Apple สร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้วยการเปิดตัว iPhone SE รุ่นที่ 2 ซึ่งถือเป็น iPhone ที่มีความคุ้มค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 14,900 บาท แต่มาพร้อมชิปประมวลผลรุ่นเดียวกับ iPhone 11 Pro Max ที่มีราคาเริ่มต้น 39,900 บาท และตอนนี้ก็ได้เวลาแล้วที่ทีมงาน @flashfly จะพาไปพบกับรีวิวอย่างเต็มรูปแบบ หลังจากแกะกล่องพรีวิวไปก่อนหน้านี้
สเปกหลักของ iPhone SE รุ่นที่ 2
- จอแสดงผล Retina HD ขนาด 4.7 นิ้ว พร้อม Haptic Touch
- ชิปประมวลผล A13 Bionic
- ความจำ RAM 3GB ความจุ 64GB, 128GB และ 256GB
- การเชื่อมต่อ 4G LTE ระดับ Gigabit, Wi‑Fi 6, Bluetooth 5.0
- กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล
- รองรับ Touch ID (เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ)
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน รองรับชาร์จเร็ว และชาร์จไร้สาย
- ป้องกันน้ำและฝุ่นในระดับ IP67
- ขนาดบอดี้ 138.4 x 67.3 x 7.3 มิลลิเมตร น้ำหนัก 148 กรัม
ดีไซน์กะทัดรัด
การออกแบบโดยรวมของ iPhone SE รุ่นที่ 2 ดูคล้ายกับ iPhone 8 โดยโครงสร้างหลักใช้วัสดุอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ ผสานด้วยกระจกที่มีความทนทาน โดยแผงกระจกด้านหน้าใช้สีดำทั้งหมด แต่แผงกระจกด้านหลังมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ สีขาว และ สีแดง (PRODUCT)RED
iPhone SE รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมจอแสดงผล Retina HD (LCD พร้อมเทคโนโลยี IPS) ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล ขนาด 4.7 นิ้ว ความหนาแน่นพิกเซล 326 ppi รองรับการแสดงผลแบบ True Tone ช่วยปรับไวท์บาลานซ์บนจอแสดงผลให้ตรงกับแสงโดยรอบ เพื่อให้สีสันมีความเป็นธรรมชาติเหมือนกำลังจ้องมองแผ่นกระดาษของจริง และยังให้ขอบเขตสีกว้าง (P3)
จอแสดงผล Retina HD ของ iPhone SE รุ่นที่ 2 สนับสนุน Haptic Touch หรือ การแตะค้างแบบสั่น แบบเดียวกับที่พบใน iPhone 11 และ iPhone 11 Pro
เหนือจอแสดงผลติดตั้งลำโพงและไมโครโฟนไว้ตรงกึ่งกลาง ใกล้กันเป็นตำแหน่งของกล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล
ใต้จอแสดงผลจะพบกับปุ่มโฮมที่เจ้าของ iPhone หลายคนชื่นชอบ โดยมีวงแหวนสแตนเลสสตีล และรวมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ หรือ Touch ID ไว้บนปุ่มโฮม
Touch ID ช่วยให้ผู้ใช้งานปลดล็อค iPhone ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย และยังใช้แทนการป้อนรหัสผ่าน, ล็อกอินเข้าสู่แอพ, ยืนยันการซื้อใน App Store รวมถึงยืนยันตัวตนเมื่อชำระเงินด้วย Apple Pay
ด้านหลังติดตั้งกล้อง 12 ล้านพิกเซล ไว้ที่มุมบน พร้อมแฟลช True Tone แบบ LED และคั่งกลางด้วยไมโครโฟน ตรงกลางมีโลโก้ Apple ติดอยู่บนพื้นผิวกระจกที่ผ่านกระบวนการลงหมึกถึง 7 ชั้น เพื่อให้กระจกด้านหลังทึบแสง และแสดงเฉดสีได้อย่างแม่นยำ
ส่วนขอบรอบด้านมีความบาง 7.3 มิลลิเมตร ใช้วัสดุอะลูมิเนียมสีเดียวกับกระจกด้านหลัง โดยมีปุ่มเปิดหรือปิดเสียง ติดตั้งอยู่ทางขวาของหน้าจอ ถัดลงมาเป็นปุ่มเพิ่มและปุ่มลดระดับเสียง
