าย
สำหรับการถ่ายวิดีโอจากกล้องหน้า ยังสามารถเปิดระบบกันสั่น Front Steady Video ได้อีกด้วย รองรับความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที และมีโหมด AI Beauty, Slow Motion 240 เฟรมต่อวินาที และใช้เอฟเฟกต์ Bokeh กับการถ่ายวิดีโอได้ ที่สำคัญก็คือ สามารถเปิดโหมดถ่ายภาพได้หลายฟีเจอร์พร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบกันสั่น, AI Beauty, ฟิลเตอร์ และ เอฟเฟกต์ Bokeh
กล้องหลังคุณภาพสูง 4 ตัว
ระบบกล้องหลังถือเป็นไฮไลท์ของ OPPO Reno4 ซึ่งมาพร้อมโหมดการถ่ายภาพใหม่ๆ ที่ OPPO นำมาใช้กับสมาร์ทโฟน OPPO Reno4 เป็นรุ่นแรก อย่าง AI Color Portrait ,Night Flare Portrait ,Monochrome Video และ 960fps AI Slow-motion โดยกล้องหลังทั้ง 4 ตัว ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (Sony IMX586) ขนาด 1/2 นิ้ว รูรับแสง F1.7
- กล้อง Ultra Wide-angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- กล้อง Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
AI Color Portrait
กล้องหลังของ OPPO Reno4 มีจุดเด่นที่โหมดถ่ายภาพ AI Color Portrait ซึ่งเป็นฟิลเตอร์ในโหมดถ่ายภาพบุคคล นอกจากจะช่วยเบลอฉากหลังแล้ว ยังทำให้ฉากหลักเป็นสีขาว-ดำ แต่ยังคงสีสันไว้ที่ตัวบุคคล ทำให้ได้ภาพถ่าย Portrait ที่โดดเด่น สามารถใช้ได้ในการถ่ายได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ กล้องหน้าและกล้องหลัง
Night Flare Portrait
โหมดถ่ายภาพ Night Flare Portrait เป็นอีกฟิลเตอร์ที่อยู่ในโหมดถ่ายภาพบุคคล เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลในที่แสงน้อยหรือในเวลากลางคืน
โดยใช้อัลกอริทึมของ Low Light HDR และ Bokeh มาช่วยปรับพื้นหลังให้โปร่งแสง พร้อมละลายจุดแสง และเพิ่มความสว่างรวมถึงสีสัน เพื่อทำให้ตัวบุคคลออกมาโดดเด่นและคมชัด บนพื้นหลังที่ถูกเบลออย่างมืออาชีพและสวยงามอย่างมาก
กล้อง 48MP ถ่ายได้สูงสุด 108MP
OPPO Reno4 มาพร้อมกล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ขนาด 1/2 นิ้ว รูรับแสง F1.7 สามารถซูมได้ Ultra-Wide ,1x ,2x,5x และสูงสุด 10x ที่มีคุณภาพสูงทีเดียว
นอกจากนี้ OPPO Reno4 ยังสามารถถ่ายภาพในความละเอียดสูงถึง 108 ล้านพิกเซลได้อีกด้วย ช่วยเก็บรายละเอียดของพื้นผิวบนภาพถ่ายได้อย่างคมชัดในระดับ Retina
เพียงเข้าไปที่โหมด Pro หรือผู้เชี่ยวชาญ แล้วแตะที่ฟีเจอร์ XHD ซึ่งในโหมดโปร ยังสามารถตั้งค่าความไวแสง, ความเร็วชัดเตอร์, สมดุลสีขาว, ออโต้โฟกัส และค่าชดเชยแสง ได้อีกด้วย
Ultra Dark Mode
สำหรับการถ่ายภาพในที่มืดสนิท หรือในบริเวณที่มีแสงสว่างน้อยกว่า 1 ลักซ์ Ultra Dark Mode จะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ OPPO Reno4 สามารถถ่ายภาพในที่มืดออกมาสว่าง เห็นรายละเอียดที่ชัดเจนอย่างไม่น่าเชื่อ
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
AI Color Portrait Video
