OnePlus ส่งสมาร์ทโฟนเรือธงออกมาเขย่าตลาดส่งท้ายปี ด้วย OnePlus 7T Pro ที่ได้รับชิปประมวลผลที่ดีที่สุดในปีนี้ของ Qualcomm มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว 48MP Triple Camera กล้องเซลฟี่ 16MP Pop-up Selfie Camera จอแสดงผล Fluid Display 2K QHD+ ขนาด 6.67 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรช 90Hz และ รองรับเทคโนโลยี Warp Charge 30T Fast Charging ชาร์จเร็วกว่าเดิม 23%
OnePlus 7T Pro เป็นรุ่นอัพเกรดมาจาก OnePlus 7 Pro ที่เปิดตัวในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้การออกแบบโดยรวมของ 2 รุ่นนี้ มีความคล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นขนาดบอดี้ น้ำหนัก ดีไซน์หน้าจอ กล้องเซลฟี่แบบป๊อปอัพ และกล้องหลัง 3 ตัว แต่ก็ใช่ว่า OnePlus 7T Pro จะไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
มาดูในกล่องกันก่อนว่า OnePlus 7T Pro มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง โดยสิ่งแรกที่เชื่อว่าหลายคนต้องให้ความสนใจกับกล่องสีแดงยาวและข้อความบนกล่อง ที่ผู้ผลิตส่งถึงกลุ่มแฟนๆ OnePlus
กล่องของ OnePlus 7T Pro จะบอกชื่อรุ่นชัดๆที่ด้านข้างของกล่อง
เปิดฝาออกมาก็จะพบกับซองสีแดงวางอยู่บนสุดแบบนี้
ในซองก็จะมีคู่มือการใช้งานตัวเครื่อง เอกสารการรับประกันสินค้า และสติ้กเกอร์ OnePlus
ในซองยังจดหมายเชิญให้เข้าร่วมกลุ่มผู้ใช้งาน OnePlus ทั่วโลกอีกด้วย
ดูของที่อยู่ในซองสีแดงกันไปแล้ว ก็จะพบกับตัวเครื่อง OnePlus 7T Pro พระเอกของเราวางอยู่บนถาดใส่ตัวเครื่อง
หยิบตัวเครื่องขึ้นมานำห่อพลาสติกออก ก็พบกับตัวเครื่องสีฟ้าหมอก Haze Blue กระจกด้านหลังแบบด้านสวยงามมากๆ
มาดูกันต่อที่ถาดด้านล่างก็จะพบกับเคสใส พร้อใช้งานทันทีไม่ต้องไปซื้อเพิ่ม
ขาดไม่ได้เลยกับเข็มจิ้มถาดใส่ซิม
สาย USB แบบ Type-C รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Warp Charge 30T
สุดท้ายกับที่ชาร์จแบบพกพาที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Warp Charge 30T Fast Charging (5V/6A) ที่รวดเร็วกว่าเดิม
OnePlus 7T Pro ผลิตออกมาเพียงสีเดียว เรียกว่าสี Haze Blue ขณะที่ OnePlus 7 Pro มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Almond, Mirror Gray และ Nebula Blue ส่วนความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง 2 รุ่น อยู่ที่ระบบกล้องหลัง 3 ตัว จะเห็นว่าในรุ่นใหม่ได้ย้ายตำแหน่ง Laser Focus มาวางข้างเลนส์กล้อง เพื่อให้จับวัตถุได้ดียิ่งขึ้น
จอแสดงผลของ OnePlus 7 Pro ได้รับคำชมอย่างมาก ถูกจัดอันดับให้อยู่ในเกรด A+ จาก DisplayMate ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบจอแสดงผลระดับโลก และถ่ายทอดมาถึงรุ่นใหม่ OnePlus 7T Pro
ที่มาพร้อมจอแสดงผล Fluid Display (AMOLED) ดีไซน์ไร้กรอบ ไร้รอยบาก ความละเอียด 3120 x 1440 พิกเซล ขนาด 6.67 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 19.5:9 ความหนาแน่นพิกเซล 516ppi และป้องกันรอยด้วยกระจก 3D Corning Gorilla Glass