อีกด้านมีปุ่มเพาเวอร์ (ปุ่มด้านข้าง) ถัดลงมาเป็นถาดใส่ซิมการ์ด รองรับ Nano-SIM และยังสนับสนุน eSIM นั่นหมายถึง iPhone SE รุ่นที่ 2 รองรับการใช้งานพร้อมกันได้ 2 เลขหมาย
ด้านล่างติดตั้งช่องต่อ Lightning ไว้ตรงกึ่งกลาง ประกบข้างด้วยไมโครโฟน และลำโพง ซึ่งให้เสียงสเตอริโอ (ทำงานร่วมกับลำโพงอีกตัวที่อยู่เหนือจอแสดงผล)
ส่วนด้านบนถูกปล่อยให้โล่ง
กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซลถ่าย Portrait ได้
iPhone SE รุ่นที่ 2 มาพร้อมกล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ดูจากตัวเลขแล้วอาจมีความละเอียดไม่มากนัก เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในตลาดปัจจุบันนี้ แต่กล้องหน้าของ iPhone SE รุ่นใหม่ มีการทำงานร่วมกับชิปประมวลผล A13 Bionic ที่ออกแบบมาให้ช่วยประมวลผลภาพถ่าย ทำให้ได้ภาพถ่ายเซลฟี่ที่คมชัดอย่างเป็นธรรมชาติ
ถึงแม้จะใช้กล้องหน้าเลนส์เดียว แต่ iPhone SE เวอร์ชั่น 2020 ได้รับประโยชน์จากชิป A13 Bionic จึงรองรับโหมดภาพถ่ายบุคคลพร้อมเอฟเฟกต์โบเก้ที่สมจริง สามารถควบคุมระยะชัดลึกได้แบบเรียลไทม์ หรือแก้ไขในภายหลัง รวมถึงโหมดการจัดแสงภาพถ่ายบุคคลพร้อมเอฟเฟ็กต์ 6 แบบ (แสงไฟธรรมชาติ, แสงไฟสตูดิโอ, แสงไฟคอนทัวร์, แสงไฟเวที, แสงไฟเวทีขาวดำ และ แสงไฟขาวดำไฮคีย์)
กล้องหน้าของ iPhone SE รุ่นใหม่ สามารถถ่ายวิดีโอในระดับ Full HD 1080p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ และรองรับฟีเจอร์ QuickTake ช่วยให้ผู้ใช้งานสลับไปถ่ายวิดีโอได้ทันที โดยที่ไม่ต้องออกจากโหมดภาพถ่าย เพียงกดปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้ ถ้าต้องการถ่ายวิดีโอเป็นเวลานานโดยไม่ต้องกดปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้ ให้ลากปุ่มชัตเตอร์ไปทางขวาบนไอคอนรูปแม่กุญแจแล้วปล่อยนิ้ว
กล้องหลังเลนส์เดียว 12 ล้านพิกเซล ถ่าย 4K ที่ 60 fps
กล้องตัวหลักของ iPhone SE รุ่นที่ 2 มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล และได้รับประโยชน์จากชิป A13 Bionic มาช่วยในการประมวลผลภาพถ่าย รวมถึงประเมินความลึกแบบ Monocular ทำให้กล้องหลังของ iPhone SE เวอร์ชั่น 2020 สนับสนุนโหมดภาพถ่ายบุคคลพร้อมโบเก้ได้อย่างสวยงาม แม้ใช้กล้องเลนส์เดียว
กล้องหลังรองรับโหมดภาพถ่ายบุคคลพร้อมโบเก้ที่สมจริง ควบคุมระยะชัดลึกได้แบบเรียลไทม์ หรือแก้ไขในภายหลัง และรองรับการจัดแสงภาพถ่ายบุคคลพร้อมเอฟเฟ็กต์ 6 แบบ (แสงไฟธรรมชาติ, แสงไฟสตูดิโอ, แสงไฟคอนทัวร์, แสงไฟเวที, แสงไฟเวทีขาวดำ และ แสงไฟขาวดำไฮคีย์)
- แสงไฟธรรมชาติ ใบหน้าของแบบที่คมชัดตัดกับฉากหลังที่เบลออย่างลงตัว
- แสงไฟสตูดิโอ ภาพแนวสะอาดตาพร้อมใบหน้าตัวแบบที่สว่าง
- แสงไฟคอนทัวร์ รายละเอียดเงาคมชัดพร้อมไฮไลท์และโลว์ไลท์
- แสงไฟเวที ใบหน้าของแบบจะสว่างเพียงจุดเดียวตัดกับฉากหลังที่มืดสนิท
- แสงไฟเวทีขาวดำ เช่นเดียวกับแสงไฟเวที แต่มาในรูปแบบขาวดำสุดคลาสสิก
- แสงไฟขาวดำไฮคีย์ เอฟเฟ็กต์แสงไฟขาวดำในแบบสตูดิโอตัดกับฉากสีขาว
