งานประชุมสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ WWDC หรือ Worldwide Developers Conference ของ Apple ในปีนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 31 แล้ว และจะไม่เหมือนทุกครั้งเหมือนที่เคยจัดมา เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้งาน WWDC ในปีนี้ ต้องจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ ส่วนจะมีอะไรเกิดขึ้นในงานบ้าง? เลื่อนลงมาอ่านกันได้เลย
iMac ได้รับการออกแบบใหม่
Apple ถูกอ้างว่าจะเปิดตัว iMac รุ่นใหม่ที่งาน WWDC 2020 และจะเป็น iMac ที่ได้รับการออกแบบใหม่นับตั้งแต่ปี 2012 โดยมีข่าวลือว่าจะใช้ภาษาการออกแบบของ iPad Pro ขอบจอบางเหมือนที่พบในจอภาพ Pro Display XDR มาพร้อมชิป T2 ที่ออกแบบเอง ใช้จีพียู AMD Navi และจะยกเลิกระบบหน่วยความจำแบบ Fusion Drive ที่เป็นการจับคู่ SSD กับ HDD ซึ่งหมายถึงจะใช้ความจำแฟลชทั้งหมด
iMac รุ่นถัดไป คาดว่าจะมีขนาดจอแสดงผล 23 นิ้ว ตามรายงานของ China Times โดยจะรักษาขนาดบอดี้ให้ใกล้เคียงหรือเท่ากับรุ่น 21.5 นิ้ว ในปัจจุบัน แต่มีขอบจอบางลงทำให้หน้าจอใหญ่ขึ้นเป็น 23 นิ้ว
ชิปใหม่ของ Apple บนพื้นฐาน ARM
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์จาก TF International Securities และสำนักข่าว Bloomberg ต่างก็รายงานว่า Apple กำลังพัฒนาชิปรุ่นใหม่สำหรับ Mac บนพื้นฐาน ARM และถ้าเป็นเรื่องจริง Apple อาจจะเปิดเผยรายละเอียดให้นักพัฒนาได้ทราบที่งาน WWDC 2020 เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนวางจำหน่าย Mac รุ่นแรกที่ใช้ชิปบนพื้นฐาน ARM ในปี 2021
รายงานก่อนหน้านี้ จาก Bloomberg อ้างว่า Apple กำลังพัฒนาชิปบนพื้นฐาน ARM หลายรุ่นสำหรับ Mac ในนาคต โดยชิปรุ่นแรกที่ออกแบบโดย Apple จะผลิตด้วยเทคโนโลยี 5 นาโนเมตร แบบ 12-core ประกอบด้วบ 8-core ประสิทธิภาพสูง และ 4-core ประหยัดพลังงาน
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์จาก TF International Securities เชื่อว่า โปรเซสเซอร์บนพื้นฐาน ARM จะทำให้คอมพิวเตอร์ของ Apple ได้เปรียบในการแข่งขัน และไม่ต้องรีเฟรชผลิตภัณฑ์ Mac ตามแผนงานการผลิตโปรเซสเซอร์ของ Intel และสามารถลดค่าใช้จ่ายของโปรเซสเซอร์ลง 40 – 60 เปอร์เซ็นต์
Ming-Chi Kuo คาดว่า Mac รุ่นแรกที่มาพร้อมโปรเซสเซอร์บนพื้นฐาน ARM จะเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทแล็ปท็อปหรือโน้ตบุ๊ก และจะสามารถเปิดตัวได้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2020 หรือ ไตรมาสแรกปี 2021
Mac รุ่นแรกที่ใช้ชิป ARM อาจจะเริ่มต้นที่ MacBook ขนาด 12 นิ้ว ที่เคยยกเลิกการทำตลาดไปแล้ว รวมถึงแผงคีย์บอร์ดที่ใช้กลไกปุ่มกดแบบปีกผีเสื้อที่เหมือน Apple จะพับเก็บไปแล้ว ก็อาจถูกนำมาใช้อีกครั้ง
