OPPO บุกตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยแบบต่อเนื่องเจาะกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบในการใช้งานด้านการถ่ายภาพและวีดีโอด้วยสมาร์ทโฟน Reno2 Series ซึ่งได้เปิดตัวในประเทศไทยแล้วพร้อมกัน 2 รุ่นนั่นก็คือ OPPO Reno2 F และ OPPO Reno2 ซึ่งทั้ง 2 รุ่นก็จะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ โดยก่อนหน้าทีมงาน @flashfly ได้ทำการรีวิวรุ่น OPPO Reno2 F ถ่ายภาพสวยทุกมุมมองทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังกันไปแล้ว
คราวนี้ก็มาถึงรุ่นพี่อย่าง OPPO Reno2 ที่มาพร้อมระบบกล้องหลัง 4 ตัว ภายใต้สโลแกน “ชัดทุกระยะ สวยทุกมุมมอง” โดยในรุ่นนี้มีจุดเด่นด้านการถ่ายภาพที่สามารถถ่ายได้ตั้งแต่ระยะใกล้วัตถุ ไปจนถึงมุมมองกว้างพิเศษ
แถมยังซูมได้สูงสุดถึง 20 เท่า อีกทั้งการถ่ายวีดีโอก็ได้รับการปรับปรุงให้มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวที่ดีขึ้น เพื่อเอาใจสาย Vlog หรือ YouTuber
ตัวกล่องของ OPPO Reno2 เป็นแนวยาวมาแบบเดียวกับ OPPO Reno2 F ที่ได้รีวิวไปก่อนหน้า ซึ่ง OPPO ตั้งใจออกแบบให้ดูพรีเมียมเข้ากับดีไซน์ของตัวเครื่อง บนฝาโดดเด่นด้วยดีไซน์กล้องหลัง 4 ตัวที่เรียงแนวตั้งอยู่กลาง ด้านล่างระบุชื่อรุ่นชัดเจนว่า OPPO Reno2 ส่วนโลโก้ OPPO ย้ายไปอยู่ด้านข้างกล่องแทน
ขอบด้านบนจะระบุสีตัวเครื่อง แรม 8GB ความจุถึง 256GB
เมื่อเปิดฝาออกมาก็จะพบซองกระดาษภายในใส่เอกสารคู่มือการใช้งานเบื้องต้นและเอกสารเกี่ยวกับการรับประกันตัวเครื่อง
จากนั้นเราก็จะเห็นตัวเครื่อง OPPO Reno2 ที่ถูกห่อหุ้มด้วยแผ่นพลาสติกวางอยู่บนถาดรอง โดยจะบอกฟีเจอร์ที่น่าสนใจของรุ่นนี้เอาไว้นั่นก็คือ กล้องหลัง 4 ตัว ,5x Hybrid Zoom,Ultra Dark Mode ,Ultra Steady Video,หน้าจอ 6.5 นิ้ว AMOLED Panoramic Screen ,แบตเตอรี่ 4000mAh รองรับ VOOC 3.0 และ แรม 8GB ความจุ 256GB
เมื่อยกถาดรองสมาร์ทโฟนออกไปจะพบกับเคสคุณภาพดีมากดีไซน์สวยงามทั้งภายในและภายนอก พร้อมใช้งานทันทีไม่ต้องเสียเวลาไปหาซื้อให้วุ่นวาย โดยที่หน้าจอของ OPPO Reno2 นั้นยังได้ติดฟิล์มป้องกันรอยมาให้แล้ว
ถัดมาก็จะพบกับที่ชาร์จแบบพกพา USB Power Adapter รองรับชาร์จไว VOOC 3.0
สาย USB Type-C ที่รองรับ VOOC 3.0 ที่ด้านล่างจะมีเข็มจิ้มถาดซิมการ์ดวางไว้อยู่
และสุดท้ายกับหูฟังขนาด 3.5 มม. เรียกได้ว่าของแถมนั้นจัดเต็มมากๆ
OPPO Reno2 ได้รับการออกแบบมาอย่างพรีเมี่ยม ไม่มีการไล่ระดับสีแบบทูโทนอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นการไล่เฉดสีระหว่างสีเข้มกับสีอ่อน ผ่านกระบวนการเคลือบผิวหลายชั้นจนเกิดความเงางาม
และแสดงเอฟเฟกต์สะท้อนแสงตามขอบและกรอบโลโก้ OPPO เหมือนกับมีการซ่อนไฟเอาไว้ แต่ที่จริงแล้วเอฟเฟกต์แสงเกิดมาจากเทคนิคการเคลือบสีจนทำให้เกิดแสงสะท้อนในมุมมองที่ต่างออกไป
ด้านหลังฝังกล้องดิจิตอลทั้ง 4 ตัว ไว้อย่างแนบเนียน และวางเรียงซ้อนกันในแนวตั้ง อยู่ในแนวกึ่งกลาง เพื่อให้ภาพรวมดูสมดุล ครอบทับด้วยกระจกโค้ง 3D Corning Gorilla Glass 5
และมีจุดเซรามิกที่เรียกว่า O-Dot อยู่ใต้กล้อง ช่วยป้องกันเลนส์กล้องเมื่อวางสมาร์ทโฟนบนพื้นราบ เนื่องจาก O-Dot มีความนูน ช่วยป้องกันไม่ให้เลนส์กล้องหลัง สัมผัสกับพื้นโดยตรง
