หลังจากที่ทีมงาน @flashfly ทำได้การรีวิวแกะกล่อง iPhone 11 Pro Max สีเขียว Midnight Green ความจุ 512GB เครื่องศูนย์ประเทศไทยให้ได้เห็นกันไปก่อนหน้านี้แล้ว มาคราวนี้ก็ถึงคิวของการแกะกล่อง iPhone 11 กันบ้าง
โดย iPhone 11 นั้นเป็น iPhone รุ่นที่มาพร้อมประสิทธิภาพแบบเต็มเปี่ยมระดับแฟล็กชิประดับเดียวกับ iPhone 11 Pro กันเลยทีเดียว ซึ่งสีที่ทีมงาน @flashfly นำมารีวิวนั้นเป็นสีม่วงที่เป็นอีกหนึ่งสีใหม่ล่าสุดในปีนี้
และถึงแม้ว่า iPhone 11 นั้นจะมีราคาเปิดตัวถูกลงกว่าเดิม เมื่อเทียบกับ iPhone XR ในปีที่แล้วถึง 5,000 บาท แต่ประสิทธิภาพนั้นไม่ได้ถูกตัดทอนลงไปแต่อย่างใด โดย iPhone 11 นั้นมาพร้อมกล้องคู่หลัง ปรับปรุงกล้องหน้า ได้รับชิป A13 Bionic เหมือนกับรุ่นโปร และยังมีให้เลือกถึง 6 สีสุดสวยงาม ลองมาดูกันเลยดีกว่าว่าภายในกล่องจัดจำหน่ายของ iPhone 11 รุ่นความจุ 256GB สีม่วง ที่เป็นเครื่องศูนย์ประเทศไทยนั้นมีอะไรบ้าง
แกะกล่อง
มาเริ่มแกะกล่อง iPhone 11 กันเลยโดยกล่องของ iPhone 11 นั้นจะเป็นพื้นสีขาวบนกล่องจะมีรูปภาพด้านหลังของ iPhone 11 ตามสีที่ผลิตออกมาให้เลือก แตกต่างจากกล่องของ iPhone 11 Pro ที่ใช้พื้นเป็นสีดำ
ซึ่งสีของโลโก้ Apple และสีโลโก้ iPhone ที่อยู่ด้านบนและด้านข้างก็จะเป็นสีเดียวกับตัวเครื่องเช่นเดียวกัน
ด้านหลังจะบอกความจุของตัวเครื่อง และอุปกรณ์ต่างๆที่แถมมาในในกล่อง
และเมื่อเปิดออกมาก็จะพบกับตัวเครื่อง iPhone 11 โชว์ดีไซน์ด้านหลัง และกล้องเลนส์คู่แบบเดียวกับที่อยู่บนฝา เช่นเดียวกับที่เห็นใน iPhone 11 Pro Max
บนฝากล่องด้านในก็จะเห็นว่ามีการเจาะเป็นรูปสี่เหลี่ยมตรงตำแหน่งเลนส์กล้องไว้เช่นเดียวกับในรุ่นโปร
ส่วนด้านหน้าจอจะติดแผ่นพลาสติกป้องกันรอยหน้าจอแบบสูญญากาศเอาไว้เพียงด้านเดียวเท่านั้น
เมื่อหยิบตัวเครื่องออกมาเราจะพบกับซองเอกสาร Designed by Apple California ที่จากเดิมจะพบอยู่ด้านบนสุดเมื่อเปิดกล่องออกมา ตอนนี้ถูกย้ายมาวางไว้ด้านล่างตัวเครื่องแทนเรียบร้อยแล้ว
ด้านในซองเราก็พบกับเอกสารคู่มือการใช้งานภาษาไทย รวมถึงเอกสารการรับประกันตัวเครื่อง
เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
และสติ๊กเกอร์โลโก้ Apple สีขาวที่หลายคนชอบสะสม
ที่ถาดล่างสุดเราก็จะพบกับอุปกรณ์เสริมที่แถมมาให้ในกล่อง iPhone 11 ดังนี้
หูฟัง EarPods แบบ Lightning
สายเคเบิล Lightning to USB
และที่ชาร์จพกพาอะแดปเตอร์ขนาด 5 วัตต์ แบบเดิมที่แถมมาใน iPhone รุ่นก่อนหน้า น่าเสียดายที่ iPhone 11 ไม่ได้รับอุปกรณ์ชาร์จเร็ว 18 วัตต์ เหมือนกับรุ่นโปร
แต่ iPhone 11 ก็สนับสนุนการชาร์จเร็วเช่นเดียวกัน สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้สูงสุด 50% ภายในเวลาเพียง 30 นาที ด้วยอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ขนาด 18 วัตต์ ซึ่งต้องจ่ายเพิ่มต่างหาก ในราคา 1,190 บาท และต้องใช้ร่วมกับสายเคเบิล USB-C to Lightning ราคาเริ่มต้น 690 บาท สำหรับสายยาว 1 เมตร รวมเป็นเงินอีกราวๆ 1,900 บาท
