สมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมที่หลายคนรอคอย Huawei Mate 30 Pro ทายาทของ Mate 20 Pro ที่ออกมาในปีที่แล้ว และได้รับคำชมเป็นอย่างมากในเรื่องของคุณภาพกล้องดิจิตอล แน่นอนว่าในรุ่นใหม่ต้องได้รับการพัฒนากล้องให้ดีขึ้นกว่าเดิม และยังมาพร้อมชิปประมวลผลรุ่นใหม่ ดีไซน์ใหม่ด้วยจอแสดงผล Horizon Display ที่ล้ำสมัย
มาเริ่มกันที่อุปกรณ์ภายในกล่องของ Huawei Mate 30 Pro ประกอบไปด้วย เคสใส เข็มจิ้มถาดใส่ซิม อุปกรณ์ชาร์จแบบพกพา Huawei SuperCharge 64W สาย USB-C และชุดหูฟัง
ดีไซน์อันโดดเด่นของ Huawei Mate 30 Pro อยู่ที่จอแสดงผล Horizon Display ใช้กระจกขอบโค้ง 88 องศา จนทำให้ปุ่มปรับระดับเสียงแบบ Physical ต้องถูกลบออกไป แล้วแทนที่ด้วยระบบสัมผัสแทน และพื้นที่ขอบจอยังใช้เป็นปุ่มเสริมสำหรับเล่นเกมได้ด้วย จึงรองรับการควบคุมเกมได้พร้อมกัน 4 นิ้ว
Huawei Mate 30 Pro ใช้จอแสดงผล OLED ความละเอียด 2400 x 1176 พิกเซล ขนาด 6.53 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 18.4:9 ขอบเขตสีกว้าง DCI-P3 มาพร้อมเทคโนโลยี Sound on Display ทำหน้าที่ขับเสียงเหมือนเป็นลำโพงหูฟัง และยังติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล
Huawei Mate 30 Pro มีขนาดบอดี้ 158.1 x 73.1 x 8.8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 198 กรัม (รวมแบตเตอรี่) และได้รับการออกแบบมาให้กันน้ำและฝุ่นในระดับ IP68 แต่การรับประกันจะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นจากของเหลว
จอแสดงผลของ Huawei Mate 30 Pro มีรอยบากกว้างกว่ารุ่น Mate 30 เนื่องจากมีการติดตั้ง Gesture Sensor สำหรับควบคุมการใช้งานด้วยท่าทาง ไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ พร้อมด้วย 3D Depth Camera ช่วยในการสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ เพื่อปลดล็อคสมาร์ทโฟนได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย อีกทั้งยังมีกล้องเซลฟี่ และเซ็นเซอร์วัดแสงกับระยะห่าง
ด้านหลังของ Huawei Mate 30 Pro ก็ได้รับการออกแบบใหม่ โดยเฉพาะระบบกล้อง 4 ตัว ที่วางอยู่ในกรอบวงกลม ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นกล้องระดับโปร และผลิตออกมาให้เลือก 4 สี ได้แก่ Cosmic Purple, Space Silver, Emerald Green, Black
Huawei Mate 30 Pro เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของบริษัทฯ ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ EMUI 10 ทำงานบนพื้นฐาน Android 10 ใช้ชิปประมวลผล Kirin 990 ซึ่งประกอบด้วย Cortex-A76 2.86GHz Dual Core + Cortex-A76 2.09GHz Dual Core + Cortex-A55 1.86GHz Quad Core และจีพียู Mali-G76 16-Core อีกทั้งยังมี NPU ช่วยประมวลผลการทำงานที่เกี่ยวข้องกับระบบ AI
Huawei Mate 30 Pro ได้รับแบตเตอรี่ขนาด 4500mAh สนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว SuperCharge แบบใช้สาย 40 วัตต์ และแบบไร้สาย 27 วัตต์ รองรับการเชื่อมต่อ LTE, Wi-Fi 2.4GHz + 5GHz, Bluetooth 5.1, NFC, GPS และ USB Type-C
Huawei Mate 30 Pro มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบด้วย กล้องมุมกว้างพิเศษ 40 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 + กล้องหลัก 40 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 ป้องกันภาพสั่นไหวด้วย OIS + กล้องเทเลโฟโต้ 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ป้องกันภาพสั่นไหวด้วย OIS + กล้อง 3D Depth Sensing
กล้องมุมกว้างพิเศษ สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือเวลากลางคืน ถ่ายวีดีโอแบบ Ultra-slow Motion และ Time-lapse ในมุมมองที่กว้างกว่า ขณะที่กล้องหลักสามารถเก็บภาพได้อย่างคมชัดทั้งเวลากลางวันและกลางคืน กล้องเทเลโฟโต้ รองรับการซูมแบบดิจิตอลสูงสุด 30 เท่า ซูมแบบไฮบริด 5 เท่า และซูมแบบออปติคอล 3 เท่า ส่วนกล้อง 3D Depth Sensing ช่วยถ่ายภาพหรือวีดีโอในโหมด Portrait สร้างเอฟเฟกต์ Bokeh อย่างธรรมชาติ
สำหรับกล้องหน้า มีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 และวางคู่กับกล้อง 3D Depth Sensing ให้ภาพถ่ายเซลฟี่มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น
สรุปแล้ว Huawei Mate 30 Pro เป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมที่เน้นระบบกล้องหลังให้ภาพถ่ายออกมาสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะถ่ายภาพในช่วงกลางวันหรือกลางคืน ด้านการออกแบบก็สวยงามทันสมัย โดยเฉพาะจอแสดงผล Horizon Display ที่ใช้กระจกขอบโค้ง 88 องศา ซึ่งในปัจจุบันนี้ มีสมาร์ทโฟนเพียง 2 แบรนด์เท่านั้นที่ผลิตออกมา
เป็นที่ทราบกันแล้วว่าใน Huawei Mate 30 Series นั้นใช้ HMS หรือ Huawei Mobile Service แทน GMS หรือ Google Mobile Service ทำให้ตัวเครื่องไม่สามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่น Google มาจากโรงงานได้ รวมถึงไม่มี Google Play Store ในการติดตั้งแอพพลิเคชั่น แต่สามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นได้จาก Huawei AppGallery ซึ่ง Huawei ได้ทุมงบกว่า 1,000 ล้านเหรียญในการโปรโมทและดึงดูดนักพัฒนา ตอนนี้ในประเทศไทยก็มีแอพพลิเคชั่นสำคัญอย่างแอพธนาคารที่เริ่มทยอยมีเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องแล้ว
Huawei Mate 30 Pro ประกาศราคาออกมาที่ 1,099 ยูโร หรือราว 37,000 บาท โดยมาพร้อมความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 256GB และใช้การ์ด NM SD (สูงสุด 256GB) แทน MicroSD สำหรับในประเทศไทยนั้นตอนนี้ทาง Huawei ก็ได้เปิดให้ผู้ที่สนใจลงทะเบียนแสดงความสนใจแล้ว สำหรับราคาและโปรโมชั่นก็น่าจะถูกปล่อยตามมาในไม่ช้า เชื่อว่าแฟน Huawei ตัวจริงไม่พลาดอย่างแน่นอน