OPPO Reno2 มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED (2400 x 1080 พิกเซล) ขนาด 6.5 นิ้ว บนดีไซน์ Panoramic Screen ที่ให้มุมมองกว้างสุดขอบ ไร้รอยบาก ทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้ถึง 93.1% และยังมีความทนทานสูง เพราะได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 6
จอแสดงผลของ OPPO Reno2 ให้ความสว่างสูงสุด 700 นิต เมื่อใช้งานในที่แจ้ง ให้อัตราส่วนคอนทราสต์ 1,400,000 ต่อ 1 ช่วยถนอมดวงตาเมื่อใช้งานในเวลากลางคืน สามารถลดแสงสีฟ้าได้ถึง 37.5% และยังมีเทคโนโลยี DC Dimming ช่วยปรับความสว่างของจอแสดงผลให้อัตโนมัติ ตามสภาพแสงในบริเวณที่ใช้งาน เมื่อมีการใช้งานสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน
ใต้จอแสดงผล มีการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย โดยใช้เทคโนโลยีล่าสุด Hidden Fingerprint Unlock 3.0 สแกนลายนิ้วมือแบบออปติคอล G3 ที่มีความปลอดภัยและทำงานได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เซ็นเซอร์แบบออปติคอล สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างผิวหนังของมนุษย์ได้ดีขึ้น และยังให้ความสว่างบนพื้นที่สแกนลายนิ้วมือเพิ่มขึ้น 16% ปลดล็อคเร็วขึ้น 11.3%
ด้านบนมีกล้องเซลฟี่ Pivot Rising Camera ที่สไลด์ขึ้นมาแบบครีบฉลาม ในเวลาเพียง 0.8 วินาที จนทำมุม 11 องศา สามารถเก็บกล้องเซลฟี่ได้อัตโนมัติ เมื่อพบว่าสมาร์ทโฟนกำลังจะตก และยังผ่านการทดสอบสไลด์กล้องมากกว่า 200,000 ครั้ง
ด้านล่างมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ไมโครโฟน พอร์ต USB Type-C และ ลำโพง
ส่วนขอบมีความบาง 9.5 มิลลิเมตร มาพร้อมถาดใส่ซิมการ์ด (รองรับ 2 ซิมการ์ด Dual Nano-SIM) ถัดลงมาเป็นปุ่มเพาเวอร์ ส่วนปุ่มเพิ่มและลดเสียง อยู่อีกข้างหนึ่ง
มาถึงไฮไลท์ของ OPPO Reno2 นั่นคือระบบกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX586 รูรับแสง F1.7 มีระบบลดภาพสั่นไหว OIS + กล้องเทเลโฟโต้ 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4 พร้อมระบบออโต้โฟกัส + กล้องมุมกว้างพิเศษ 8 ล้านพิกเซล ช่วยเก็บภาพในมุมมอง 116 องศา + กล้องโมโน 2 ล้านพิกเซล ช่วยถ่ายภาพในโหมด Portrait
กล้องเทเลโฟโต้ ช่วยให้กล้องหลังของ OPPO Reno2 สามารถซูมได้สูงสุด 20 เท่า ในระบบดิจิตอล หรือซูมแบบไฮบริดได้สูงสุด 5 เท่า โดยไม่สูญเสียรายละเอียด
กล้องหลังของ OPPO Reno2 มีจุดเด่นที่ Ultra Dark Mode สำหรับถ่ายภาพในเวลากลางคืนหรือในบริเวณที่มีแสงสว่างน้อยกว่า 5 ลักซ์ เพื่อให้มองเห็นรายละเอียดของภาพถ่ายอย่างชัดเจน โดยใช้เทคโนโลยี AI มาช่วยลดจุดรบกวนบนภาพถ่าย
AI Beauty Mode สามารถปรับสีผิวได้อย่างอัจฉริยะ ตามสภาพแสงในบริเวณนั้น เพื่อให้สีผิวออกมาเหมาะสม และรองรับการถ่ายภาพบุคคลสูงสุด 4 คน ในเฟรมเดียว เพื่อให้ได้ภาพหมู่ที่ดูดีกันทุกขึ้น
Portrait Bokeh โหมดถ่ายภาพแบบละลายฉากหลังด้วยเอฟเฟกต์โบเก้ สามารถจับโฟกัสได้อย่างรวดเร็ว ใช้ได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า
Ultra Macro Mode สามารถถ่ายภาพในระยะใกล้วัตถุถึง 2.5 เซนติเมตร เหมาะสำหรับการถ่ายภาพแมลง ของสะสมหรือวัตถุขนาดเล็กจิ๋ว เพื่อให้มองเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น
HDR Mode เหมาะสำหรับถ่ายภาพในบริเวณที่มีสภาพแสงแตกต่างกันอย่างชัดเจน ช่วยเพิ่มความสว่างในส่วนที่มืด และลดแสงในส่วนที่สว่างเกินไป เพื่อให้ภาพถ่ายออกมาคมชัดทั่วทั้งภาพ