iOS และ iPadOS 14
ถึงแม้ iOS และ iPadOS เวอร์ชั่นถัดไปมีข่าวว่าจะมุ่งเน้นไปที่ความเสถียรเพื่อให้เกิด Bug หรือข้อผิดพลาดน้อยที่สุด แต่ก็มีรายงานเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ๆ ดังต่อไปนี้…
เปลี่ยนแอพที่ใช้เป็นค่าเริ่มต้นได้
iOS 14 ถูกลือว่าจะอนุญาตให้เจ้าของอุปกรณ์กำหนดแอพพลิเคชั่นจากนักพัฒนาเป็นแอพเริ่มต้นได้ แทนแอพพื้นที่ของ Apple ที่มากับ iOS ไม่ว่าจะเป็นแอพอีเมล แอพเบราว์เซอร์ แอพเล่นเพลง และแอพอื่นๆ ตัวอย่างเช่น สามารถใช้แอพ Google Chrome และ Gmail เป็นแอพเริ่มต้นสำหรับการท่องเว็บไซต์และอีเมลได้
หน้าจอโฮมได้รับการออกแบบใหม่
ตั้งแต่ iOS เวอร์ชั่นแรก ไอคอนแอพถูกจัดวางในรูปแบบตาราง แต่ใน iOS 14 ถูกลือว่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนมุมมองเป็นแบบรายการได้ และจะมีตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับการเรียงลำดับแอพ และมีความเป็นไปได้ที่หน้าจอโฮมของ iOS 14 จะรองรับวิดเจ็ต สามารถวางวิดเจ็ตควบคู่กับไอคอนแอพ และย้ายตำแหน่งวิดเจ็ตได้อิสระบนหน้าจอโฮม
นอกจากนี้ iOS 14 จะปรับปรุงหมวดหมู่ของรูปภาพวอลล์เปเปอร์ และสนับสนุนวอลล์เปเปอร์จากบุคคลที่สาม ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงวอลล์เปเปอร์ที่หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Collections ให้ผู้ใช้งานรวบรวมและจัดการวอลล์เปเปอร์ที่ชื่นชอบ
แอพ Fitness
แหล่งข่าวรายงานว่า iPhone และ Apple Watch จะได้รับแอพ Fitness ซึ่งจะเน้นไปที่การให้คำแนะนำสำหรับการออกกำลังกาย หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การวิ่งในร่ม, ขี่จักรยาน, การยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ, การเดินกลางแจ้ง, โยคะ และการเต้นรำ
ฟีเจอร์ใหม่ในแอพ Messages
แอพ Messages จะได้รับฟีเจอร์ใหม่สำหรับการสนทนาแบบกลุ่ม ด้วยการเพิ่มแท็กรายชื่อเพื่อน เช่น @eric หรือ @dan เพื่อเจาะจงการสนทนากับที่ถูกแท็กชื่อโดยตรง และอาจจะรองรับคำสั่ง /me ที่ปัจจุบันจำกัดเฉพาะใน Mac
แอพ AR
iOS 14 ถูกพบว่าจะได้รับแอพที่เกี่ยวข้องกับ AR (Augmented Reality) โดยใช้กล้องหลังของ iPhone เล็งไปยังผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในร้านค้า เพื่อเรียกดูข้อมูล AR ผ่านหน้าจอ หรือบางทีอาจใช้วิธีการสแกนรหัส QR โดยร้านค้าที่รองรับแอพ AR อย่างแน่นอน ได้แก่ Apple Store และ Starbuck และแน่นอนว่าจะขยายไปยังร้านค้าอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต
iCloud Keychain
iCloud Keychain จะช่วยเตือนผู้ใช้งาน iOS 14 ที่มีการใช้รหัสซ้ำในเว็บไซต์หรือบริการต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานใช้รหัสผ่านที่แตกต่างกัน และอาจเพิ่มวิธีการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย
