อายุการใช้งานแบตเตอรี่กลายเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ใช้ iPhone ซึ่งทาง Apple พยายามพัฒนาให้เกิดความสมดุลมากที่สุดระหว่างความจุแบตเตอรี่กับดีไซน์ และความพยายามก็เห็นผลอย่างชัดเจนนับตั้งแต่ iPhone XS, XS Max และ XR ที่ได้รับการปรับปรุงแบตเตอรี่จนมีอายุการใช้งานยาวนาน จนมาถึง iPhone 11 series ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เจ้าของ iPhone ควรเรียนรู้ด้วยว่าพฤติกรรมการใช้งานในลักษณะใด ที่อาจทำให้แบตเตอรี่มีประสิทธิภาพลดลง ซึ่งพอที่จะสรุปออกมา 4 ข้อหลัก ที่เป็นสาเหตุให้แบตเตอรี่ของ iPhone มีสุขภาพแย่ลง
1. รอให้ระดับแบตเตอรี่ที่แสดงผลเป็นเปอร์เซ็นต์เหลือตัวเลขหลักเดียว
การใช้งาน iPhone จนระดับแบตเตอรี่เหลือน้อยมาก จนระดับแบตเตอรี่ที่แสดงผลเป็นเปอร์เซ็นต์เหลือตัวเลขหลักเดียว ส่งผลให้อายุการใช้งานสั้นลง แนะนำให้ชาร์จแบตเตอรี่ iPhone ได้ทันที เมื่อมีไม่ได้ใช้งาน เช่น ระหว่างขับรถ
2. ใช้งาน iPhone ในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป
เพื่อปกป้อง iPhone ให้มีประสิทธิภาพดีที่สุด Apple แนะนำให้ใช้งานในบริเวณที่มีอุณหภูมิระหว่าง 0 – 35 องศาเซลเซียส หรือ 32 – 95 องศาฟาเรนไฮต์ นั่นหมายถึง ผู้ใช้งานไม่ควรทิ้ง iPhone ไว้ในรถยนต์ที่จอดตากแดด
3. ใช้อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ที่ไม่มีคุณภาพ
อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่คุณภาพต่ำ อาจส่งมอบพลังในการชาร์จที่ไม่เหมาะสมกับ iPhone และไม่สามารถป้องกัน iPhone จากไฟกระชากได้ ดังนั้น ควรใช้อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ของแท้จาก Apple หรือจากอุปกรณ์ของบุคคลที่สาม ที่ได้รับมาตรฐาน MFi
สำหรับ iPhone รุ่นใหม่ ที่สนับสนุนการชาร์จแบตเตอรี่ไร้สาย การลงทุนซื้ออุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายของ Qi มาวางไว้ตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
4. รักษาระดับพลังงานของแบตเตอรี่ให้เหมาะสม
ผลจากการศึกษาและวิจัยพบว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน จะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อระดับพลังงานอยู่ในช่วง 65 – 75 เปอร์เซ็นต์ แน่นอนว่าในการใช้งานจริงเป็นเรื่องยากที่จะรักษาระดับแบตเตอรี่ให้อยู่ในช่วงดังกล่าว หลายคนมักจะใช้งานแบตเตอรี่จนระดับพลังงานต่ำกว่า 50% จึงนำไปชาร์จแบตเตอรี่ และสอดคล้องกับเหตุผลข้อแรก ที่แนะนำว่าให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้ทันทีที่มีโอกาส
ที่มา – iDropNews
https://www.flashfly.net/wp/281412