กล้องหลัง iPhone SE รุ่นใหม่ ยังรองรับการถ่ายภาพแบบพาโนรามา 63 ล้านพิกเซล บันทึกภาพถ่ายและ Live Photos ด้วยขอบเขตสีกว้าง และ Smart HDR ช่วยถ่ายภาพย้อนแสงให้ดีขึ้น
iPhone SE รุ่นที่ 2 สามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที และบันทึกเสียงในระบบสเตอริโอ พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล โดยมีฟีเจอร์ QuickTake เหมือนกล้องหน้า
กล้องวิดีโอยังรองรับโหมดไทม์แลปส์พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว และสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 240 เฟรมต่อวินาที นอกจากนี้ ยังสามารถถ่ายวิดีโอด้วยช่วงไดนามิกกว้างถึง 30 เฟรมต่อวินาที
ตัวอย่างภาพถ่าย
ประสิทธิภาพอันทรงพลัง A13 Bionic ระดับ iPhone 11 Pro
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ iPhone SE รุ่นที่ 2 อยู่ที่ขุมพลังภายใน เพราะได้รับชิปประมวลผล A13 Bionic รุ่นเดียวกับที่ใช้ใน iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ถือเป็นชิปที่ทรงพลังที่สุดของ A series ในปัจจุบันนี้ และ Apple ยังอ้างว่าเป็นชิปที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน
ชิปประมวลผล A13 Bionic ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานรอบด้านให้ลื่นไหล และยังช่วยในการถ่ายภาพ เล่นเกม ยกระดับประสลการณ์ด้านเทคโนโลยี AR และช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่
นอกจากนี้ ชิปประมวลผล A13 Bionic มาพร้อม Neural Engine แบบ 8 คอร์ สามารถดำเนินการได้ถึง 5 ล้านล้านรายการต่อวินาที โดยจะถูกนำไปใช้ในการประมวลผลด้าน AI
ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6
iPhone SE รุ่นที่ 2 สนับสนุนการเชื่อมต่อ 4G LTE ระดับ Gigabit ซึ่งตามทฤษฎีแล้วมีความเร็วมากกว่า 6.5 เท่า เมื่อเทียบกับ 4G มาตรฐานก่อนหน้านี้ และยังรองรับ LTE ถึง 30 ย่านความถี่ จึงสามารถนำไปใช้งานได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องกังวล
ด้าน Wi-Fi สนับสนุนมาตรฐานใหม่ล่าสุด 802.11ax หรือ Wi-Fi 6 สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 9.6Gbps ขณะที่ Wi-Fi 5 ทำความเร็วได้สูงสุด 3.5Gbps โดยรวมแล้วมีความเร็วเพิ่มขึ้น 40% อีกทั้งยังรองรับจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อในเวลาเดียวกันได้มากกว่า Wi-Fi 5 จึงรองรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีความหนาแน่นได้ดีกว่า และยังประหยัดพลังงานมากกว่า รวมถึงได้รับการปรับปรุงให้มีการเชื่อมต่อที่เสถียร สัญญาณรบกวนลดน้อยลง และค่าหน่วงเวลาแฝงก็ต่ำลงด้วย
iPhone SE รุ่นใหม่ยังรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 แบบบีมฟอร์มมิ่งจะเพิ่มระยะการรับสัญญาณได้มากขึ้นถึง 70% เมื่อสตรีมสัญญาณเสียง ให้ความเร็วในการเชื่อมต่อเพิ่มขึ้น มีความเสถียร และประหยัดพลังงานกว่ามาตรฐานก่อนหน้า
