หูฟังไร้สายแบบ True Wireless กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากสมาร์ทโฟนเรือธงหลายรุ่น ได้ตัดสินใจถอดช่องเสียบแจ็คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรออกไป ทำให้หูฟังไร้สายแบบ True Wireless เป็นที่ต้องการ และมีตัวเลือกออกมาหลายแบรนด์ แต่ถ้ามองเฉพาะแบรนด์ชั้นนำ HUAWEI FreeBuds 3 ก็ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ
ความน่าสนใจของ HUAWEI FreeBuds 3 อยู่ที่ราคา ถ้ากวาดสายตาดูเฉพาะหูฟังไร้สายแบบ True Wireless จากแบรนด์ระดับโลก ที่มีเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน จะพบว่า FreeBuds 3 มีราคาถูกกว่าคู่แข่งเกือบครึ่งเลยทีเดียว แต่ราคาที่ถูกกว่า ไม่ได้หมายความว่ามีประสิทธิภาพด้อยกว่าแต่อย่างใด และต่อไปนี้คือ 5 จุดเด่นของ FreeBuds 3 ที่ทำให้หูฟังไร้สายแบบ True Wireless จาก HUAWEI เก่งกว่าใคร
ตัดเสียงรบกวนได้อย่างดี
HUAWEI FreeBuds 3 มาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ หรือ ANC (Active Noise Cancellation) ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปรับเสียงให้เหมาะสมได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่สาธารณะที่มีผู้คนเยอะแยะ สนามบิน สถานีรถไฟ ร้านอาหาร FreeBuds 3 ก็สามารถลดเสียงได้อย่างแม่นยำ ทำให้ผู้สวมใส่ได้ยินเสียงเพลงจากหูฟังได้อย่างชัดเจน เหมือนอยู่ในโลกส่วนตัว
ด้วยการที่หูฟัง HUAWEI FreeBuds 3 ถูกออกออกแบบมาเป็นแบบ EarBuds ไม่ใช่แบบ In-Ear จึงอาจทำให้เกิดเสียงรบกวนเล็ดรอดเข้ามาได้ ทาง Huawei จึงได้ให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งการได้ยินเสียงรบกวนให้เข้ากับใบหูของแต่ละคนได้ด้วยแอปพลิเคชั่น Huawei Ai Life
ตัดเสียงลม จับเสียงคุยได้อย่างชัดเจน
HUAWEI FreeBuds 3 ยังเน้นไปที่การสนทนาที่ชัดเจนด้วย โดยมาพร้อมเทคโนโลยี Aerodynamic Mic Duct Design ที่ช่วยตัดเสียงลมออกไป เหมาะสำหรับการสนทนาในระหว่างเดินฝ่าอากาศที่มีลมพัดผ่าน แม้ในขณะวิ่ง ปั่นจักรยาน ขี่มอเตอร์ไซค์ (ความเร็วไม่เกิน 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
ด้วยเทคโนโลยี Aerodynamic Mic Duct Design จะช่วยให้การสนทนาในที่กลางแจ้งชัดเจนมากขึ้น โดยไม่มีเสียงลมเข้ามารบกวน และเพื่อให้เสียงสนทนาชัดเจนมากยิ่งขึ้น HUAWEI FreeBuds 3 ก็ได้เพิ่มระบบ Bone Sensor เข้ามาทำงานร่วมด้วย ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับเสียงของผู้ใช้งานผ่านการสั่นสะเทือนของแกนด้านใน ทำให้เสียงที่เปล่งออกไปถูกปรับให้คมชัด พร้อมลดเสียงรบกวนรอบข้าง เพื่อให้การสนทนาราบรื่นมากที่สุด
ดีไซน์กระชับถูกหลักสรีรศาสตร์ Dolphin Bionic
ปัญหาใหญ่ของหูฟังไร้สายแบบ True Wireless คือความรู้สึกไม่มั่นคงเมื่อสวมใส่ เหมือนจะหลุดออกจากหูได้ง่าย แต่สำหรับ HUAWEI FreeBuds 3 ใช้ ดีไซน์ Dolphin Bionic ที่ออกแบบมาตามหลักสรีรศาสตร์ ถือเป็นอีกนวัตกรรมการดีไซน์แบบ Open-fit ทำให้ FreeBuds 3 มีสัมผัสที่สบายหูเมื่อสวมใส่ ไม่รู้สึกปวดหรือระคายเคือง และให้ความรู้สึกมั่นคงไม่หลุดง่าย จึงสามารถสวมใส่ในขณะทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ปกติ
แบตอึด ชาร์จสะดวก ไร้สาย
หูฟังไร้สาย HUAWEI FreeBuds 3 ใช้ฟังเพลงได้นานต่อเนื่อง 4 ชั่วโมง แต่สามารถขยายการใช้งานให้ยาวนานได้ถึง 20 ชั่วโมง เมื่อพกพาเคสชาร์จไปด้วย เนื่องจากเคสสามารถเติมพลังงานให้กับหูฟังได้ถึง 4 ครั้ง เมื่อแบตเตอรี่ของเคสชาร์จเต็ม นั่นหมายถึง FreeBuds 3 จะให้พลังงานเพียงพอตลอดทั้งวันสำหรับใช้งานตั้งแต่เช้าจรดเย็น
ถ้าหากมีการใช้งานอย่างหนักจนทำให้แบตเตอรี่หมดไว FreeBuds 3 ก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ง่ายและสะดวก โดยรองรับการชาร์จด้วยสาย USB Type-C หรือผ่านอุปกรณ์ชาร์จไร้สาย แต่ถ้าไม่มีทั้ง 2 อย่าง ก็ยังสามารถชาร์จผ่านชาร์จแบบ Reverse Charging เพียงนำไปวางบนด้านหลังของสมาร์ทโฟนของ HUAWEI ที่สนับสนุน Reverse Charging อย่างเช่น Mate 20 Pro, P30 Pro และ Mate 30 Pro
คุ้มค่ากว่าเพียง 4,990 บาท
เมื่อเทียบกับหูฟังไร้สายแบบ True Wireless ที่มาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ จะพบว่า HUAWEI FreeBuds 3 ทำราคาออกมาได้น่าสนใจกว่าคู่แข่ง นอกจาก 5 จุดเด่นข้างต้นแล้ว FreeBuds 3 ยังออกแบบมาให้จับคู่กับสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวก ให้เสียงเบสที่หนักแน่น และควบคุมได้อย่างง่ายดายผ่านระบบสัมผัส สามารถแตะที่หูฟังด้านขวา 2 ครั้ง เพื่อสลับเพลง แตะที่หูฟังด้านซ้าย เพื่อเปิดหรือปิดโหมดตัดเสียงรบกวน และเมื่อถอดหูฟังออก เพลงที่กำลังเล่นก็จะหยุดทันที และเล่นต่อเมื่อสวมหูฟังกลับเข้าไปใหม่
HUAWEI FreeBuds 3 พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างทางการ ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคมเป็นต้นไป ในราคาเพียง 4,990 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว และ สีดำ จับจองเป็นเจ้าของได้ที่ หัวเว่ย แบรนด์ช็อป และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