เบื้องหลังที่ทำให้จอแสดงผลของ OnePlus 7T Pro ไม่เป็นรองใคร มาจากการสนับสนุนเทคโนโลยีและมาตรฐานการสีต่างๆ ทั้ง sRGB, Display P3 และ HDR 10+ จึงให้สีสันที่ถูกต้องแม่นยำ และขอบเขตสีกว้าง มองเห็นรายละเอียดภาพได้อย่างชัดเจนเมื่อรับชมวีดีโอที่สนับสนุน HDR จากผู้ให้บริการอย่าง Netflix, YouTube, Amazon Prime Video
จอแสดงผลของ OnePlus 7T Pro ยังให้อัตราการรีเฟรช 90Hz สูงกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปที่อยู่ในระดับ 60Hz ช่วยให้จอแสดงผลตอบสนองการสัมผัสได้ราบรื่นกว่า รวดเร็วกว่า และยังมีฟีเจอร์ Reading Mode ที่ช่วยลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา พร้อมปรับสีสันให้เหมาะสำหรับการจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน หรือใช้งานในเวลากลางคืน
OnePlus 7T Pro ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล สามารถสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และ ปลอดภัย โดยใช้เวลาในการปลดล็อคเพียง 0.21 วินาที
OnePlus 7T Pro ซ่อนกล้องเซลฟี่ไว้ที่ด้านบน โดยใช้กลไกสไลด์กล้องอัตโนมัติ ที่ผ่านการทดสอบการสไลด์ถึง 300,000 ครั้ง ในเวลา 15 วัน ทำหน้าที่ใช้ถ่ายภาพหรือบันทึกวีดีโอ รวมไปถึงวีดีโอแชท และใช้ปลดล็อคด้วยการสแกนใบหน้าได้ด้วย
ด้านหลังมาในสี Haze Blue และไม่มีสีอื่นให้เลือก โดยเป็นสีน้ำเงินที่ให้เฉดสีและเอฟเฟกต์แสงแตกต่างจากสีน้ำเงิน Nebula Blue ของ OnePlus 7 Pro มองเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนเมื่อมีแสงมาตกกระทบกับพื้นผิว
โดยมีจุดเด่นที่ระบบกล้องหลัง 3 ตัว และอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าในรุ่นใหม่มีการย้ายตำแหน่ง Laser Focus ออกมาไว้ข้างเลนส์กล้อง สร้างความแตกต่างจากรุ่นก่อน และยังช่วยให้จับวัตถุได้ดียิ่งขึ้น ส่วนตำแหน่งแฟลช Dual LED กับโลโก้ OnePlus ยังอยู่ใต้เลนส์กล้องเหมือนกับรุ่นก่อน
เช่นเดียวกับในรุ่นที่แล้ว OnePlus 7T Pro ติดตั้งลำโพงมาให้ 2 ตัว เพื่อให้เสียงสเตอริโอ โดยติดตั้งลำโพงไว้ที่ขอบบนสุด และอีกตัวอยู่ด้านล่าง อีกทั้งยังมาพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos ให้เสียงคุณภาพสูงระดับโรงภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นการรับชมวีดีโอหรือเล่นเกม นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนติดตั้งมาให้ด้วย
ด้านข้างมีปุ่ม Alert Slider เป็นปุ่มทางลัดสำหรับตั้งค่าเสียง เมื่อเลื่อนปุ่มขึ้นจะปิดเสียงและระบบสั่น เลื่อนปุ่มมาตรงกลางจะเปิดเฉพาะระบบสั่น และเลื่อนลงจะเปิดเสียงและระบบสั่น ถัดลงมาเป็นปุ่มเพาเวอร์
ปุ่มปรับระดับเสียงติดตั้งอยู่อีกข้างหนึ่ง โดยส่วนขอบมีความบาง 8.8 มิลลิเมตร เท่ากับ OnePlus 7 Pro
ด้านล่างจะพบกับถาดใส่ซิมการ์ด รองรับ 2 ซิม Dual Nano-SIM, พอร์ต USB Type-C (USB 3.1 Gen1), ไมโครโฟนตัวหลัก (มีไมโครโฟนตัวที่ 2 อยู่ด้านบนด้วย) และ ลำโพง
OnePlus 7T Pro มีความจุแบตเตอรี่ 4085mAh (เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนเล็กน้อย) รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Warp Charge 30T Fast Charging (5V/6A) ชาร์จเร็วกว่าเดิม 23% เมื่อเทียบกับ Warp Charge 30 ของ OnePlus 7 Pro นั่นหมายถึง ในรุ่นใหม่ควรจะให้อายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า และยังชาร์จได้เร็วกว่า