OPPO Reno2 สามารถถ่ายวีดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K ด้วยอัตรา 30 เฟรมต่อวินาที มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวที่ดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการบันทึกภาพที่กำลังเคลื่อนไหว เพื่อให้ได้ภาพที่ราบรื่นนุ่มนวล ไม่สั่นจนตาลาย ด้วยการทำงานผสานกันระหว่างระบบกันสั่น EIS กับ OIS
นอกจากนี้กล้องเทเลโฟโต้ และ กล้องมุมกว้างพิเศษ ยังสามารถใช้ถ่ายวีดีโอได้ด้วย ทำให้สามารถซูมแบบไฮบริดได้ 5 เท่า หรือ ซูมดิจิตอลได้สูงสุด 20 เท่า และบันทึกวีดีโอในมุมมองกว้าง 116 องศา
โหมดบันทึกวีดีโอของ OPPO Reno2 มีเอฟเฟกต์โบเก้ ละลายฉากหลักในระหว่างถ่ายวีดีโอ มีฟีเจอร์ Sound Focus เพื่อเน้นเสียงสิ่งที่ต้องการได้ยินในวีดีโอเป็นพิเศษ เพียงซูมเข้าไปยังสิ่งนั้น อีกทั้งยังติดตั้งไมโครโฟนมาให้ 3 ตัว จึงสามารถตัดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมโหมด Atmos สามารถบันทึกเสียงได้รอบทิศทาง 360 องศา
สำหรับกล้องเซลฟี่มีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 รองรับโหมด Portrait Bokeh ได้เหมือนกล้องหลัง และถ่ายวีดีโอที่ความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p ด้วยอัตรา 30 เฟรมต่อวินาที
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Portrait
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Ultra Wide Angle
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Ultra Macro Mode
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Ultra Dark Mode
OPPO Reno2 มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,000mAh เล่นเกมได้นานต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง สนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge 3.0 ใช้เวลาชาร์จเพียง 30 นาที ได้ระดับแบตเตอรี่ 51%
และยังเน้นในเรื่องความปลอดภัย ด้วยระบบป้องกันถึง 5 ขั้นตอน ตั้งแต่อุปกรณ์ที่ชาร์จไปจนถึงแบตเตอรี่ที่อยู่ภายในสมาร์ทโฟน ทำให้สามารถเล่นไปพร้อมกับชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างปลอดภัยและเครื่องไม่ร้อน
OPPO Reno2 ตอบสนองการใช้งานด้วยชิปประมวลผลระดับ 8 นาโนเมตร Qualcomm Snapdragon 730G ที่มีซีพียู Octa Core สูงสุด 2.2GHz บนสถาปัตยกรรม 64-bit พร้อมด้วยจีพียู Adreno 618 ความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 256GB ทำคะแนนจาก AnTuTu ได้ถึง 310,229 คะแนน
OPPO Reno2 มาพร้อมเทคโนโลยี HyperBoost 2.0 ซึ่งประกอบด้วย FrameBoost 2.0 และ TouchBoost 2.0 เวอร์ชั่นใหม่ ทำงานอยู่ในเบื้องหลัง เพื่อช่วยให้สมาร์ทโฟนตอบสนองการเล่นเกมได้ราบรื่นขึ้น มีความเสถียรขึ้น ลดอาการเฟรมเรทตก และช่วยให้เกมตอบสนองการสัมผัสได้ดีขึ้น
OPPO Reno2 ยังผ่านการรับรองประสิทธิภาพการเล่นเกมระดับ 5 ดาว จาก TUV Rheinland ผู้นำในการตรวจสอบมาตรฐานการบริการระดับโลก หลังจากได้ทดสอบประสิทธิภาพการเล่นเกมของ OPPO Reno2 รวมถึงทดสอบจอแสดงผล อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ไปจนไปถึงประสิทธิภาพของสัญญาณไร้สาย ซึ่งจำเป็นสำหรับการเล่นเกมผ่านระบบออนไลน์
OPPO Reno2 มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ในวงการกับ Dual WiFi สามารถเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi ได้พร้อมกัน 2 คลื่นความถี่ 2.4GHz และ 5GHz จึงสามารถดาวน์โหลดเกมหรือแอพพลิเคชั่นได้เร็วขึ้น 3 เท่า รวมถึงการโหลดแคชวีดีโอก็เร็วขึ้น 2 เท่าอีกด้วย