Clips
ฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานทดลองใช้แอพพลิเคชั่น ก่อนดาวน์โหลดและติดตั้ง โดยชื่อฟีเจอร์ Clips ยังเป็นเพียงโค้ดเนมเท่านั้น สำหรับวิธีการใช้งาน Apple อาจให้เจ้าของ iPhone สแกนรหัส QR ที่เชื่อมโยงไปยังแอพ และสามารถโต้ตอบหรือทดลองใช้งานได้ทันที
แหล่งข่าวรายงานว่า Apple กำลังทดสอบฟีเจอร์ Clips กับแอพพลิเคชั่น OpenTable, Yelp, DoorDash, YouTube และ PS4 Second Screen ของ Sony
ผู้ใช้งานจะพบรหัส QR ได้ตามร้านอาหาร หรือ โปสเตอร์หนังตามโรงภาพยนตร์
ฟีเจอร์ใหม่ของ HomeKit
HomeKit จะได้รับฟีเจอร์ Night Shift เพื่อควบคุมระบบแสงสว่างภายในบ้าน ช่วยให้ปรับอุณหภูมิสีของไฟให้สอดคล้องกับแสงจากธรรมชาติ ส่วนระบบกล้องวงจรปิดที่เชื่อมโยงกับ HomeKit จะสนับสนุนเทคโนโลยีจดจำใบหน้า เพื่อระบุตัวบุคคลได้
อัพเดท Apple Pencil
iPadOS 14 จะได้รับการปรับปรุงความสามารถให้กับ Apple Pencil ตัวอย่างเช่น รองรับการเขียนด้วยลายมือบนช่องพิมพ์ข้อความ แล้วแปลงเป็นตัวอักษรดิจิตอล รวมถึงรองรับระบบอินพุตในแอพ Safari ช่วยให้ Apple Pencil วาดเขียน ทำเครื่องหมาย หรือ Markup และเลื่อนหน้าจอได้
อัพเดทแอพ Activity
watchOS 7 จะมาพร้อม Kids Mode อนุญาตให้ผู้ปกครองสามารถควบคุม Apple Watch ของเด็กได้ เมื่อเปลี่ยน Apple Watch ให้อยู่ใน Kids Mode วงแหวนกิจกรรม หรือ Activity Rings ก็จะเปลี่ยนไปด้วย เพื่อให้เหมาะสมกับเด็ก
เมื่อเปลี่ยนเป็น Kids Mode วงแหวนสีแดงจะไม่เน้นแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญ แต่จะแสดงเวลาการเคลื่อนไหว ซึ่งอาจมีเป้าหมาย 90 นาที เพื่อให้เด็กได้บรรลุเป้าหมายและมีสุขภาพดี นอกจากนี้ iOS 14 จะอนุญาตให้ผู้ปกครองควบคุม Apple Watch ของเด็ก เพื่อจำกัดการใช้งานในชั่วโมงเรียนได้
แอพ Photos มาพร้อม Shot on iPhone
Shot on iPhone เป็นแคมเปญที่ Apple ใช้โปรโมทภาพถ่ายจาก iPhone โดยมีการนำภาพถ่ายจากผู้ใช้งานที่ผ่านการคัดเลือก ไปทำเป็นป้ายบิลบอร์ดติดตามเมืองสำคัญต่างๆ และใน iOS 14 มีข่าวว่า Apple จะรวม Shot on iPhone ไว้ในแอพ Photos เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถแชร์ภาพถ่ายเพื่อเข้าร่วมแคมเปญรวมถึงดูภาพถ่ายจาก Shot on iPhone ได้จากแอพ Photos โดยตรง
Safari
iOS 14 ถูกอ้างว่าจะมีการเพิ่มเครื่องมือแปลภาษาให้กับแอพพลิเคชั่น Safari ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแปลเว็บไซต์ที่เป็นภาษาต่างชาติได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้แอพหรือบริการของบุคคลที่สาม
