นอกจากคุณสมบัติใหม่แล้ว macOS Big Sur ยังได้รับการออกแบบ User Interface ใหม่ ซึ่งมีบางคนวิจารณ์ว่า Apple กำลังอยู่ในวังวนเดิม จากดีไซน์แบบ 3D ไปสู่ดีไซน์ 2D และตอนนี้กลับมาใช้ 3D อีกครั้ง แต่สำหรับ Jack Koloskus หัวหน้าทีมออกแบบของ Input และ The Outline มองว่า Apple กำลังเดินไปข้างหน้า ไม่ใช่ถอยหลัง
Jack Koloskus กล่าวว่า macOS Big Sur เปลี่ยนมาใช้ดีไซน์ Neumorphism ไม่ใช่ Skeuomorphism
สำหรับใครที่ไม่คุ้นเคยกับ 2 คำนี้ Skeuomorphism หมายถึงดีไซน์ที่ยังคงรักษาองค์ประกอบจากต้นแบบหรือวัตถุในโลกจริงไว้อย่างชัดเจน อย่างเช่น แอพข่าว ที่ออกแบบไอคอนมาเป็นรูปหนังสือพิมพ์ หรือแอพเครื่องคิดเลข ที่ดูเหมือนเครื่องคิดเลขจริงๆ เป็นต้น ขณะที่ Neumorphism จะเน้นการออกแบบที่ทันสมัยและเรียบง่ายขึ้น ด้วยการลดรายละเอียดที่ซับซ้อนออกไป
Jack Koloskus กล่าวว่า ถึงแม้ macOS Big Sur จะมีคุณสมบัติใหม่มากมายที่ทำให้ใกล้ชิดกับ iPhone และ iPad มากยิ่งขึ้น แต่การออกแบบไอคอน และส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ (User Interface) แตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม macOS เวอร์ชั่นใหม่ ได้เปลี่ยนมาใช้ดีไซน์ Neumorphism
ดีไซน์ Neumorphism มุ่งเน้นไปที่การเคลื่อนที่ของแสงภายในพื้นที่ 3 มิติ โดยมีดีไซน์ Skeuomorphism เป็นต้นแบบ แต่สิ่งที่ทำให้ Neumorphism แตกต่างจาก Skeuomorphism คือการมุ่งเน้นไปที่แสง และวิธีการที่มันโต้ตอบกับวัตถุต่างๆ ในพื้นที่ดิจิตอล การจำลองแสงใน Neumorphism ยังมีความซับซ้อนมากขึ้น และมุ่งเน้นไปที่ทิศทางของแสงจากวัตถุหนึ่ง อาจส่งผลกระทบกับวัตถุอื่นด้วย
ดีไซน์เนอร์ยังชี้ว่า องค์ประกอบของ Neumorphism ไม่จำเป็นต้องแสดงให้เห็นถึงวัตถุในโลกจริง ส่วนไอคอนทั้งหมดของ Neumorphism ต้องมีรูปแบบแสงที่สอดคล้องกันทั่วทั้งหน้าจอ หากแสงมาจากด้านซ้ายของไอคอนหนึ่ง ไอคอนอื่นๆ ก็ควรมีแสงมาจากทิศทางเดียวกัน
Jack Koloskus ยังเชื่อว่า Apple พยายามทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับการออกแบบโดยรวม เพื่อให้สอดคล้องกับ การเปลี่ยนแปลงหมายเลขเวอร์ชั่นในรอบ 19 ปี จาก macOS 10 มาเป็น macOS 11
สำหรับดีไซน์เนอร์บางคนที่ไม่ชอบการออกแบบใหม่ Jack Koloskus มองว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง จนกว่าจะมีโอกาสทำความคุ้นเคยกับมัน
ที่มา – 9to5Mac
https://www.flashfly.net/wp/305604