นี่คือผลิตภัณฑ์ด้านฮาร์ดแวร์ที่โดดเด่นที่สุดของ Microsoft เรากำลังอยู่กับ Surface Pro 7 อุปกรณ์ 2-in-1 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เปิดตัวในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเดินทางเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เช่นเดียวกับ Surface Pro ทุกรุ่นก่อนหน้านี้ Surface Pro 7 เป็นอุปกรณ์ 2-in-1 ที่รองรับการใช้งานได้ 2 รูปแบบ คือ เป็นทั้งแท็บเล็ต และ แล็ปท็อป จึงตอบสนองการใช้งานได้ทั้งความบันเทิง และ ทำงานได้เหมือนแล็ปท็อปทั่วไป แต่มีความคล่องตัวในการพกพามากกว่า ด้วยประสิทธิภาพที่เกินตัว
ถึงแม้จะเป็นอุปกรณ์ 2-in-1 หรืออุปกรณ์ไฮบริด แต่ Surface Pro 7 ก็มีความเป็นแท็ตเล็ตมากกว่าแล็ปท็อป เนื่องจากไม่ได้รวมแผงคีย์บอร์ดมาให้ในกล่อง แต่วางจำหน่ายแยกต่างหาก
โดยบอดี้ของ Surface Pro 7 มีน้ำหนัก 775 กรัม เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว จะมีน้ำหนัก 631 กรัม (รุ่น Wi-Fi)
Surface Pro 7 ใช้โครงสร้างตัวเครื่องแบบยูนิบอดี้ วัสดุแมกนีเซียมอัลลอย และซ่อนช่องระบายอากาศด้านข้าง โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำด้าน และ สีแพลทตินัม
จุดเด่นที่ทำให้ Surface Pro 7 น่าสนใจกว่าคู่แข่งก็คือ มีขาตั้ง Kickstand มาให้ในตัว สามารถกางออกมาเพื่อวางอุปกรณ์ในแนวนอนได้ทันที และขาตั้งยังสามารถปรับลงเป็นโหมดสตูดิโอได้อีก เหมาะสำหรับการใช้งานด้านศิลปะ เพราะโหมดสตูดิโอจะทำมุมที่เหมาะสมกับการวาดเขียนอย่างเป็นธรรมชาติ
Surface Pro 7 มาพร้อมจอแสดงผล PixelSense Display ความละเอียด 2736 x 1824 พิกเซล ขนาด 12.3 นิ้ว ความหนาแน่นพิกเซล 267 พิกเซลต่อนิ้ว ระบบสัมผัสมัลติทัช 10 จุด
สนับสนุนการใช้งานร่วมกับปากกา Surface ซึ่งได้รับการพัฒนาให้วาดเขียนได้ราบรื่นเป็นธรรมชาติมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน แต่น่าเสียดายที่ปากกา Surface วางจำหน่ายแยกต่างหาก ไม่ได้แถมมาให้ในกล่อง
อีกจุดเด่นที่ทำให้ Surface Pro 7 น่าสนใจกว่าคู่แข่ง นั่นคือ พอร์ตเชื่อมต่อที่หลากหลายกว่า โดยขอบด้านข้างมาพร้อมพอร์ต USB-A แบบเก่า พอร์ต USB-C แบบใหม่ และพอร์ต Surface Connect อยู่ข้างเดียวกันทั้งหมด
อีกข้างหนึ่งมีช่องเสียบแจ็คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรมาให้ด้วย ซึ่งไม่พบใน iPad Pro และด้านนี้ยังมีแม่เหล็กไว้แนบติดกับปากกา Surface ได้ด้วย
ปุ่มเพาเวอร์ กับ ปุ่มปรับระดับเสียง ติดตั้งอยู่ใกล้กันที่ขอบด้านบน
ขอบด้านล่างเป็นพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับแผงคีย์บอร์ด Surface Type Cover ด้วยพลังแม่เหล็กที่แน่นหนามากๆ ยึดติดแล้ว Surface Type Cover ไม่หลุดง่ายแน่นอน ส่วนวิธีการถอดแผงคีย์บอร์ด ให้ใช้วิธีดึงออกมาเท่านั้น