สำหรับใครที่ใช้งาน 2 ซิมการ์ด หรือมี 2 เบอร์โทร iPhone SE รุ่นที่ 2 ก็รองรับการใช้งานเช่นเดียวกัน แต่สามารถใส่ซิมการ์ดแบบ Nano-SIM ได้เพียงซิมเดียว ส่วนอีกหมายเลข จะถูกใช้งานในรูปแบบ eSIM ซึ่งเป็นซิมการ์ดแบบฝังไว้ภายในอุปกรณ์ แต่สามารถเปิดใช้บริการได้ โดยติดตามกับผู้ให้บริการที่ใช้งานอยู่ ซึ่งในประเทศไทยก็รองรับทั้ง AIS, Dtac และ TrueMove H
แบตเตอรี่อึด ชาร์จไร้สาย
iPhone SE รุ่นที่ 2 มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ 1821mAh ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 40 ชั่วโมง สำหรับการฟังเพลง และ 13 ชั่วโมง สำหรับการดูวิดีโอแบบออฟไลน์ หรือ 8 ชั่วโมง สำหรับการดูวิดีโอในรูปแบบออนไลน์
iPhone SE เวอร์ชั่น 2020 รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว สามารถชาร์จแบตเตอรี่ถึง 50% ในเวลา 30 นาที อย่างไรก็ตาม การชาร์จเร็วจำเป็นต้องใช้อะแดปเตอร์ขนาด 18 วัตต์ หรือสูงกว่า และสายชาร์จแบบ USB-C ซึ่ง Apple ไม่ได้แถมมาให้ ต้องแยกต่างหาก เช่นเดียวกับการชาร์จไร้สาย iPhone SE ใหม่สนับสนุนอุปกรณ์ชาร์จไร้สายของ Qi แต่ก็ต้องซื้อเพิ่มเติมเอง
กันน้ำกันฝุ่น IP67
iPhone SE เวอร์ชั่น 2020 ยังได้รับการออกแบบมาให้ต้านทานน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP67 ซึ่งหมายถึง สามารถอยู่รอดในน้ำที่ความลึกไม่เกิน 1 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง อย่างเช่น เครื่องดื่มหกใส่ ฝนตก หรือ ถูกน้ำกระเด็นใส่ แต่ไม่ควรทดสอบความสามารถในการต้านทานน้ำด้วยตนเอง เพราะการรับประกันจาก Apple ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากของเหลว
สรุป
iPhone SE รุ่นที่ 2 มาในขนาดกะทัดรัดพกพาสะดวก โดยมีขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว ให้สีสันสดใสคมชัดกว่าจอแสดงผล LCD ทั่วไป ใช้ชิป A13 ที่มีประสิทธิภาพสูง รองรับการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล และชิป A13 ยังข่วยให้กล้องหน้า กล้องหลังของ iPhone SE ถ่ายภาพออกมาได้อย่างคมชัดในบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ รวมถึงการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังละลายก็ทำออกมาได้ดีเยี่ยม
iPhone SE รุ่นที่ 2 จึงเหมาะสำหรับเจ้าของ iPhone รุ่นเก่าที่กำลังตัดสินใจอัพเกรดมาใช้ iPhone รุ่นใหม่ ถ้าเลือก iPhone SE รุ่นที่ 2 จะสามารถเป็นเจ้าของ iPhone ที่ประหยัดที่สุดและแรงที่สุด และมั่นใจได้ว่าจะได้รับการอัพเดทซอต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ไปอีกหลายปีเช่นเดียวกับ iPhone 11 และ iPhone 11 Pro
iPhone SE รุ่นที่ 2 ยังเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการเข้าสู่ระบบนิเวศของ Apple เพื่อทดลองใช้บริการใหม่ๆ อย่างเช่น Apple Arcade หรือ Apple TV+ โดยทาง Apple นำเสนอบริการ Apple TV+ ฟรี!! 12 เดือน (ปกติคิดค่าบริการเดือนละ 99 บาท) สำหรับผู้ที่ซื้อ iPhone SE รุ่นใหม่
ราคา
iPhone SE รุ่นที่ 2 พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีขาว และ สีแดง (PRODUCT)RED ราคา 14,900 บาท สำหรับรุ่น 64GB, ราคา 16,900 บาท สำหรับรุ่น 128GB และ ราคา 20,900 บาท สำหรับรุ่น 256GB