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ OnePlus 7T Pro คือ ได้รับชิปประมวลผลรุ่นใหม่ Qualcomm Snapdragon 855 Plus ซึ่งมีความเร็วเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน สามารถทำคะแนนจาก AnTuTu ได้สูงถึง 470,654 คะแนนเลยทีเดียวถือว่าสูงมากๆ
นอกจากจะเล่นเกมได้อย่างสุดยอดแล้ว ยังมีระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว ที่ประกอบไปด้วยท่อความร้อนทองแดง เจลระบายความร้อนขั้นสูง และแผ่นกราไฟท์กระจายความร้อน 10 แผ่น ช่วยลดอุณหภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตอบสนองการเล่นเกมให้สนุกยิ่งขึ้นด้วย Haptic Vibration มอเตอร์สั่นสะเทือน ที่ได้รับการอัพเกรดตัวขับเคลื่อน Haptic แบบอิสระ ช่วยให้ตอบสนองต่อการสัมผัสอย่างเป็นธรรมชาติ แม่นยำและดีขึ้นกว่าเดิม
ก่อนเล่นเกมสามารถเปิดโหมด Fnatic เพื่อตั้งค่าประสิทธิภาพให้เหมาะสมกับเกมที่กำลังจะเล่น เพื่อให้เกมลื่นไหลมากที่สุด และยังสามารถตั้งค่าเพื่อปิดกั้นการรบกวนจากการแจ้งเตือนหรือสายเรียกเข้า เพื่อไม่ให้เสียสมาธิในระหว่างเล่นเกม อีกทั้งยังขับเสียงผ่านลำโพงสเตอริโอ และสนับสนุนระบบเสียง Dolby Atmos เพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับการเล่นเกมทั้งภาพและเสียง
OnePlus 7T Pro ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย มีให้เลือกรุ่นเดียว คือ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 256GB โดยใช้หน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.0 ซึ่งถือเป็นมาตรฐานล่าสุดในปัจจุบัน แน่นอนว่ามีความเร็วกว่ามาตรฐาน UFS 2.1 ทั้งการอ่านและเขียนข้อมูล
OnePlus 7T Pro ทำงานบนพื้นฐาน Android 10 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของ Google ครอบทับด้วย OxygenOS 10 ที่มีความเสถียร โดยนอกจากจะมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่มากับ Android 10 แล้ว OxygenOS 10 ยังมาพร้อม Zen Mode ที่จะช่วยดึงเจ้าของสมาร์ทโฟนให้หันออกไปมองโลกแห่งความจริงมากยิ่งขึ้น
โดยการตั้งเวลางดใช้งานสมาร์ทโฟนได้ตั้งแต่ 20 นาที ถึง 60 วัน เพื่อสร้างความท้าทายให้กับตัวเอง และยังมีฟีเจอร์ 21-Day Zen Mode Challenge ที่จะช่วยปรับความสมดุลระหว่างชีวิตกับการพึ่งพาเทคโนโลยีให้เกิดความพอดีมากยิ่งขึ้น
กล้องหน้าของ OnePlus 7T Pro ติดตั้งไว้ที่ด้านบน พร้อมกลไกสไลด์กล้องขึ้น-ลงอัตโนมัติ ทำให้จอแสดงผลไม่มีรอยบากและไม่ถูกเจาะรู อีกทั้งยังผ่านการทดสอบการสไลด์ถึง 300,000 ครั้ง และมีระบบตรวจจับการหล่น โดยกล้องหน้าจะถูกดึงกลับเข้าไปทันที เมื่อพบว่าสมาร์ทโฟนกำลังจะตกลงสู่พื้น
กล้องหน้าใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX471 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 ขนาดพิกเซล 1.0 ไมครอน ใช้ระบบลดภาพสั่นไหวแบบ EIS เมื่อมีการใช้งานกล้องหน้า บนขอบจอด้านบนจะแสดงเอฟเฟกต์แสงสีฟ้าขึ้นมา เพื่อให้ผู้ใช้งานเห็นตำแหน่งของกล้อง รองรับถ่ายภาพเซลฟี่
บันทึกวีดีโอที่ความละเอียดสูงสุด Full HD 1080P ด้วยอัตรา 30 เฟรมต่อวินาที พร้อมโหมดถ่ายภาพ Time-Lapse, HDR, Face Retouching และยังสามารถใช้ประโยชน์กับฟีเจอร์วีดีโอแชท รวมถึงฟีเจอร์ปลดล็อคด้วยการสแกนใบหน้า