ด้านระบบเสียงนั้น Surface Pro 7 ได้รับการติดตั้งไมโครโฟนแบบคู่ เรียกว่า Studio Mics สามารถรับเสียงจากระยะไกลได้อย่างคมชัด และมาพร้อมลำโพงสเตอริโอ 1.6 วัตต์ ระบบเสียง Dolby Audio Premium
ด้านหน้ายังมีกล้องดิจิตอล 5 ล้านพิกเซล สำหรับใช้ตรวจสอบใบหน้าผ่านฟีเจอร์ Windows Hello รวมถึงใช้วีดีโอแชท หรือ ถ่ายเซลฟี่ และบันทึกวีดีโอที่ระดับ Full HD 1080p
ด้านหลังจะพบกับกล้องดิจิตอล 8 ล้านพิกเซล รองรับระบบโฟกัสอัตโนมัติ และสามารถถ่ายวิดีโอที่ระดับ Full HD 1080p ทั้ง 2 กล้องรองรับการใช้งาน AR หรือ Mix Reality ของทาง Microsoft
ขาตั้งที่อยู่ด้านหลัง สามารถกางออกได้ถึง 165 องศา และยังซ่อนช่องอ่านการ์ด MicroSD/SDXC เอาไว้ด้วย รองรับความจุสูงสุด 1TB
สำหรับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ Surface Pro 7 ให้พลังงานนานสูงสุด 10.5 ชั่วโมง จากการทดสอบของรุ่น Intel Core i5 ความจำ RAM 8GB และ SSD 256GB อีกทั้งยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็วผ่านพอร์ต USB-C
Surface Pro 7 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core เจเนอเรชั่นที่ 10 รุ่นล่าสุด ซึ่งมีความเร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 2.3 เท่า สนับสนุนการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐานใหม่ล่าสุด 802.11ax และ Bluetooth 5.0
Surface Pro 7 ในประเทศไทย มีให้เลือก 4 รุ่นด้วยกัน
– โปรเซสเซอร์ Intel Core i5 ความจำ RAM 8GB และ SSD 128GB ราคา 29,990 บาท
– โปรเซสเซอร์ Intel Core i5 ความจำ RAM 8GB และ SSD 256GB ราคา 40,990 บาท
– โปรเซสเซอร์ Intel Core i7 ความจำ RAM 16GB และ SSD 256GB ราคา 49,990 บาท
– โปรเซสเซอร์ Intel Core i7 ความจำ RAM 16GB และ SSD 512GB ราคา 64,990 บาท
ราคาอุปกรณ์เสริมที่วางจำหน่ายแยกต่างหาก
– Surface Arc Mouse (สีฟ้า แดง ดำ และ แพลทตินัม) ราคา 2,600 บาท
– Surface Pen (สีฟ้า แดง ดำ และ แพลทตินัม) ราคา 3,900 บาท
– Signature Type Cover สำหรับ Surface Pro 7 (สีฟ้า แดง ดำ และ แพลทตินัม) ราคา 5,790 บาท
สรุปแล้ว Surface Pro 7 ถือเป็นแท็บเล็ตที่มีประสิทธิภาพสูง ตอบสนองความบันเทิงได้เป็นอย่างดี ด้วยขนาดจอแสดงผล 12.3 นิ้ว ระบบเสียง Dolby Audio Premium ลำโพงสเตอริโอ 1.6 วัตต์ มีขาตั้งในตัว สามารถวางเพื่อรับชมคอนเท้นต์วีดีโอได้อย่างสะดวก หรือจะใช้ทำงานแบบจริงจังในโหมดแล็ปท็อป ก็สามารถเชื่อมต่อกับ Surface Type Cover หรือแผงคีย์บอร์ดทั่วไปทั้งแบบมีสายและไร้สาย
ด้วยประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ Intel Core เจเนอเรชั่นที่ 10 รุ่นล่าสุด ทำให้ Surface Pro 7 ตอบโจทย์ได้ตั้งแต่การทำงานด้านเอกสาร ไปจนถึงงานกราฟิก เพราะออกแบบขาตั้งให้วางในแนวราบได้ 165 องศา และรองรับการใช้งานคู่กับ Surface Pen ที่ให้ความรู้สึกในการวาดเขียนเป็นธรรมชาติมากกว่ารุ่นก่อน