Xiaomi เปิดตัว Mi Watch อย่างทางการแล้ว โดยจัดงานขึ้นในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน นับเป็น Smartwatch รุ่นแรกของ Xiaomi หลังจากทำตลาดอุปกรณ์สวมใส่เพื่อติดตามสุขภาพในครอบครัว Mi Band มาตั้งแต่ปี 2014
ดีไซน์โดยรวมของ Xiaomi Mi Watch อาจดูคล้ายกับ Apple Watch เนื่องจากใช้รูปทรงสี่เหลี่ยมเหมือนกัน แต่ Smartwatch ของ Xiaomi มีสันขอบที่ชัดเจนกว่า ขณะที่ Apple Watch มีความโค้งมนมากกว่า
ตัวเรือนของ Xiaomi Mi Watch ใช้วัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์ผิวด้าน ส่วนด้านหลังทำมาจากเซรามิก โดยมี Pin สำหรับเชื่อมต่อแท่นชาร์จ และเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ สายนาฬิกาสามารถถอดเปลี่ยนได้ ทำมาจากยางที่เป็นมิตรกับผิวหนังและป้องกันอาการแพ้ มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีดำ, สีเทา, สีขาว และ สีน้ำเงินเข้ม
Xiaomi Mi Watch มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ระบบสัมผัส ขนาด 1.78 นิ้ว ความหนาแน่นพิกเซล 326 ppi ป้องกันรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 ควบคุมการนำทางของ User Interface ด้วย Crown หรือเม็ดมะยมที่อยู่ด้านข้าง และในฝั่งเดียวกันยังมีรูไมโครโฟน กับปุ่มสารพัดประโยชน์ ขณะที่อีกข้างหนึ่งก็ยังมีไมโครโฟนอีกหนึ่งตัว พร้อมลำโพง
Xiaomi Mi Watch ทำงานบนพื้นฐาน WearOS สวมทับด้วย MIUI for Watch ที่มีผู้ช่วยดิจิตอลของตัวเอง เรียกว่า XiaoAI พร้อม App Store ของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มีแอพพลิเคชั่นให้ดาวน์โหลดราว 40 แอพ อย่างเช่น QQ, WeChat, Keep และใช้ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมภายในบ้านได้อีกด้วย
Xiaomi Mi Watch ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon Wear 3100 4G ประกอบด้วยซีพียู ARM Cortex A7 Quad Core 1.2GHz แบตเตอรี่ 570mAh ใช้งานได้นานสูงสุด 36 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และมีความจุมากที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Huawei Watch GT 2 46mm (455mAh), Samsung Galaxy Watch Active 2 44mm (340mAh), Apple Watch 5 (296mAh)
Xiaomi Mi Watch สนับสนุนการเชื่อมต่อ NFC (สามารถใช้ชำระเงินได้), Bluetooth 4.2, Wi-Fi (n), GPS และรองรับ eSIM สำหรับใช้งานกับ 4G สามารถใช้ฟีเจอร์การโทรได้อิสระไม่ต้องอาศัยสมาร์ทโฟน
Xiaomi Mi Watch มาพร้อมฟีเจอร์ติดตามการออกกำลังกาย, ตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจ, มีเซ็นเซอร์วัดค่า VO2 Max, ติดตามคุณภาพการนอนหลับ, ตรวจสอบพลังงานของร่างกาย และจากวีดีโอทางการตลาด แสดงให้เห็นว่า Mi Watch สามารถสวมใส่ในขณะว่ายน้ำได้
Xiaomi Mi Watch เปิดรับจองแล้วในประเทศจีน ก่อนจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ราคา 1,299 หยวน หรือราว 5,600 บาท นอกจากนี้ ยังมีรุ่นพรีเมี่ยม ที่ตัวเรือนและสายนาฬิกาเป็นสแตนเลสสตีล พร้อมกระจกแซฟไฟร์ ราคา 1,999 หยวน หรือราว 8,620 บาท โดยรุ่นพรีเมี่ยม จะพร้อมวางจำหน่ายในเดือนธันวาคม 2019
ที่มา – Gizmochina
https://www.flashfly.net/wp/273859