นอกจากนี้ Apple ยังได้วางจำหน่ายเคสใสสำหรับ iPhone 11 และ iPhone 11 Pro ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การออกแบบ
iPhone 11 ผลิตออกมาให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีม่วง, สีเขียว, สีเหลือง, สีดำ, สีขาว และ สีแดง PRODUCT(RED) ด้านหลังใช้วัสดุกระจกเพียงชิ้นเดียว ที่ Apple เคลมว่า มีความแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน ส่วนขอบด้านข้างเป็นอลูมิเนียมซีรีย์ 7000 ระดับเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ
iPhone 11 มาพร้อมจอแสดงผล Liquid Retina ขนาด 6.1 นิ้ว ใช้จอภาพแบบ LCD ความละเอียด 1792 x 828 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซล 326 ppi รองรับการแสดงผลแบบ True Tone และตอบสนองการสัมผัสค้างไว้ด้วย Haptic Touch หรือ การแตะค้างแบบสั่น เหมือนกับที่พบใน iPhone XR
กล้อง
iPhone 11 มาพร้อมกล้องคู่หลัง ประกอบด้วย กล้องไวด์ซึ่งเป็นกล้องตัวหลัก 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด F1.8 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล วางคู่กับกล้องอัลตร้าไวด์ รูรับแสง F2.4 เก็บภาพได้กว้างขึ้น 4 เท่า
กล้องหน้า หรือกล้อง TrueDepth ของ iPhone 11 ก็ได้รับการปรับปรุงเช่นเดียวกับรุ่นโปร โดยมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 และมีฟีเจอร์ใหม่ Slofie คือการถ่ายวีดีโอในโหมด Slo‑mo ความละเอียด 1080p ด้วยอัตรา 120 เฟรมต่อวินาที
ประสิทธิภาพ A13 Bionic
ข้อได้เปรียบของ iPhone 11 คือ ราคาที่ถูกกว่ารุ่นโปรพอสมควร แต่ได้รับชิปประมวลผลรุ่นเดียวกัน นั่นคือ Apple A13 Bionic ซึ่งเป็นชิปที่ทรงพลังที่สุดของ iPhone เร็วกว่า A12 ถึง 20% และยังประหยัดพลังงานมากขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้ iPhone 11 ใช้งานได้นานกว่า iPhone XR สูงสุด 1 ชั่วโมง (iPhone XR ใช้งานได้นานกว่า iPhone 8 Plus สูงสุด 1.5 ชั่วโมง)
ราคา
iPhone 11 พร้อมให้จับจองแล้วผ่านผู้ให้บริการฯ AIS, Dtac, TrueMove H และตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต ในราคาเริ่มต้นที่ 15,200 บาทเท่านั้น ก่อนจะเริ่มวางจำหน่ายพร้อมกัน ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป มีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีม่วง, สีเขียว, สีเหลือง, สีดำ, สีขาว และ สีแดง PRODUCT(RED) โดยมีราคาแตกต่างกันดังนี้
- iPhone 11 ความจุ 64GB ราคา 24,900 บาท
- iPhone 11 ความจุ 128GB ราคา 26,900 บาท
- iPhone 11 ความจุ 256GB ราคา 30,900 บาท
สำหรับใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศเป็นเจ้าของ iPhone 11 ,iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ที่ Apple ICON SIAM ในวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคมนี้ ทางร้านจะเปิดให้บริการเร็วกว่าปกติเป็นเวลาตั้งแต่เวลา 8.00 น. เป็นต้นไป รวมถึงยังเปิดให้สั่งซื้อผ่านทางร้านค้าออนไลน์ Apple Online Store ในวันนั้นอีกด้วย ทีมงาน @เตรียมไปเกาะติดรายงานสดมาให้ชม ใครตื่นเช้าก็ติดตามกันได้ที่เพจ Flashfly กันอีกเช่นเคย