ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย และสถาบันการเงิน ได้ร่วมกันผลักดันให้มีการปรับเปลี่ยนบัตร ATM และบัตรเดบิตจากรูปแบบบัตรแถบแม่เหล็กแบบเดิมให้เป็นบัตรแบบชิปการ์ดมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้บัตร อย่างไรก็ดี หลายท่านอาจจะยังมีข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนบัตร ATM และบัตรเดบิตให้เป็นแบบชิปการ์ด ซึ่งสามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้
1. ทำไมต้องเปลี่ยนบัตร ATM/บัตรเดบิตจากบัตรแถบแม่เหล็กเป็นแบบชิปการ์ด
สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนบัตรจากบัตรแถบแม่เหล็กมาเป็นแบบชิปการ์ดเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้บัตร เนื่องจากเทคโนโลยีชิปการ์ดเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูง สามารถป้องกันการถูกมิจฉาชีพโจรกรรมข้อมูลไปทำบัตรปลอม (skimming) โดยที่ผ่านมา ธปท. สมาคมธนาคารไทย และสถาบันการเงิน ได้ร่วมกันผลักดันให้ประชาชนเปลี่ยนไปใช้บัตร ATM/บัตรเดบิตจากบัตรแถบแม่เหล็กเป็นบัตรแบบชิปการ์ดตั้งแต่ปี 2559 และมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนบัตรทั้งหมดเป็นชิปการ์ดให้ครบถ้วนภายในสิ้นปี 2562 เพื่อยกระดับความปลอดภัยของประชาชนในการทำธุรกรรมผ่านบัตร ATM/บัตรเดบิต
2. จะรู้ได้อย่างไรว่าบัตรที่ถืออยู่เป็นบัตรแบบไหน
ผู้ถือบัตรทั้งบัตร ATM และบัตรเดบิตสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ว่าบัตรที่มีอยู่เป็นบัตรแบบชิปการ์ดแล้วหรือไม่ จากด้านหน้าของบัตร หากมีชิปสี่เหลี่ยมขนาดเล็กอยู่ แสดงว่าบัตรที่คุณถือในมือเป็นบัตรแบบชิปการ์ดอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนอีก แต่หากไม่มีชิปอยู่ตรงด้านหน้าบัตร แสดงว่าเป็นบัตรแถบแม่เหล็กแบบเก่า ซึ่งจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนให้เป็นบัตรแบบชิปการ์ดเพื่อความปลอดภัยในการใช้บัตร
3. การเปลี่ยนบัตรจากบัตรแถบแม่เหล็กเป็นชิปการ์ดต้องเสียค่าธรรมเนียมหรือไม่
ธนาคารจะยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกบัตรทดแทนสำหรับการเปลี่ยนบัตร ATM/บัตรเดบิตจากบัตรแถบแม่เหล็กเป็นบัตรแบบชิปการ์ดจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2563 ในกรณีที่เปลี่ยนเป็นบัตรประเภทเดิม เช่น หากเดิมใช้บัตรเดบิตแถบแม่เหล็กซึ่งเป็นบัตรเดบิตธรรมดาที่ไม่มีประกันคุ้มครองเพิ่มเติม เมื่อไปเปลี่ยนเป็นบัตรเดบิตแบบชิปการ์ดประเภทเดียวกันนี้จะไม่เสียค่าธรรมเนียมการออกบัตรทดแทน แต่หากเปลี่ยนประเภทบัตรใหม่ เช่น เปลี่ยนเป็นบัตรเดบิตแบบชิปการ์ดที่มีประกันคุ้มครอง บางธนาคารอาจคิดค่าธรรมเนียมแรกเข้าของบัตรใบใหม่
นอกจากนี้ โดยทั่วไปธนาคารต่าง ๆ จะมีการคิดค่าธรรมเนียมรายปีของบัตร ATM/บัตรเดบิตล่วงหน้าอยู่แล้ว เมื่อลูกค้าไปเปลี่ยนเป็นบัตรแบบชิปการ์ด บางธนาคารจึงเก็บค่าธรรมเนียมล่วงหน้ารายปีของบัตรใบใหม่ทันที โดยจะคืนค่าธรรมเนียมรายปีของบัตรใบเดิมตามจำนวนวันใช้งานที่เหลือของบัตรใบเดิม ซึ่งค่าธรรมเนียมในส่วนนี้เป็นค่าธรรมเนียมรายปีที่ผู้ถือบัตรจ่ายเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่ค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนเป็นบัตรแบบชิปการ์ดแต่อย่างใด
ทั้งนี้ สามารถศึกษารายละเอียดค่าธรรมเนียมบัตร ATM/บัตรเดบิตได้ที่เว็บไซต์ของธนาคาร หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ call center ของธนาคารที่ท่านใช้บริการ รวมถึงสามารถเปรียบเทียบข้อมูลค่าธรรมเนียมบัตร ATM/บัตรเดบิตของแต่ละธนาคารที่เว็บไซต์ของศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน
4. การเปลี่ยนบัตร ATM/บัตรเดบิตเป็นชิปการ์ดต้องทำอย่างไร และเตรียมอะไรไปบ้าง
ผู้ถือบัตรแบบแถบแม่เหล็ก หากต้องการเปลี่ยนเป็นบัตรแบบชิปการ์ด สามารถนำบัตรประชาชน บัตร ATM/บัตรเดบิตใบเดิม และสมุดบัญชีธนาคารไปขอเปลี่ยนที่สาขาของธนาคารที่ใช้บริการได้ทุกสาขา ไม่จำเป็นต้องเป็นสาขาที่ออกบัตร
5. ต้องเปลี่ยนบัตร ATM/บัตรเดบิตเป็นชิปการ์ดภายในวันไหน
ผู้ถือบัตรแบบแถบแม่เหล็กจะต้องเปลี่ยนเป็นบัตรแบบชิปการ์ดภายในวันที่ 15 มกราคม 2563 ก่อนที่บัตรแถบแม่เหล็กจะไม่สามารถใช้งานได้
6. หากไม่ได้เปลี่ยนบัตรภายใน 15 มกราคม 2563 จะเกิดอะไรขึ้น
หลังจากวันที่ 15 มกราคม 2563 บัตรแถบแม่เหล็กจะไม่สามารถใช้งานได้ที่ตู้ ATM หรือเครื่องรูดบัตรที่ร้านค้าต่าง ๆ หากมีความต้องการใช้เงินสดหรือโอนเงิน สามารถถอนเงินสดได้ที่สาขาธนาคาร หรือใช้ฟังก์ชั่นกดเงินแบบไม่ใช้บัตรที่ตู้ ATM (กดเงินสดผ่าน mobile application) หรือโอนเงินผ่าน mobile banking/ internet banking แทนการใช้บัตร
ที่มา – bot.or.th