สมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นของ Vivo มีดีไซน์ที่หลากหลายมาก และล่าสุดกับ Vivo V17 ก็ได้รับการออกแบบใหม่อีกครั้งแตกต่างจากรุ่น Vivo V17 Pro ที่วางจำหน่ายไปก่อนหน้า ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการนำจอแสดงผล Ultra O Screen มาใช้ ด้วยการเจาะรูซ่อนกล้องเซลฟี่ไว้ใต้จอแสดงผล แทนที่จะทำรอยบากหรือซ่อนไว้ในกลไกป๊อปอัพ
ขณะที่ดีไซน์กล้องหลัง ก็เป็นรุ่นแรกของแบรนด์อีกเช่นกัน ที่มีการจัดวางเลนส์กล้อง 4 ตัว เป็นรูปตัว L แบบใหม่ และไม่ใช่เพียงดีไซน์ที่โดดเด่น Vivo V17 ยังอัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพที่คุ้มค่ากับราคา
แกะกล่องสัมผัสแรก Vivo V17
Vivo V17 มาพร้อมจอแสดงผล Super AMOLED (ใช้วัสดุ E3 OLED) ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.44 นิ้ว ให้อัตราส่วนภาพ 20:9 ขอบเขตสีกว้าง DCI-P3 100% จึงแสดงสีสันได้อย่างคมชัดและสดใส
อีกทั้งยังได้รับการรับรองจากสถาบัน TÜV Rheinland ของประเทศเยอรมัน ในด้านเทคโนโลยีลดแสงสีฟ้า ซึ่งสามารถกรองแสงสีฟ้าได้ถึง 42% และยังมีเทคโนโลยีป้องกันจอกระพริบเมื่อความสว่างของหน้าจออยู่ในระต่ำ ช่วยปกป้องดวงตาเมื่อใช้งานในที่มืด
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดบนจอแสดงผลของ Vivo V17 นั่นคือดีไซน์ Ultra O Screen ที่มีการเจาะรูขนาดเล็กไว้ตรงมุมบนซ้ายของจอแสดงผล เพื่อวางกล้องเซลฟี่ลงไป ให้ประสบการณ์การใช้งานรูปแบบใหม่จากเดิมที่เคยทำรอยบาก หรือซ่อนกล้องไว้ที่ด้านบนด้วยกลไกป๊อปอัพ
ลำโพงสำหรับสนทนาถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียนสุดขอบบน
ใต้จอแสดงผลมีการซ่อนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย บนโครงสร้างเลนส์แบบ 3P ทำงานร่วมกับ AI เพื่อให้ปลดล็อคสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่เอฟเฟกต์ภาพเคลื่อนไหวตรงตำแหน่งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ก็สามารถเปลี่ยนได้หลายแบบ
ด้านหลังก็ได้รับการออกแบบมาอย่างโดดเด่นไม่แพ้ด้านหน้า ด้วยการวางเลนส์กล้องทั้ง 4 ตัว เป็นรูปตัว L ภายในกรอบสี่เหลี่ยมพื้นผ้า ซึ่งเป็นการนำรูปทรงทางเรขาคณิตมาอยู่ในดีไซน์แบบ Retro-styled และดีไซน์ของกล้องหลังก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกล้องคอมแพค
ขอบด้านข้างมีความบาง 8.54 มิลลิเมตร ติดตั้งปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่มเพาเวอร์ไว้ฝั่งเดียวกัน
อีกข้างมีถาดใส่การ์ดแบบ 3 ช่อง รองรับ 2 ซิมการ์ดในแบบนาโน และยังใส่การ์ด Micro SD ได้พร้อมกัน
Vivo V17 ติดตั้งไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับช่วยกรองเสียงรบกวนรอบข้างมาให้ที่ด้านบน
ส่วนด้านล่างจะพบกับช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อมาตรฐานใหม่ USB Type-C และลำโพง
Vivo V17 ทำงานบนพื้นฐาน Android 9 Pie สวมทับด้วย Funtouch OS 9.2 เวอร์ชั่นใกหม่ล่าสุดรองรับการใช้งาน Dark Mode
ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 675 ที่มี AI Engine ในตัว พร้อมด้วยจีพียู Adreno 612 ด้านความจำภายในถือว่าให้มาเยอะจุใจ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 256GB ที่ถือได้ว่าให้ความจุมากที่สุดกับสมาร์ทโฟนในราคาระดับเดียวกันในเวลานี้
Vivo V17 มาพร้อมเทคโนโลยี Multi-Turbo ช่วยปรับแต่งการทำงานของระบบให้มีความเร็วเพิ่มขึ้น โดยแบ่งการทำงานออกเป็นหลายส่วน ได้แก่
- AI Turbo ช่วยให้เข้าถึงแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานบ่อยได้เร็วขึ้น
- Center Turbo ช่วยเพิ่มความเร็วให้กับระบบ ด้วยการลดความล่าช้าของหน่วยความจำ และลดอาการเฟรมเรตตก
- Game Turbo ช่วยรีดประสิทธิภาพของระบบสำหรับการเล่นเกม
- Net Turbo ทำให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมีความเสถียรมากที่สุด ทำให้การเล่นเกมออนไลน์มีความราบรื่น
- Cooling Turbo อาศัยการออกแบบโครงสร้างภายในและระบบ ทำให้ระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อให้ผู้ใช้งานได้เล่นเกมอย่างมีความสุข Vivo V17 จึงมาพร้อม Ultra Game Mode 7.0 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม รวมถึงปิดกั้นการแจ้งเตือนต่างๆ ในระหว่างเล่นเกม
และยังมีฟีเจอร์ Voice Changer สามารถเปลี่ยนเสียงของผู้ใช้งานในระหว่างเล่นเกม ด้วยเอฟเฟกต์เสียงแปลกๆ นอกจากจะช่วยป้องกันคนอื่นๆ ไม่ให้จำเสียงได้แล้ว ยังเพิ่มความสนุกและตลกให้กับเพื่อนๆ ที่เล่นเกมร่วมกัน
อีกฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจในการเล่นเกมก็คือ Off-Screen Autoplay ด้วยความฉลาดของ AI จะช่วยเล่นเกมให้อัตโนมัติ ในขณะที่หน้าจอถูกล็อค เหมือนมีมือโปรมาช่วยเล่นเกมให้แบบส่วนตัว
ด้านความจุแบตเตอรี่ให้มาไม่น้อย 4,500mAh พร้อมด้วยเทคโนโลยี Dual-Engine Fast Charging ช่วยให้ Vivo V17 รองรับการใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน และชาร์จเร็ว 18 วัตต์ (9V/2A)
มาถึงฟีเจอร์ที่ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในยุคนี้ให้ความสนใจมากที่สุด นั่นคือระบบกล้องดิจิตอล ซึ่งทาง Vivo ก็ให้ความสำคัญมาโดยตลอด และเชื่อว่า Vivo V17 จะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน เริ่มตั้งแต่ดีไซน์กล้องหลัง ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกล้องคอมแพค มาพร้อมกล้อง 4 ตัว จัดวางเป็นรูปตัว L ที่
กล้องหลังทั้ง 4 ของ Vivo V17 ประกอบด้วย กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 กล้องอัลตร้าไวด์ 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 กล้องโบเก้ 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 และ กล้องมาโคร 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล ซูมได้สูงสุด 10 เท่าแบบดิจิตอล ถือได้ว่า Vivo V17 สามารถเก็บภาพได้ครบทุกช่วง หายห่วงที่จะพกติดตัวไปทุกที่
กล้องหลังรองรับโหมดถ่ายภาพ Super Night สำหรับถ่ายภาพในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อย ได้อย่างสวยงาม แค่กดชัตเตอร์แล้วรอการประมวลผลในไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ขาดไม่ได้เลยกับโหมด Pose Master เป็นตัวช่วยสำหรับใครที่นึกไม่ออกว่าควรโพสท่าอย่างไร และยังมี AI Scene Recognition สำหรับมือใหม่ในการถ่ายภาพ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ Vivo V17 ปรับค่ากล้องให้อัตโนมัติตามฉากหรือวัตถุที่กล้องระบุได้
แน่นอนว่าการมีกล้องโบเก้ติดตั้งมาให้โดยเฉพาะ ก็ช่วยให้ Vivo V17 ถ่ายภาพในโหมด Portrait ได้อย่างสวยงาม และยังมีโหมด Portrait Light Effects เพิ่มเอฟเฟกต์จัดแสงโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม
และยังมีโหมด Super Macro สำหรับถ่ายภาพใกล้วัตถุในระยะ 4 เซนติเมตร ช่วยให้เห็นรายละเอียดบนวัตถุขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังมีโหมดถ่ายภาพ HDR, Panorama, Pro, Slo-Mo และ Super wide-angle เก็บภาพในมุมกว้าง 120 องศา ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ
Vivo V17 ยังรองรับการถ่ายวิดีโอแบบป้องกันการสั่นไหวอัตโนมัติ Ultra Stable Video อีกด้วย เมื่อบันทึกที่ความละเอียด 1080P ที่ 30fps ช่วยให้ถ่ายวิดีโอออกมาได้นิ่งดูแล้วไม่เวียนหัวอีกต่อไป ส่วนความละเอียดสูงสุดปรับได้ถึง 4K เลยทีเดียว
ด้านกล้องหน้าให้มา 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45 ที่น่าสนใจก็คือรองรับโหมด Super Night ด้วยเช่นกัน ช่วยให้เจ้าของ Vivo V17 ถ่ายเซลฟี่ในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อยได้สมบูรณ์มากขึ้น และยังมีโหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลายด้วยเอฟเฟกต์โบเก้
เพิ่มความสนุกด้วย AR Stickers เสริมความงามด้วย AI Makeup เหมือนมีช่างแต่งหน้าส่วนตัว และยังมี Pose Master ช่วยคิดท่าทางในการเป็นแบบให้ถ่ายภาพ
ตัวอย่างภาพถ่าย Vivo V17
ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ทำให้ Vivo V17 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์สวยล้ำทันสมัย โดดเด่นด้วยจอแสดงผลแบบ Ultra O Screen กล้องดิจิตอลมีคุณภาพทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ประสิทธิภาพโดยรวมพอเพียงต่อการใช้งานรอบด้าน ไปจนถึงเล่นเกม ที่สำคัญก็คือ ให้ความความจุสะใจถึง 256GB เยอะที่สุดในเวลาของสมาร์ทโฟนราคาระดับเดียวกัน
โดย Vivo V17 แรม 8GB ความจุ 256GB เปิดราคาออกมาเพียง 11,999 บาทเท่านั้น ใครที่สนใจอยู่ก็สามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่ AIS , TRUE , Dtac ในราคาเริ่มต้นเพียง 6,999 บาท เท่านั้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ AIS Shop , Telewiz Shop , True Shop , Dtac Shop ทุกสาขาทั่วประเทศ