Xiaomi เปิดตัวสมาร์ทโฟน Mi Note 10 และ Mi Note 10 Pro อย่างทางการ โดยอ้างว่าทั้งคู่เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลก ที่มาพร้อมกล้องหลัง 5 ตัว และกล้องหลักมีความละเอียด 108 ล้านพิกเซล
Mi Note 10 เป็นรุ่นเดียวกับ Mi CC9 Pro ที่ได้รับการทดสอบกล้องจาก DxOMark นับเป็นสมาร์ทโฟนที่มีคุณภาพกล้องสูงอยู่ในอันดับบนสุดร่วมกับ Huawei Mate 30 Pro ขณะที่ Mi Note 10 Pro อาจมีคะแนนสูงขึ้นไปอีก ถ้าได้รับการทดสอบจาก DxOMark เนื่องจากกล้องหลักประกอบด้วยเลนส์ 8 ชิ้น ขณะที่ Mi Note 10 ใช้เลนส์ 7 ชิ้น
Mi Note 10 และ Mi Note 10 Pro มาพร้อมจอแสดงผล Arc AMOLED ความละเอียด Full HD+ ขนาด 6.47 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 19.5:9 ผ่านการรับรองจาก TUV Rheinland ในเรื่องการปล่อยแสงสีฟ้าในระดับต่ำ ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล ที่มีขนาดเซ็นเซอร์บางลงกว่าเดิม 88% แต่มีพื้นที่รองรับการสแกนนิ้วใหญ่ขึ้น
ทั้งคู่ทำงานบน MIUI 11 ที่มาพร้อม Dark Mode และได้รับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 730G แต่มีความแตกต่างด้านความจำ Mi Note 10 มาพร้อม RAM 6GB + ROM 128GB ขณะที่ Mi Note 10 Pro ได้รับ RAM 8GB + ROM 256GB
มาถึงไฮไลท์ของทั้งคู่กันแล้ว นั่นคือระบบกล้องหลัง 5 ตัว วางซ้อนกันในแนวตั้ง ประกอบด้วย กล้องเทเลโฟโต้ 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 รองรับการซูมแบบออปติคอลสูงสุด 5 เท่า ไฮบริดซูม 10 เท่า ซูมดิจิตอล 50 เท่า มีระบบลดภาพสั่นไหว OIS ถัดลงมาเป็นกล้องเทเลโฟโต้ 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 ซูมแบบออปติคอลสูงสุด 2 เท่า ตามมาด้วยกล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.69 มีระบบลดภาพสั่นไหว OIS กล้องตัวที่ 4 เป็นกล้องอัลตร้าไวด์ 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 ช่วยเก็บภาพในมุมกว้าง 117 องศา และสุดท้ายเป็นกล้องมาโคร 2 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซล 1.75 ไมครอน ข้างกล้องยังติดแฟลชคู่มาให้ 2 จุด โดยอีกจุดจะให้แสงที่นุ่มนวลกว่า
Mi Note 10 series มาพร้อมโหมดถ่ายภาพในเวลากลางคืน Night Mode 2.0 โหมด Portrait ที่มีความยาวโฟกัส 50 มม. โหมดถ่ายภาพใกล้วัตถุ และยังมีโหมด Vlog สำหรับผู้สร้างคอนเท้นต์วีดีโอ สามารถกำหนดค่าการถ่ายวีดีโอได้ 7 แบบ อย่างเช่น Stop Motion, Travel, Memories เป็นต้น และยังสามารถถ่ายวีดีโอสูงสุด 4K ด้วยกล้องมุมกว้างพิเศษ และโหมด Slow Motion ที่อัตรา 960 เฟรมต่อวินาที
Mi Note 10 มาพร้อมกล้องเซลฟี่ 32 ล้านพิกเซล รองรับโหมด Panorama Selfie, Palm Shutter, AI Beauty, AI Scene Detection และใช้ปลดล็อคด้วยการสแกนใบหน้าได้
Mi Note 10 ยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5260mAh ใช้งานได้นาน 2 วันแบบสบายๆ รองรับชาร์จเร็ว 30 วัตต์ สามารถชาร์จจาก 0 – 100% ในเวลาเพียง 65 นาที (แถมอุปกรณ์ชาร์จเร็วมาให้ในกล่อง)
Xiaomi จะเริ่มทำตลาด Mi Note 10 และ Mi Note 10 Pro ในยุโรปเป็นภูมิภาคแรก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจึงจัดงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น ที่กรุงมาดริด เมืองหลวงของประเทศสเปน โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในสเปนและอิตาลี วันที่ 15 พฤศจิกายน ตามมาด้วยฝรั่งเศส ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ก่อนจะขยายไปยังสหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก รวมถึงเยอรมนี
Mi Note 10 มาในราคา 549 ยูโร หรือราว 18,410 บาท และ Mi Note 10 Pro ราคา 649 ยูโร หรือราว 21,760 บาท
ที่มา – Gizmochina
https://www.flashfly.net/wp/273946