ถ้าหากพบว่า iPhone เกิดปัญหาในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกเสียงและวีดีโอมีคุณภาพต่ำ หรือปลายสายบอกว่าได้ยินเสียงไม่ชัดเจน นั่นเป็นสัญญาณว่าไมโครโฟนของ iPhone เริ่มมีปัญหาแล้ว แต่ก่อนที่จะส่งเครื่องไปรับการซ่อมแซมที่ศูนย์บริการ เจ้าของ iPhone สามารถตรวจสอบและลองแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง ตามคำแนะนำต่อไปนี้…
วิธีตรวจสอบไมโครโฟน
iPhone รุ่นใหม่ๆ อย่าง iPhone 11, iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max, iPhone X, iPhone XS Max, iPhone XR, iPhone 8, iPhone 8Plus ล้วนได้รับการติดตั้งไมโครโฟนมาให้ 3 ตัว พบได้ที่ ด้านบน ด้านล่าง และ ด้านหลัง
วิธีตรวจสอบไมโครโฟนตัวบนและหลัง ให้ลองบันทึกวีดีโอจากกล้องหน้าหรือกล้องหลัง แล้วลองเปิดเล่น เพื่อฟังเสียงว่ามีความชัดเจน หรือพบความผิดปกติหรือไม่ สำหรับไมโครโฟนตัวล่าง ให้ใช้แอพบันทึกเสียง ลองบันทึกเสียง แล้วทดลองฟัง ถ้าหากพบว่าเสียงที่บันทึกมีความผิดปกติ ไม่ดังชัดเจน สามารถอ่านคำแนะนำด้านล่างเพื่อแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง
วิธีการแก้ไขปัญหาไมโครโฟน
ทำความสะอาดด้วยแปรงสีฟัน
บางทีฝุ่นละอองขนาดเล็ก อาจเข้าไปอุดตันในรูไมโครโฟน วิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นคือให้ใช้แปรงสีฟันทำความสะอาด หรือใช้เครื่องเป่าลมที่มีแรงดันต่ำ (อาจใช้ที่เป่าลมด้วยการบีบ แบบที่ใช้เป่าแผงคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์) และไม่ควรใช้ของมีคมเข้าไปแหย่ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายได้
ตัดการเชื่อมต่ออุปกรณ์ Bluetooth
หลายครั้งที่เจ้าของ iPhone ไม่ได้ยินเสียง เนื่องมาจาก iPhone กำลังเชื่อมต่อกับหูฟังหรือลำโพง Bluetooth ดังนั้น เมื่อไม่มีการใช้งานกับอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ ควรปิดการเชื่อมต่อ Bluetooth จากศูนย์ควบคุม โดยเฉพาะหูฟังไร้สายแบบ TWS ที่มักจะจับคู่กับ iPhone อัตโนมัติเมื่อเก็บไว้ใกล้กัน
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรปิดบังรูไมโครโฟน
เคส iPhone จาก Apple นั้นถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี มีการเว้นช่องไมโครโฟนอย่างถูกต้อง แต่เคสจากผู้ผลิตรายอื่น โดยเฉพาะเคสราคาถูก อาจเจาะช่องสำหรับรูไมโครโฟนผิดตำแหน่ง ซึ่งอาจบังรูไมโครโฟนได้
ปิดระบบตัดเสียงรบกวน
ค่าเริ่มต้นของ iOS ได้เปิดระบบตัดเสียงรบกวน หรือ Noise Cancellation เพื่อลดเสียงรบกวนรอบข้างเมื่อใช้สนทนาจากไมโครโฟนและลำโพง iPhone โดยตรง แน่นอนว่าระบบตัดเสียงรบกวน ทำงานได้ดีเมื่ออยู่ข้างนอก แต่บางครั้งมันก็ไม่จำเป็นเมื่อใช้งานอยู่ในห้องนอน
ผู้ใช้ iPhone สามารถเข้าไปปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ที่ Settings > Accessibility > Audio/Visual หลังจากนั้นให้ลองทดสอบโทรหาใครสักคนเพื่อตรวจสอบคุณภาพเสียง
อนุญาตให้แอพจากบุคคลที่สามเข้าถึงไมโครโฟน
กรณีที่พบปัญหาเมื่อใช้แอพวีดีโอแชทอย่าง Skype หรือ WhatsApp อาจเป็นเพราะผู้ใช้งานยังไม่ด้ให้สิทธิ์แอพเหล่านั้นเข้าถึงไมโครโฟน ให้เข้าไปอนุญาตได้ที่ Settings > Privacy > Microphone
รีเซ็ตการตั้งค่า iPhone
เมื่อใช้งาน iPhone มาพักใหญ่อาจทำให้ซอฟต์แวร์บกพร่องเป็นครั้งคราว ซึ่งหลายครั้งที่การรีเซ็ตสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ รวมถึงกรณีนี้ โดยเจ้าของ iPhone สามารถรีเซ็ตการตั้งค่า โดยไม่ทำให้ข้อมูลหายได้ โดยเข้าไปที่ Settings > General > Reset และเลือก Reset All Settings สามารถอ่านคำแนะนำการรีเซ็ทจาก Apple ได้ที่นี่
อัพเดทเวอร์ชั่น iPhone
ปฏิเสธไม่ได้ว่า iOS 13 เต็มไปด้วย Bug หรือข้อบกพร่อง จนทำให้ผู้ใช้ iPhone หลายคนไม่กล้าที่จะอัพเดท แต่เชื่อเถอะว่า Apple พยายามแก้ไขข้อบกพร่องอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น เมื่อมีซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ถูกปล่อยออกมา จึงไม่ควรรอช้าที่จะอัพเดท และเมื่ออัพเดท iOS เป็นเวอร์ชั้นล่าสุดแล้ว ให้ทดสอบปัญหาต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นบน iPhone ว่าได้รับการแก้ไขแล้วหรือยัง
กรณีที่วิธีการข้างบน ยังไม่สามารถแก้ไขให้ไมโครโฟนกลับมาทำงานได้ตามปกติ ทางเลือกสุดท้ายคือ ส่งไปยังศูนย์บริการของ Apple เพื่อเข้ารับการตรวจสอบและซ่อมแซม
ที่มา – iPhoneHacks
https://www.flashfly.net/wp/294861