เช่นเดียวกับการถ่ายภาพนิ่ง AI Color Portrait Video เป็นฟิลเตอร์ที่ช่วยแยกบุคคลออกจากพื้นหลัง เพื่อเบลอฉากหลังพร้อมปรับโทนสีให้เป็นสีขาว-ดำ ทำให้ตัวบุคคลโดดเด่นมากกว่าโหมด Portrait ทั่วไป และสามารถใช้ได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า
Monochrome Video
Monochrome Video เป็นอีกฟิลเตอร์ที่ช่วยให้การถ่ายวิดีโอของ OPPO Reno4 มีความน่าสนใจ โดยวิดีโอจะถูกย้อมเป็นสีขาวดำ ยกเว้นวัตถุที่เป็นสีเดียวกับฟิลเตอร์ที่เลือก ซึ่งมีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ Crimson, Forest Green และ Sky Blue
ตัวอย่างเช่น เมื่อเลือกฟิลเตอร์ Crimson สีสันของวิดีโอจะเป็นขาวดำ ยังเว้นวัตถุที่เป็นสีแดงเวลาถ่ายคนก็จะยังเห็นผิวของคนอยู่, ฟิลเตอร์ Forest Green สีสันของวิดีโอจะเป็นขาวดำ ยังเว้นวัตถุที่เป็นสีเขียว และ Sky Blue สีสันของวิดีโอจะเป็นขาวดำ ยังเว้นวัตถุที่เป็นสีฟ้า
ถ่ายสโลวโมชั่นได้ถึง 960fps หาไม่ได้ในราคานี้
OPPO Reno4 สามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที หรือ Full HD 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที แต่ที่น่าสนใจคือโหมดถ่ายวิดีโอแบบ 960fps AI Slow-motion ที่ความละเอียดสูงสุด 960 เฟรมต่อวินาที พร้อมด้วยอัลกอริทึมตรวจหาการเคลื่อนไหวอัจฉริยะ ช่วยจับวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวและบันทึกภาพให้อัตโนมัติ ผู้ใช้งานจึงไม่พลาดจังหวะสำคัญที่ต้องการบันทึกเก็บไว้
โหมด Slow Motion สามารถเข้าใช้ได้ได้จากแอพกล้อง และเลื่อนไปที่หน้าจอ More หรือเพิ่มเติม โดยสามารถตั้งค่าความละเอียดการถ่ายวิดีโอ Slow Motion ได้อีก 3 รูปแบบ คือ Full HD 1080p ที่ 480 เฟรมต่อวินาที, HD 720p ที่ 240 เฟรมต่อวินาที และ Full HD 1080p ที่ 120 เฟรมต่อวินาที
ถ่ายวิดีโอกันสั่นขั้นเทพด้วย Ultra Steady Video 3.0
การถ่ายวิดีโอถือเป็นอีกจุดเด่นของ OPPO Reno4 เพราะได้รับการพัฒนาความสามารถและคุณภาพของกล้องวิดีโอ จนสามารถใช้บันทึกเพื่อสร้างคอนเท้นต์สำหรับ Vlog แทนกล้องโปรได้ ซึ่งเบื้องหลังที่ทำให้ Reno4 ถ่ายวิดีโอได้อย่างราบรื่นและนุ่มนวลขึ้น มาจากเทคโนโลยีลดภาพสั่นไหว Ultra Steady Video 3.0
ระบบกันสั่น Ultra Steady Video ช่วยให้ OPPO Reno4 ถ่ายวิดีโอได้อย่างราบรื่น และมีความเสถียรโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องมาช่วยจับสมาร์ทโฟน และยังใช้ระบบกันสั่น Ultra Steady Video ได้ทั้งกล้องหลัก และ Ultra Steady Video Pro จะให้ภาพในมุมมองที่กว้างขึ้น รวมไปถึงกล้องหน้า ก็มีระบบกันสั่น Ultra Steady Video ด้วยเช่นกัน
สำหรับกล้องหน้า ก็สามารถถ่ายวิดีโอ Slow Motion ได้เช่นกัน ที่ความละเอียด HD 720p ด้วยอัตรา 240 เฟรมต่อวินาที และ Full HD 1080p ที่ 120 เฟรมต่อวินาที
SoLoop
หลังจากถ่ายวิดีโอออกมาแล้ว สิ่งหนึ่งที่ Vlog ขาดไม่ได้ก็คือ เครื่องมือสำหรับการตัดต่อวิดีโอ ซึ่ง OPPO Reno4 ก็มาพร้อมแอพพลิเคชั่น SoLoop รองรับการตัดต่อวิดีโออย่างง่าย เรียกได้ว่า สามารถทำคอนเท้นต์วิดีโอได้จบด้วยสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว ไม่ต้องพกพาแล็ปท็อปออกไปนอกสถานที่ให้เป็นภาระอีกต่อไป