OPPO Reno2 ยังรองรับระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos เมื่อใช้งานร่วมกับหูฟังแบบครอบหู จะทำให้ผู้ใช้งานได้ยินเสียงที่สมจริง ตามทิศทางหรือแหล่งที่มาของเสียง อย่างเสียงเอฟเฟกต์ต่างๆ ภายในเกม ทำให้การเล่นเกมมีความสนุกมากยิ่งขึ้น
OPPO Reno2 สามารถจับคู่กับหูฟังไร้สาย OPPO Enco Q1 ที่มาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบไฮบริด สามารถลดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง รองรับเทคโนโลยีเสียงรอบทิศทางเสมือนจริง 3D
เพิ่มความสมบูรณ์แบบในการดูหนังหรือเล่นเกม ด้วยไดร์ฟเวอร์แบบไดนามิค ให้พลังเสียงคุณภาพสูงในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเสียงทุ้ม เสียงกลาง เสียงแหลม และสามารถใช้งานได้นานสูงสุด 22 ชั่วโมง หรือ 15 ชั่วโมง เมื่อเปิดระบบตัดเสียงรบกวน OPPO Enco Q1 วางจำหน่ายในราคา 2,990 บาท
OPPO Reno2 ทำงานบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie สวมทับด้วย ColorOS 6.1 ที่ได้รับการออกแบบ User Interface ใหม่หมด ให้เข้ากับดีไซน์ภายนอกของสมาร์ทโฟน และยังเน้นไปที่การควบคุมด้วยระบบ Gesture หรือใช้คำสั่งนิ้ว เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกด้วยมือเพียงข้างเดียว
ColorOS 6.1 มาพร้อมฟีเจอร์ปิดกั้นการแจ้งเตือนจากแอพ และวีดีโอแชท เมื่ออยู่ในโหมดขี่จักรยาน หรือปิดกั้นการรบกวนระหว่างเล่นเกมด้วยฟีเจอร์ Game Space และยังสามารถจัดการเกมต่างๆ ที่ดาวน์โหลดมา รวมไปถึงปรับการตั้งค่าของประสิทธิภาพให้เหมาะกับเกมแต่ละประเภท
ColorOS 6.1 ยังมีฟีเจอร์ Smart Assistant นำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานโดยเฉพาะ แสดงผลในรูปแบบการ์ดบนหน้าจอหลัก และรองรับบริการสำรองข้อมูลผ่าน Cloud ที่เน้นความปลอดภัยเป็นสำคัญ
สรุปแล้ว OPPO Reno2 ได้รับการออกแบบมาให้มีความสวยงามไม่ซ้ำใคร มีจุดเด่นที่ระบบกล้องหลัง สามารถถ่ายภาพได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะกลางวัน กลางคืน ระยะใกล้ไปจนถึงมุมกว้างพิเศษ อีกทั้งยังได้ปรับปรุงการถ่ายวีดีโอให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จอแสดงผลมีขนาดใหญ่เต็มตา ชิปประมวลผลก็ตอบสนองการเล่นเกมได้น่าพอใจ ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีราคาอยู่ในระดับกลางแค่หมื่นกว่าบาท แต่ให้ความคุ้มค่าเหมือนสมาร์ทโฟนระดับเรือธงราคาแพงกว่าหลายเท่าตัว
OPPO Reno2 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Luminous Black และ สีชมพู Sunset Pink จะวางจำหน่ายในราคา 17,990 บาท พร้อมเปิดจองแล้ววันนี้ – 25 ตุลาคมนี้ เมื่อพรีออเดอร์ OPPO Reno2 รับเลย Car Charge และ Premier Card การันตีเปลี่ยนเครื่องใหม่ทันทีเมื่อเครื่องมีปัญหา รวมมูลค่าถึง 9,500 บาท และยังมีโปรโมชั่นซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจ กับผู้ให้บริการเครือข่ายที่ร่วมรายการ ได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 3,490 บาท
แคมเปญสุดพิเศษ เก่าแลกใหม่! นำสมาร์ทโฟนเครื่องเก่าแลกรับส่วนลดในการจองหรือซื้อ OPPO Reno2 พิเศษรับส่วนลดเพิ่มอีก 500 บาท โดย OPPO Reno2 Series จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 ตุลาคมเป็นต้นไป ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