ฟีเจอร์แปลภาษาบน Safari อาจจะมีตัวเลือกให้แต่ละเว็บไซต์ เมื่อเปิดเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ภาษาท้องถิ่น และผู้ใช้งานอาจตั้งค่าให้ Safari แปลภาษาโดยอัตโนมัติทันที ที่พบว่าเว็บไซต์เป็นภาษาต่างชาติ นอกจากนี้ อาจสลับภาษาระหว่างภาษาที่ถูกแปลกับต้นฉบับได้โดยไม่ต้องโหลดหน้าเว็บไซต์ใหม่
แหล่งข่าวยังพบว่า Apple มีแผนขยายเครื่องมือแปลภาษาไปทั่วทั้งระบบ โดยเริ่มต้นที่ Safari และมีความเป็นไปได้ที่จะสามารถแปลภาษาได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เพราะการแปลทั้งหมดจะประมวลผลอยู่ภายใน iPhone โดยใช้ Neural Engine
Apple Maps
iOS 14 จะเพิ่มข้อมูลด้านธุรกิจให้กับ Apple Maps เช่น โรงภาพยนตร์ IMAX พร้อมตารางเวลาฉายภาพยนตร์, บริการ Genius Bar ของ Apple Store หรือ สถานที่ที่มีส่วนลดพิเศษสำหรับเด็ก เป็นต้น
Find My
Find My ใน iOS 14 จะได้รับการแจ้งเตือนใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการแชร์ตำแหน่ง เช่น แจ้งเตือนว่ามีบางคนไม่ได้มาถึงสถานที่ตามเวลาที่กำหนดไว้ ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถทราบได้ทันที หากเด็กๆ ไม่ได้มาถึงโรงเรียนตามเวลาปกติ หรือ ใช้ติดตามพนักงานที่ยังมาไม่ถึงที่ทำงานได้
และยังสามารถแจ้งเตือนว่ามีบางคนออกจากสถานที่ก่อนเวลาได้ นั่นหมายความว่า ผู้ปกครองสามารถตรวจสอบเด็กๆ ได้ว่า ออกจากโรงเรียนก่อนเวลาปกติหรือไม่
CarPlay
iOS 14 ถูกอ้างว่าจะให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนรูปภาพวอลล์เปเปอร์ใน CarPlay และยังรองรับวอลล์เปเปอร์แบบไดนามิคสามารถสลับระหว่างโหมด Light และ Dark ตามเวลาจริง
Health
แอพ Health จะได้รับฟีเจอร์ติดตามสุขภาพการนอนหลับ แต่คาดส่าจะถูกเปิดใช้งานเมื่อ Apple Watch Series 6 ได้รับการเปิดตัวทางการ
Xcode
Jon Prosser เจ้าของบัญชี Twitter @jon_prosser และเจ้าของช่อง FRONT PAGE TECH บน YouTube ออกมาทำนายว่า Xcode เวอร์ชั่นเต็มถูกลือว่าจะสามารถทำงานบน iPad Pro เมื่อ Apple ปล่อย iPadOS 14 ออกมา แต่ Mark Gurman จากสำนักข่าว Bloomberg ไม่เชื่อว่า Xcode สำหรับ iPad Pro จะเป็นเรื่องจริง
CarKey
ฟีเจอร์ใหม่ที่จะทำให้ iPhone และ Apple Watch สามารถใช้แทนกุญแจรถยนต์ ไม่ว่าจะล็อคหรือปลดล็อคประตู รวมถึงการสตาร์ทรถ และคาดว่าจะถูกรวมไว้ใน iOS 14 สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CarKey ได้ที่นี่
watchOS 7
ก่อนที่ Apple Watch Series 6 จะได้รับการเปิดตัวทางการ Apple จะเปิดตัวซอฟต์แวร์ใหม่ออกมาก่อน นั่นคือ watchOS 7 ซึ่งพบว่ามาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ หลายอย่าง อาทิ Watch face ใหม่ ที่สามารถแชร์ต่อได้ และสามารถเลือกรูปภาพที่ต้องการจากแอพ Photos ใน iPhone หรือ Apple Watch มาตั้งค่าเป็น Watch face ได้