OnePlus 7T Pro ได้ย้ายตำแหน่ง Laser Focus มาวางไว้ด้านข้างของกล้องหลัก เพื่อให้จับวัตถุบนภาพได้ดียิ่งขึ้น สามารถจับโฟกัสในระบบ Multi Autofocus (PDAF+LAF+CAF) โดยมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบไปด้วย กล้องหลัก Sony IMX586 ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.6 ประกอบด้วยชุดเลนส์ 7 ชิ้น ใช้ระบบลดภาพสั่นไหวแบบคู่ (มีทั้ง OIS และ EIS)
กล้องเทเลโฟโต้ 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4 เทียบเท่าระยะเลนส์ 78 มม. ขนาดพิกเซล 1.0 ไมครอน มีระบบกันสั่น OIS และรองรับการซูมแบบออปติคอลได้สูงสุด 3 เท่า โดยไม่สูญเสียรายละเอียด กล้องอัลตร้าไวด์ 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 สามารถเก็บภาพในมุมมองกว้างพิเศษ 117 องศา
กล้องหลังของ OnePlus 7T Pro รองรับโหมดถ่ายภาพ Portrait สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งกล้องหลักและกล้องเทเลโฟโต้ ขณะที่กล้องอัลตร้าไวด์ก็รองรับโหมด Nightscape จึงสามารถเก็บภาพถ่ายในเวลากลางคืนในมุมมองที่กว้างขึ้น
OnePlus 7T Pro ยังได้รับการพัฒนาซอฟแวร์ถ่ายภาพให้ดีขึ้นด้วย UltraShot Engine ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถถ่ายภาพออกมาได้สวยงามราวกับมืออาชีพ ถึงแม้จะถ่ายภาพในสภาวะแสงที่ยากสำหรับกล้องของสมาร์ทโฟนทั่วไป แต่ด้วย UltraShot Engine ของ OnePlus 7T Pro จะเปลี่ยนภาพถ่ายธรรมดาให้ดูสวยงามเป็นพิเศษ
กล้องหลังของ OnePlus 7T Pro ยังมาพร้อม AI Scene Detection สำหรับปรับค่ากล้องให้อัตโนมัติตามฉากหรือวัตถุที่กำลังจะถ่าย มีโหมดถ่ายภาพ Macro สำหรับถ่ายภาพในระยะใกล้วัตถุถึง 2.5 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังรองรับโหมด Pro Mode, Panorama, HDR และสนับสนุนการบันทึกภาพแบบ RAW Image
สำหรับการถ่ายวีดีโอของกล้องหลัง รองรับความละเอียดสูงสุด 4K ด้วยอัตรา 60 เฟรมต่อวินาที มีโหมด Super Slow Motion ความละเอียดสูงสุด 1080P ด้วยอัตรา 240 เฟรมต่อวินาที หรือ 720P ด้วยอัตรา 960 เฟรมต่อวินาที โดย OnePlus ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบกันสั่น ให้ถ่ายวีดีโอได้ราบรื่นขึ้นด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วย OnePlus 7T Pro
สรุปแล้ว OnePlus 7T Pro เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่ตอบสนองการใช้งานได้รอบด้าน ด้วยจอแสดงผลขนาดใหญ่ให้สีสันที่สวยงาม ดูหนังเต็มตา เล่นเกมเต็มอิ่ม ด้วยชิปประมวลผลที่ดีที่สุดของ Qualcomm ในปีนี้
กล้องดิจิตอลก็ถูกออกแบบมาให้สามารถถ่ายภาพได้หลากหลายมากกว่าเดิม ที่สำคัญก็คือ ราคาเปิดตัว ถือว่าไม่แรงเกินไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่จะได้ และยังเป็นเจ้าของได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับเรือธงจากแบรนด์ชั้นนำ
OnePlus 7T Pro พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว ราคา 26,990 บาท มีให้เลือกเพียงรุ่นเดียว RAM 8GB + ROM 256GB และผลิตออกมาเฉพาะสีฟ้าหมอก หรือ Haze Blue ใครที่เป็นแฟนนักฆ่าเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดตัวจริงต้องไม่พลาดเป็นเจ้าของ