ความจริงแอพพลิเคชั่น SoLoop อยู่คู่กับสมาร์ทโฟน OPPO มาสักพักใหญ่แล้ว แต่สำหรับ Reno4 ซึ่งมาพร้อมระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ ColorOS 7.2 ก็ทำให้ SoLoop ได้รับการปรับปรุงด้วยเช่นกัน โดยนำ AI มาช่วยสร้างไฮไลท์ให้กับวิดีโอ พร้อมแทรกเพลงประกอบให้วิดีโอน่าสนใจโดยไม่ต้องตัดต่อด้วยตัวเอง
SoLoop ยังมีธีม เทมเพลต ฟิลเตอร์ ให้เลือกมากมาย พร้อมเครื่องมือช่วยปรับแต่งวิดีโอให้เข้ากับเพลงประกอบ เพื่อให้ผู้ใช้งานติดต่อวิดีโอได้ง่ายขึ้น และสามารถแชร์ลง YouTube, TikTok และแพลตฟอร์มโซเชี่ยลอื่นๆ ได้ทันที
ฟีเจอร์สุดล้ำ AI-enhanced Smart Sensor
กล้องหน้า มาพร้อมเทคโนโลยี AI-enhanced Smart Sensor โดยอาศัยอัลกอริทึมจดจำใบหน้ามาช่วยตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็นการปกป้องความเป็นส่วนตัว ช่วยปรับการแสดงผลให้อัตโนมัติ รวมไปถึงการควบคุมแบบไร้สัมผัส โดยมี 4 ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ได้แก่ Smart Spying Prevention, Smart AirControl, Smart Rotation และ Smart Always on Display
Smart Spying Prevention กันคนอื่นแอบมองหน้าจอ
Smart Spying Prevention ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ OPPO Reno4 โดยจะซ่อนการแจ้งเตือนที่ได้รับ ถ้าหาก AI-enhanced Smart Sensor ตรวจพบว่ามีคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของสมาร์ทโฟน กำลังจ้องมองมาที่หน้าจอของผู้ใช้งาน หรือ ป้องกันคนอื่นแอบสอดแนม
ผู้ใช้ OPPO Reno4 สามารถเข้าไปตั้งค่า Smart Spying Prevention ได้ที่ Settings > Notifications & status bar > Manage notifications > Anti peeping
Smart AirControl ใช้งานได้โดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ
เทคโนโลยี AI-enhanced Smart Sensor ไม่เพียงแต่ตรวจจับใบหน้าของผู้ใช้งาน แต่ยังตรวจจับการเคลื่อนไหวของมือที่โบกไปมาอยู่บนกล้องคู่หน้า ทำให้ OPPO Reno4 รองรับการควบคุมฟีเจอร์บางอย่าง โดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ อย่างเช่นการโบกมือเพื่อเลื่อนหน้าจอบนแอพพลิเคชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Facebook, Instagram และ TikTok รวมถึงโบกมือเพื่อรับสาย โดยไม่ต้องแตะหน้าจอ เหมาะสำหรับการใช้งานในขณะที่นิ้วมือกำลังเปื้อนหรือเปียก
เมื่อเข้าไปที่ฟีเจอร์ Smart AirControl จะมีบทเรียนหรือคำแนะนำให้ทดลองใช้งาน ซึ่งต้องโบกมือให้อยู่ห่างจากจอแสดงผล 20 – 40 เซนติเมตร
ผู้ใช้ OPPO Reno4 สามารถเข้าไปตั้งค่า Smart AirControl ได้ที่ Settings > Convenient Tools > Gestures & Motions > Air Gestures
Smart Rotation
โดยปกติแล้ว สมาร์ทโฟนทั่วไปจะมีฟีเจอร์ Rotation ที่ช่วยปรับการแสดงผลเป็นแนวนอนกับแนวตั้งให้อัตโนมัติตามการหมุนตัวเครื่อง แต่ Smart Rotation ที่อยู่ใน OPPO Reno4 มีความฉลาดยิ่งขึ้น โดยอาศัย AI-enhanced Smart Sensor ช่วยระบุตำแหน่งใบหน้าของผู้ใช้งาน เพื่อปรับมุมมองการแสดงผลให้เหมาะสม