Watch Face ใหม่ ที่มาพร้อม watchOS 7 ยังรวมถึง International ซึ่งเป็น Watch Face ลายธงชาติจากหลากหลายประเทศ แต่ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการนำมาใช้ อาจจะเปลี่ยนหน้าปัดให้อัตโนมัติเป็นลายธงชาติตามประเทศที่เดินทางไปถึง และยังมี Infograph Pro ที่มาพร้อมโหมด Tachymeter หน่วยวัดความเร็วหรือระยะทางที่พบได้ในนาฬิกาข้อมือแบบอะนาล็อก
watchOS 7 จะมาพร้อม Kids Mode แน่นอนว่าออกแบบมาสำหรับเด็กที่สวม Apple Watch โดยจะเปลี่ยนวงแหวนกิจกรรม หรือ Activity Rings ให้เหมาะสมกับเด็ก อย่างวงแหวนสีแดงจะไม่เน้นแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญ แต่จะแสดงเวลาการเคลื่อนไหว ซึ่งอาจมีเป้าหมาย 90 นาที เพื่อให้เด็กได้บรรลุเป้าหมายและมีสุขภาพดี นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้ผู้ปกครองสามารถควบคุม Apple Watch ของเด็ก เพื่อจำกัดการใช้งานในชั่วโมงเรียนได้ โดยเรียกว่าฟีเจอร์ SchoolTime
คุณสมบัติใหม่ที่สำคัญที่สุดสำหรับ Apple Watch Series 6 คือ รองรับการตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด อ้างอิงจากโค้ดที่พบใน iOS 14 โดยปกติแล้ว ระดับออกซิเจนในเลือดควรจะอยู่ที่ประมาณ 95 – 100% ถ้าหากค่าออกซิเจนในเลือดมีความผันผวนสูง อาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติทางด้านการหายใจระหว่างนอนหลับ และถ้าต่ำกว่า 80% อาจแสดงให้เห็นว่าการทำงานของหัวใจและสมองมีความผิดปกติ
พร้อมกันนี้ Apple ยังมีแผนปรับปรุง ECG เพื่อให้ผลลัพธ์การอ่านคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เมื่ออัตราการเต้นหัวใจถูกวัดได้ในช่วง 100 และ 120 ครั้งต่อนาที
AirTags
Apple ถูกอ้างถึงหลายครั้งว่ากำลังพัฒนา AirTags อุปกรณ์ที่ช่วยติดตามของหาย โดยใช้เทคโนโลยี Ultra Wideband ที่มีความแม่นยำมากกว่า Bluetooth LE และ Wi-Fi ทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น Find My
AirTag จะทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น Find My บน iOS 14 เมื่อพบว่า AirTag อยู่ห่างเกินไป แอพพลิเคชั่นจะมีระบบแจ้งเตือน เพื่อให้เจ้าของอุปกรณ์รู้ตัวก่อน และสามารถกำหนดเขตปลอดภัย เช่น ภายในบ้าน เพื่อไม่ให้ Find My แจ้งเตือนเมื่ออยู่ในบ้าน นอกจากนี้ Find My ยังสามารถใช้ค้นหา AirTag ได้เช่นเดียวกับการค้นหา iPhone หรือ iPad เมื่อทำหายหรือถูกขโมย
นักวิเคราะห์ Ming-Chi Kuo ระบุว่า AirTag จะมาพร้อม Ultra-Wideband Technology ซึ่งเป็นคลื่นวิทยุระยะสั้น และใช้พลังงานต่ำ สามารถระบุตำแหน่งภายในอาคารได้แม่นยำกว่า Bluetooth LE และ Wi-Fi ซึ่งนั่นหมายถึง AirTag จะทำงานได้แม่นยำกว่าอุปกรณ์ติดตามของ Tile ซึ่งใช้ Bluetooth LE
AirPods Studio
AirPods Studio ถูกอ้างว่าเป็นหูฟังไร้สายแบบครอบหูระดับพรีเมี่ยมของ Apple และเริ่มเข้าสู่กระบวนการผลิตแล้วในประเทศเวียดนาม มาพร้อมฟีเจอร์ตรวจจับคอและศีรษะ คล้ายกับฟีเจอร์ตรวจจับหูของ AirPods หรือ AirPods Pro
ฟีเจอร์ตรวจจับหูของ AirPods หรือ AirPods Pro ช่วยให้หูฟังไร้สายของ Apple สามารถหยุดเล่นเสียงเมื่อถอด AirPods ออกจากหู และเล่นต่อเมื่อเสียบกลับเข้าไป และคาดว่า AirPods Studio จะทำหน้าที่คล้ายกัน คือ หยุดเล่นเสียงเมื่อผู้ใช้ถอดหูฟังออกมาคล้องคอ และเล่นต่อเมื่อสวมกลับไปที่ศีรษะ
AirPods Studio ยังรับรู้ได้ว่าเป็นหูข้างซ้ายหรือขวา เพื่อทำให้ผู้ใช้งามสามารถสวมใส่โดยไม่ต้องกังวลว่าถูกข้างหรือไม่ เพราะสัญญาณเสียงจะเปลี่ยนเส้นทางให้อัตโนมัติ นอกจากนี้ เมื่อจับคู่ AirPods Studio กับอุปกรณ์ iOS หรือ Mac จะปลดล็อคการตั้งค่าอีควอไลเซอร์ให้สามารถปรับแต่งเสียงได้ เพื่อปรับความถี่ของเสียงสูง กลาง ต่ำ
รายงานก่อนหน้านี้ ระบุว่า AirPods Studio จะมาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation และ รองรับ Transparency Mode เหมือนกับ AirPods Pro
AirPower
Apple เปิดตัวอุปกรณ์ชาร์จไร้สาย AirPower ในเดือนกันยายน 2017 โดยมีจุดเด่นที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้กับ iPhone, AirPods และ Apple Watch ได้พร้อมกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วมีข่าวว่า Apple ตัดสินใจยกเลิกการวางจำหน่ายไปในเดือนมีนาคม 2019 เนื่องจากพบปัญหาเกี่ยวกับความร้อน
จนกระทั่งในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Jon Prosser เจ้าของช่อง FRONT PAGE TECH บน YouTube ได้ออกมาอ้างว่า Apple ได้รื้อฟื้นโครงการ AirPower ขึ้นมาอีกครั้ง โดยให้วิศวกรทดลองใช้ชิป A11 Bionic ไปช่วยในการจัดการและควบคุมการใช้พลังงานไม่ให้ AirPower มีความร้อนสูงจนเกินไป ก่อนที่ Jon Prosser จะปล่อยภาพหลุด AirPower ออกมาอีกครั้งเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ Ming-Chi Kuo และสำนักข่าว Bloomberg ก็เคยรายงานว่า Apple ยังคงพัฒนาอุปกรณ์ชาร์จไร้สาย แต่ไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะสามารถชาร์จอุปกรณ์ได้ 3 เครื่องพร้อมกันเหมือนกับ AirPower หรืออาจลดขนาดลงมา
Apple TV
ยังไม่ชัดเจนว่า Apple TV รุ่นใหม่จะได้รับการเปิดตัวในงาน WWDC 2020 หรือไม่ แต่มีข่าวว่าจะได้รับการเปิดตัวอย่างแน่นอนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่าจะใช้ชิป A12X Bionic และมาพร้อมรีโมทคอนโทรลที่ได้รับการปรับปรุงใหม่
นอกจากนี้ Apple ยังมีแผนเปิดตัวซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ของ macOS, tvOS แต่ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ๆ รั่วไหลออกมา ขณะที่ชื่อ iOS ก็ถูกลือว่า อาจจะเปลี่ยนเป็น iPhoneOS
ที่มา – MacRumors
https://www.flashfly.net/wp/304730