ผู้ใช้ OPPO Reno4 สามารถเข้าไปตั้งค่า Smart Rotation ได้ที่ Settings > Display & brightness > Auto Rotate > Smart Rotation
Smart Always on Display
Smart Always on Display ช่วยป้องกันหน้าจอดับหรือเข้าสู่โหมดสลีป ในระหว่างที่ผู้ใช้งานกำลังอ่านข่าวหรือบทความยาวๆ บนเว็บไซต์ต่างๆ รวมไปถึงกำลังจ้องหน้าจอเพื่อดูภาพถ่าย เมื่อเปิดใช้งาน Smart Always on Display หน้าจอของ OPPO Reno4 จะยังคงสว่าง ตราบใดที่ AI-enhanced Smart Sensor ยังมองเห็นว่าผู้ใช้งานยังคงจ้องหน้าจออยู่
ผู้ใช้ OPPO Reno4 สามารถเข้าไปตั้งค่า Smart Always on Display ได้ที่ Settings > Display & brightness > Eye comfort > Always on
สเปกแรงกว่าเดิมด้วย Snapdragon 720G
OPPO Reno4 ได้รับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 720G ผลิตด้วยเทคโนโลยี 8 นาโนเมตร บนสถาปัตยกรรม 64-bit ประกอบด้วยซีพียู Qualcomm Kryo 465 แบบ Octa Core ความเร็วสูงสุด 2.3GHz และมาพร้อมจีพียู Adreno 618
เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนอย่าง OPPO Reno3 Pro ซึ่งใช้ชิปประมวลผล MediaTek Helio P95 จะพบว่า Reno4 มีประสิทธิภาพเพิ่มดีขึ้น 46% สำหรับ Single-Core และเพิ่มขึ้น 26% สำหรับ Multi-Core อ้างอิงจากผลทดสอบของแอพพลิเคชั่น Geekbench ในด้านกราฟิกให้ประสิทธิภาพของจีพียูเพิ่มขึ้น 40% อ้างอิงจากผลทดสอบของ Manhattan
OPPO Reno4 ยังมาพร้อมความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 128GB และสามารถจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ลงในการ์ด MicroSD สูงสุด 256GB
ชาร์จเร็ว และยังประหยัดพลังงาน
OPPO Reno4 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4015mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30W VOOC 4.0 สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ภายในเวลา 57 นาที หรือ ชาร์จถึง 50% ในเวลาเพียง 20 นาที
OPPO Reno4 ยังมีโหมดประหยัดพลังงาน Super Power Saving ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้นในช่วงที่ไม่ได้ใช้งาน อย่างเช่นโหมด Super Nighttime Standby ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ในระหว่างที่สมาร์ทโฟนไม่ได้ถูกใช้งาน ซึ่งเป็นช่วงเวลากลางคืนที่เจ้าของสมาร์ทโฟนกำลังนอนหลับพักผ่อน Reno4 ก็ได้พักผ่อนด้วยเช่นกัน ทำให้ระดับพลังงานของแบตเตอรี่ลดลงเพียง 2% ในช่วงเวลาประมาณ 8 ชั่วโมง
ColorOS 7.2 เวอร์ชั่นล่าสุดบนพื้นฐาน Android 10
OPPO Reno4 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ ColorOS 7.2 บนพื้นฐาน Android 10 โดยยังรักษาดีไซน์ของ UI ที่สวยงามจากเวอร์ชั่นก่อน เริ่มจาก Gravity Wallpaper รูปภาพพื้นหลังที่สามารถหมุนตามทิศทางของแรงโน้มถ่วงของสมาร์ทโฟน และยังมี Artist Wallpaper Project คลังรูปภาพวอลล์เปเปอร์จากศิลปินมากฝีมือทั่วโลก นำเสนอวอลล์เปเปอร์ด้านศิลปะที่สวยงามกว่า 30 แบบ
นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจอาทิ OPPO Share การแชร์ไฟล์โดยใช้เทคโนโลยี Wi-Fi P2P (Peer to Peer) ซึ่งมีความเร็วกว่า Bluetooth ไม่เพียงแต่แชร์ไฟล์ระหว่างสมาร์ทโฟนของ OPPO แต่สามารถแชร์กับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นได้อีกด้วย ที่รองรับเทคโนโลยีเดียวกัน
AI APP Preloading เทคโนโลยี AI เรียนรู้พฤติกรรมการใช้งาน จนสามารถคาดเดาได้ว่าผู้ใช้งานจะเปิดแอพอะไร เพื่อทำการโหลดให้ล่วงหน้า ส่งผลให้การใช้งานโดยรวมรวดเร็วขึ้น
Icon Pull down Gesture ย่อไอคอนแอพให้เล็กลง แล้วรวมไว้ที่มุมล่างของหน้าจอ เพื่อให้ผู้ใช้งานแตะไอคอนได้สะดวก แม้ถือด้วยมือเพียงข้างเดียว และ Anti – Fragmentation Engine ที่ทำงานได้อย่างลื่นไหล แม้ใช้งานเป็นเวลานาน ก็ยังให้ประสิทธิภาพเหมือนซื้อมาใช้ได้ไม่นาน
สรุป
OPPO Reno4 ได้รับการพัฒนาขึ้นมาภายใต้สโลแกน “Clearly the best you ถ่ายรูปสวยชัดในสไตล์ที่เป็นคุณ” นั่นทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ มีจุดเด่นที่การถ่ายภาพเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพียงแค่ภาพนิ่ง แต่การถ่ายวิดีโอก็ได้รับการปรับปรุงขึ้นอย่างมาก ทั้งฟิลเตอร์ที่ทำให้บุคคลโดดเด่น และโหมดถ่ายภาพ Slow Motion ที่ 960fps ที่หาได้ยากในสมาร์ทโฟนที่มีราคาใกล้เคียงกัน
OPPO Reno4 ยังตอบสนองการใช้งานด้านความบันเทิง ด้วยจอแสดงผล AMOLED Full HD+ ขนาด 6.4 นิ้ว ที่ให้ภาพสวยงามคมชัด อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยี OPPO Screen Image Engine (OSIE) Ultra Clear Visual Effect ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลภาพด้วยซอฟต์แวร์สำหรับการเล่นวิดีโอสั้นจากแพลตฟอร์มโซเชี่ยลต่างๆ ให้คมชัดมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแอพ Instagram, TikTok, Vmate, Vig, Likee หรือจะดูวิดีโอสตตรีมมิ่งจากแอพ Netflix ก็ให้ความคมชัดในระดับ HD 1080P และยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos เรียกได้ว่าให้ประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมทั้งภาพและเสียง
ด้านประสิทธิภาพฮาร์ดแวร์ OPPO Reno4 ก็เลือกใช้ชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูงจาก Qualcomm พร้อมด้วยความจำขนาดใหญ่ RAM 8GB + ROM 128GB เพียงพอต่อการเล่นเกมยอดนิยมในปัจจุบัน ดังนั้นจึงสามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างลื่นไหล
OPPO Reno4 เปิดรับจองแล้วตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2563 ในราคา 11,990 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่สีฟ้า Galactic Blue และสีดำ Space Black สำหรับผู้ที่สั่งจองในช่วงเวลาดังกล่าว จะได้รับของสมนาคุณมูลค่ากว่า 7,490 บาท
พิเศษ!! สำหรับผู้ที่จับจอง OPPO Reno4 ผ่านผู้ให้บริการฯ AIS, Dtac, TrueMove H สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้น 4,990 บาท เมื่อซื้อพร้อมสมัครแพ็กเกจรายเดือนตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด พร้อมรับสิทธิ์ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน กับธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